สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 343 การไม่แยแสของโห้หลีเฉิน
บทที่ 343 การไม่แยแสของโห้หลีเฉิน
“คุณชายเย้น ฉันมายื่นใบลาออกค่ะ”
เย้นหว่านเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเย้นเหวินหนานโดยตรง ยื่นใบลาออกที่อยู่ในมือออกไปอย่างมีมารยาท
เย้นเหวินหนานขมวดคิ้ว ไม่ได้รับใบลาออกไว้
เขาพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส “คุณไม่จำเป็นต้องลาออก เย้นหว่าน เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวสามารถแยกแยะได้”
ถึงแม้เย้นเหวินหนานไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขารู้เรื่องของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉิน
แต่สำหรับเย้นหว่านแล้ว อยู่ในบริษัทนี้ ดูเหมือนตั้งแต่แรกก็ไม่เคยแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวเลย
เธอที่เป็นดีไซน์เนอร์ตกอับ สามารถมาทำงานที่โห้ถิงกรุ๊ป เดิมทีก็เป็นเพราะทางรัดที่โห้หลีเฉินให้แก่เธออยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เรื่องงานแต่งของพวกเขาล้มเหลว และเธอก็ยังเคยหลงรักโห้หลีเฉินด้วย
ตัวเธอเองยังไม่ได้เดินออกมาจากปมของการอกหัก แล้วจะเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินที่บริษัทได้ยังไง?
เย้นหวานส่ายหัว“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าจะลาออกจริงๆ”
เย้นเหวินหนานถอนหายใจและลุกขึ้นมา เดินอ้อมโต๊ะทำงานมาถึงที่ข้างกายของเย้นหว่าน
เขาพูดอย่างชี้แนะด้วยความจริงใจ “เย้นหว่าน ถึงแม้ผมไม่รู้ระหว่างคุณกับโห้หลีเฉินมันยังไงกันแน่ แต่ผมดูออก พวกคุณต่างก็มีใจให้กัน
ความรักระหว่างคนหนุ่มสาว ย่อมมีอุปสรรค ความขัดแย้งและเลิกลากันอยู่แล้ว แต่ผมหวังว่าคุณจะเผชิญหน้าอย่างมีเหตุผล ให้โอกาสคุณและเขาสักครั้ง”
เขายิ่งดูออก หลายวันนี้โห้หลีเฉินดูเหมือนไม่มีปัญหา แม้กระทั่งยิ่งทำงานอย่างกระตือรือร้น แต่เขากลับเปลี่ยนไปแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีออร่าที่เย็นชามืดมนปกคลุมอยู่
ท่าทีที่เย้นเหวินหนานกับฉินฉู่เหมือนกัน ต่างก็รู้สึกว่าโห้หลีเฉินมีใจให้เธอ เขาชอบเธออยู่
เธอในเมื่อก่อนก็ยังนึกว่าเป็นแบบนี้เลย
แต่สุดท้ายก็แค่การแสดงของโห้หลีเฉินดีเกินไป ทำให้ทุกคนเกิดความเข้าใจผิด
เขาไม่เคยชอบเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนหลอกใช้ทั้งนั้น
นี่ต่างกับความขัดแย้งระหว่างคู่รักกัน มันเป็นเรื่องของหลักการ คือช่องว่างที่ก้าวข้ามผ่านไม่ได้ ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉิน ไม่มีความเป็นไปได้ใดๆอีกแล้ว
เย้นหว่านเผชิญหน้ากับเย้นเหวินหนาน สีหน้าจริงจัง โน้มตัวให้เขา90องศา
“คุณชายเย้น ขอบคุณในความหวังดีของคุณค่ะ และช่วงนี้ขอบคุณมากสำหรับการดูแลฉันในด้านงานค่ะ”
ขอบคุณ และเป็นการอำลาที่เฉียบขาด
