สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 341 วิธีกล่อมนอนที่ถูกต้อง
บทที่ 341 วิธีกล่อมนอนที่ถูกต้อง
หลังจากเดินช้อปปิ้งเสร็จกลับมาบ้าน เย้นหว่านยังไงก็ไม่ยอมออกจากบ้านอีกเลย
ส่วนคฤหาสน์นี้ ถ้าตามคำพูดของเย้นโม่หลิน ไม่ขัดสนอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งพนักงานบริการก็เตรียมครบหมดแล้ว เขาก็หาเหตุผลที่เย้นหว่านต้องออกจากบ้านไม่ได้จริงๆ
แต่เย้นหว่านอยู่บ้านทั้งวัน อารมณ์ยังไงก็ไม่มีทางดีแน่นอน
แม้กระทั่ง แถมป่ายฉียังพบเรื่องที่กลุ้มใจมากเรื่องนึง
เย้นโม่หลินฟังปุ๊บ ได้ตบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าทันที “นายว่าอะไรนะ?เสี่ยวหว่านไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วงั้นเหรอ? !”
“ตอนที่ฉันตรวจร่างกายให้เธอ ตามที่ตัวเลขแสดงเป็นแบบนี้จริงๆ ถึงจะนอนก็เป็นแบบที่แค่นอนไปสักพัก ยังนอนไม่หลับแบบนั้น”
ป่ายฉีขมวดคิ้ว เขาเองก็เป็นห่วงมาก ร่างกายของเย้นหว่านยิ่งอยู่ยิ่งแย่ ขืนทนแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วร่างกายต้องทรุดแน่
อีกอย่าง ร่างกายของคนตระกูลเย้นก็พิเศษมาก ทนต่อการทำลายล้างไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดเรื่องปุ๊บ……….
“ฉันไปหาเธอเอง!”
เย้นโม่หลินลุกขึ้นมาทันที แล้วเดินก้าวเท้ายาวไปที่ห้องนอนของเย้นหว่าน
ยังไงซะเย้นหว่านก็เป็นน้องสาว แถมยังเป็นสาวอายุยี่สิบกว่าแล้ว ตอนกลางคืนเย้นโม่หลินสุภาพบุรุษมาก ไม่เข้าห้องนอนของเย้นหว่านเลย แต่เขากลับคิดไม่ถึงในตอนที่เขาไม่เห็น เย้นหว่านจะทารุณร่างกายตัวเองอย่างนี้
เธอไม่สงสารตัวเอง แต่เขาสงสารนะ!
“แอ๊ด”
เสียงดังขึ้นมาทีนึง เย้นโม่หลินเปิดประตูห้องของเย้นหว่านออกโดยตรง
เขาเดินเข้าไป ก็เห็นห้องนอนที่แสงไฟสว่างไสว เย้นหว่านกำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังของโต๊ะอ่านหนังสือ ถือดินสอไว้กำลังวาดภาพอยู่ บนโต๊ะยิ่งแล้วใหญ่มีภาพออกแบบที่ยังไม่เสร็จสิ้นวางอยู่เต็มโต๊ะ
หลายวันมานี้ ตอนกลางวันเธอวาดรูป ทำการออกแบบ แม้แต่ตอนดึกก็ไม่ยอมหยุด ได้อดหลับอดนอนโดยตรงเลย!
อดหลับอดนอนทั้งวันทั้งคืน
ได้ยินความเคลื่อนไหวของหน้าห้อง เย้นหว่านหยุดวาดรูป และเงยหน้าขึ้นมา
“คุณมาได้ยังไงคะ?”
“ถ้าพี่ไม่มา เธอก็ไม่คิดจะหลับจะนอนแล้วใช่มั้ย?”