เย้นเหวินหนานรู้เขาพูดเยอะกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา ได้แต่รับใบลาออกที่อยู่ในมือของเย้นหว่านมา
เขากลับพูดเสริมอีกคำ“ใบลาออกนี้ตอนนี้ผมยังไม่อนุมัติ ถือว่าให้คุณลาพักร้อนยาวๆ วันไหนคุณคิดได้แล้ว อยากกลับมา ก็ต้อนรับทุกเมื่อครับ”
กลับมาเหรอ? เย้นหว่านค่อนข้างเหม่อลอยคงจะไม่กลับมาอีกแล้วมั้ง
เธออำลากับเย้นเหวินหนานด้วยมารยาท นี่ถึงได้เดินออกไปข้างนอก
เพิ่งเปิดประตูออฟฟิศ กำลังจะเดินออกไป กลับตะลึงงันที่เห็นร่างเงาใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
จู่ๆเธออึ้งค้างไว้
คือโห้หลีเฉิน เธอมองเขาอย่างเอ๋อๆ ความคิดทั้งหมดว่างเปล่าในพริบตา ในสายตาและในใจมีแค่ใบหน้าของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ เหมือนกับว่าเป็นใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ได้เจอมาหลายศตวรรษแล้ว
เขาใส่ชุดสูทที่สง่าผ่าเผย ก็ยังสง่าและดูมีราศีมากอีกเช่นเคย ใบหน้านั้นหล่อเหลาจนทำให้คนตะลึง ดวงตาที่คมลึกเหมือนดั่งน้ำพุลึกที่หมุนวนยังไงอย่างงั้น จะดูดคนเข้าไป
โห้หลีเฉินเห็นเธอ ดูเหมือนก็แปลกใจมาก
อึ้งไปครู่นึง ดวงตาลุ่มลึกเหมือนเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ลึกจนทำให้คนหลงใหล แต่ก็รู้สึกกลัว
ทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่อย่างนี้ ราวกับเวลาได้หยุดนิ่งไว้ในนาทีนี้
ยาวนาน แต่ก็แปลกประหลาด
ด้านหลังของโห้หลีเฉินมีชายวัยกลางคนหลายคนที่สวมใส่ชุดสูทติดตามอยู่ พวกเขาเห็นเย้นหว่าน ต่างก็ได้ทักทายด้วยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเย้น”
คำนี้ ได้ดึงสติของเย้นหว่านกลับมา
พอเจอโห้หลีเฉินแล้วช็อคเกินไป อารมณ์ซับซ้อนเกินไป ไม่นึกเลยว่าเธอจิตใจเหม่อลอย
เธอพยายามสุดฤทธิ์ในการรักษาสีหน้าที่สงบนิ่ง มองโห้หลีเฉินไว้ และพูดทักทายอย่างมีมายาท
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณโห้”
โห้หลีเฉินแววตามืดมน
คุณโห้ เปลี่ยนเป็นการเรียกนามที่ห่างเหินอีกแล้ว เหมือนความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเลย
ในใจเหน็บหนาว เขาดึงสายตากลับจากบนตัวเธออย่างไม่แยแส จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวเดินผ่านตรงหน้าเธอ
ท่าทางที่เย่อหยิ่งนั้น ไม่แยแสเธออย่างสิ้นเชิง
เย้นหว่านยืนเอ๋ออยู่กับที่ สีหน้าซีดเซียวขึ้นมาอย่างไว
ท่าทีที่โห้หลีเฉินมีต่อเธอ ก็เหมือนตอนเจอกันครั้งแรก เย็นชา ห่างเหิน ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
ทีนี้เธอถึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนทะลุปรุโปร่งว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขา ได้กลับไปถึงตอนแรกเริ่มของตอนแรกเริ่ม เป็นคนแปลกหน้าที่มีระยะห่างที่สุด
ส่วนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ก็เหมือนฝันที่ไม่ได้มีอยู่จริง
มีแต่เธอที่ยังอาลัยอาวรณ์