เย้นโม่หลินเดินมาที่ข้างกายของเย้นหว่านโดยตรง และคว้าดินสอที่อยู่ในมือของเธอมาโดยตรง
เย้นหว่านอึ้งไปครู่นึง“นี่คุณทำอะไรคะ?ฉันยังวาดรูปไม่เสร็จเลย”
“พรุ่งนี้ค่อยวาด ตอนนี้ไปนอนพักผ่อน”
ท่าทีของเขา แข็งกร้าวอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เย้นหว่านค่อนข้างไม่ชิน มองเย้นโม่หลินอย่างตะลึงงัน จนเอ๋อไปสักพักใหญ่ๆเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เย้นโม่หลินยุ่งเรื่องของเธออย่างเผด็จการขนาดนี้
ความรู้สึกแบบนี้ไม่ถึงขั้นรำคาญ ทำให้เย้นหว่านมีความรู้สึกที่ค่อนข้างพูดไม่ออก
แต่เธอนอนไม่หลับจริงๆ พอหลับตาลงปุ๊บ อารมณ์ที่ทรมานนั้นก็โผล่ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นเธอยอมอดทนไว้แบบนี้ อดทนไปอดทนมา ยังไงก็ต้องผ่านมันไปได้
เย้นหว่านยื่นมือพยายามที่จะคว้าดินสองกลับมา“คุณให้ฉันก่อน ฉันวาดเสร็จก็จะไปนอน ใกล้แล้วค่ะ”
“ไม่ได้!”
เย้นโม่หลินปฏิเสธด้วยท่าทางที่เด็ดขาด เขาจับมือของเย้นหว่านไว้ และดึงเธอขึ้นมาจากเก้าอี้
เย้นหว่านถูกเย้นโม่หลินดึงไปยัดที่บนเตียงอย่างดื้อด้าน
มองดูเย้นโม่หลินที่ยืนอยู่ที่ขอบเตียงด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เย้นหว่านรู้สึกจนปัญญา
มองดูท่าทางแล้ว ถ้าเธอไม่นอนหลับซะดีๆ เย้นโม่หลินก็จะเฝ้าอยู่ชิดขอบเตียงไม่ไปไหนเลย
“ได้ ฉันจะนอนเดี๋ยวนี้เลยค่ะ คุณออกไปก่อนเถอะ”
“พี่ดูเธอหลับ”
ระหว่างพูด ไม่นึกเลยว่าเย้นโม่หลินจะดึงเก้าอี้มาจากข้างๆ แล้วนั่งลงที่ขอบเตียงเลย
ท่าทางนั้น เหมือนอย่างกับคุณครูจับตาดูนักเรียนโกงข้อสอบยังไงอย่างงั้น
เย้นหว่านจนปัญญา“คุณจ้องมองฉันแบบนี้ ฉันไม่ชินค่ะ”
“เธอก็ถือซะว่าพี่อยู่เป็นเพื่อนเธอก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของเย้นโม่หลินเฉียบขาดอีกเช่นเคย แต่กลับแฝงด้วยรสชาติที่ทำให้คนอบอุ่นใจ
เย้นหว่านอึ้งค้าง ในใจมีความหวั่นไหวโผล่ขึ้นมา
เขาคือเป็นห่วงเธอจริงๆ ไม่ไว้วางใจเธอ ถึงได้ทำอย่างนี้
หลายวันนี้เธอไม่สบาย ดูเหมือนพลอยทำให้คนข้างกายเป็นห่วงไปด้วย เย้นหว่านรู้สึกโทษตัวเอง
เธอลังเลไปครู่นึง แล้วพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมา “ที่จริงฉันก็แค่กลางคืนนอนไม่หลับเฉยๆ”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เย้นโม่หลินสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างชื่นใจ
อย่างน้อยตอนนี้เย้นหว่านก็ยอมเปิดใจกับเขานิดหน่อยแล้ว
“พี่เล่านิทานให้เธอฟัง สามารถช่วยให้เธอนอนหลับได้”
เย้นโม่หลินหยิบมือถือออกมา นิ้วมือขาวเนียนเรียวยาวจิ้มอยู่ที่มือถืออย่างไว กำลังหานิทานที่เหมาะสม
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกประหลาดใจแล้ว“ไม่ต้องมั้งคะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
ยังต้องให้พี่ชายนั่งเล่านิทานก่อนนอนที่ขอบเตียงเหรอ? สโนว์ไวท์? หนูน้อยหมวกแดง?
แค่คิดก็รู้สึกว่าภาพนี้ช่างตลกจริงๆ แต่ก็ได้มีความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจเช่นกัน
ทีนี้เธอถึงเริ่มรู้สึกได้จริงๆว่า เธอเหมือนมีคนในครอบครัวทางสายเลือดเดียวกันแล้ว
“เป็นนิทานที่นักสะกดจิตส่งมาให้พี่ เหมาะกับช่วงอายุของเธอมาก เธอหลับตาลงและหลับอย่างสบายใจเถอะ”
เสียงของเย้นโม่หลินผ่อนคลายลงอย่างควบคุมไม่ได้
เขาแค่ถือมือถือไว้สักพัก ก็เจอนิทานที่นักสะกดจิตส่งมาให้แล้ว?
เย้นหว่านถอนหายใจกับความตั้งใจของเย้นโม่หลิน และเข้าใจถึงเจตนาดีของเขา
เธอไม่ชักช้าอีก ก็หลับตาลงอย่างเชื่อฟังเลย
เย้นโม่หลินปิดไฟในห้อง เหลือไว้เพียงไฟติดผนังที่มืดสลัว
เขาถือโทรศัพท์ไว้ อ่านตามเนื้อหาในมือถือ เสียงใสๆที่นุ่มนวลค่อยๆดังขึ้น
ความเร็วที่เขาเล่าไม่ช้าไม่เร็ว เสียงจงใจกดให้ทุ้มต่ำลง แฝงด้วยความอ่อนโยนที่ปลอบใจ เหมือนน้ำพุไหลผ่านยังไงอย่างงั้น รักษาความร้อนรนของใจคนให้สงบ
เย้นหว่านคิดอย่างห้ามใจไม่ได้ ถ้าเย้นโม่หลินไปเป็นนักสะกดจิตก็เหมาะสมดีนะ
นิทานไม่ได้น่าเบื่อเลย แต่น่าสนใจด้วยซ้ำ เย้นหว่านฟังไปฟังมา ความคิดถูกดึงดูดไป เคลิ้มตามเสียงที่อ่อนโยนและช้าๆของเย้นโม่หลิน เธอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเลย
หลายวันมานี้ นี่เป็นค่ำคืนที่เย้นหว่านหลับได้ยาวและจิตใจสงบที่สุด
แม้แต่ฝันก็ไม่ฝันเลย และไม่ได้รู้สึกเหมือนผีอำจนหายใจไม่ออก
พอลืมตาขึ้น ร่างกายและจิตใจของเธอก็ได้รับการฟื้นฟู
ท้องฟ้านอกหน้าต่างสว่างแล้ว ขอบเตียงก็ไม่มีร่างเงาของเย้นโม่หลินแล้ว เย้นหว่านไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาออกไปจากห้องเมื่อไหร่
น่าจะจากไปอย่างเบามือเบาเท้ามาก ไม่ได้รบกวนเธอเลย
หลังจากอาบน้ำแปรงฟันเสร็จ เย้นหว่านลงไปทานอาหารเช้าตามปกติ
ในห้องอาหาร เย้นโม่หลินกับป่ายฉีได้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
ครั้งนี้หลังจากเพื่อเรื่องของที่นั่งแล้ว เย้นโม่หลินก็นั่งประจำที่นั่นเลย นั่งที่ข้างกายของเย้นหว่าน
เย้นหว่านชินแล้ว
“เสี่ยวหว่าน ตื่นแล้วเหรอ เมื่อคืนหลับสบายมั้ย?”
เย้นโม่หลินมองเย้นหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้ม
แต่ว่าเสียงนั่น กลับแหบแห้งมาก
เย้นหว่านแปลกใจ จึงถามด้วยความเป็นห่วง “เสียงของคุณเป็นอะไรคะ?”
“แค่เป็นหวัดเฉยๆ”
เย้นโม่หลินผายมืออย่างเก้อเขิน แล้วลุกขึ้นมาดึงเก้าอี้ที่อยู่ข้างกายตัวเองออก“มานั่งเร็ว”
เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย เช้าวันนี้ก็เป็นหวัดซะแล้ว แถมยังหนักขนาดนี้ แม้แต่เสียงก็แหบด้วย?
เย้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย“เป็นหวัดจากเมื่อคืนตอนที่อยู่ห้องของฉันใช่มั้ยคะ?”
“เปล่า ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเธอ”
เย้นโม่หลินปฏิเสธอย่างไวมาก กลับทำให้เย้นหว่านยิ่งสงสัยแล้ว
รู้สึกเหมือนตรงไหนผิดสังเกตก็ไม่รู้
เธอมองเขาด้วยสายตาเคร่งขรึม“มันยังไงกันแน่ คุณบอกความจริงกับฉันมาเลย