เบ้าตาเผาไหม้อย่างร้อนผ่าว อารมณ์ของในใจพลุ่งพล่านจนทำให้เย้นหว่านยากที่จะอดทน เธอกัดฟันไว้ เดินจากไปอย่างไวอย่างกับหนีเลย
ที่แท้ถึงทำการเตรียมตัวมามากเท่าไหร่ เวลาผ่านไปนานขนาดนั้น เผชิญหน้ากับเรื่องของโห้หลีเฉิน เธอก็ยังทรมานจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่ดี
ร่างเงาของเย้นหว่านหายสาบสูญไปจากริมทางเดินอย่างไว
โห้หลีเฉินยืนอยู่ที่ออฟฟิศ ร่างเงาที่สูงใหญ่แข็งทื่อไว้ สีหน้าเขาบึ้งตึง ยังไงก็ไม่หันหน้ากลับไป
เย้นหว่านจากไปอย่างกับหนี ฝีเท้าทั้งเร็วทั้งรีบ เบ้าตาแดงก่ำ ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
เธอทรมานมาก ราวกับจะระเบิดยังไงอย่างงั้น
“ปัง”
เธอเดินเร็วเกินไป จึงไม่ได้สังเกตเห็นคนข้างหน้า พริบตาเดียวก็พุ่งชนกับคนที่อยู่ตรงหน้า
“ขอโทษค่ะ”
เย้นหว่านรีบกล่าวขอโทษด้วยเสียงแหบแห้ง
เธอเงยหน้าขึ้น คนที่ชนเข้าอย่างจังคือพนักงานสาวของบริษัทนึง เธอไม่สนใจเย้นหว่านเลยด้วยซ้ำ แต่ได้มองกรอบรูปใหญ่ที่อยู่ข้างๆอย่างรีบร้อน
“ไม่ได้กระแทกจนเสียมั้ง?”
อีกคนนึงรีบประคองกรอบรูปขึ้นมา และตรวจสอบอย่างละเอียด“ยังดีที่ไม่เป็นไร นี่เป็นป้ายโฆษณาที่จะแขวนขึ้นไปเดี๋ยวนี้เชียวนะ ถ้ากระแทกจนเสีย พวกเราต้องตายแน่ๆเลย”
ทีนี้ทั้งสองถึงโล่งอกไปที ถึงมีกะจิตกะใจมองเย้นหว่านที่ชนกับพวกเธอ
“คุณเดินระวังหน่อย ตอนนี้บริษัทต่างก็ยุ่งจนหัวฟู ถ้ากรอบรูปกระแทกจนเสียจริงๆ งั้นผลที่ตามมาคุณรับผิดชอบไม่ไหวนะ……..”
คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ ก็ติดขัดอยู่ในลำคอแล้ว จากนั้นก็เรียกด้วยความประหลาดใจ“เย้นหว่าน?”
เย้นหว่านไม่รู้จักผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเลย แต่ก่อนหน้านี้เพราะความสัมพันธ์ของเธอกับโห้หลีเฉิน เธอได้กลายเป็นบุคคลดาวเด่นไปทั่วบริษัท คาดว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
เย้นหว่านพยักหน้า “อืม เมื่อกี๊ต้องขอโทษจริงๆค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ถึงกระแทกจนเสียก็ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราไม่กล้าโทษคุณหรอกค่ะ คุณอย่าถือสาที่เมื่อกี๊ฉันพูดจามั่วซั่วเลยนะคะ ถ้าท่านประธานรู้ ต้องไล่ฉันออกแน่ๆเลยค่ะ”
คนๆนั้นมองเย้นหว่านด้วยความกังวลใจ สีหน้าเสียใจมาก
เย้นหว่านอึ้งเล็กน้อย แม้แต่ลั่วอานก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับโห้หลีเฉินได้พังทลายลงแล้ว ทำไมคนที่อยู่ตรงหน้ายังไม่รู้อีก? เรื่องที่เธอถอนหมั้นกับโห้หลีเฉิน หรือว่ายังไม่ได้ประกาศออกมาเหรอ?
เย้นหว่านแปลกใจเล็กน้อย แต่พอนึกถึงท่าทีที่ห่างเหินเย็นชาของโห้หลีเฉินในเมื่อกี๊ กลับรู้สึกว่านี่ไม่สำคัญแล้ว
เรื่องประกาศก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว เขายังไม่พูด บางทีอาจจะเพราะไม่แคร์เรื่องนี้แล้วด้วยซ้ำ
สำหรับผู้ชายอย่างโห้หลีเฉินแล้ว เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนเสมอ แคร์แค่เรื่องที่ตัวเองอยากได้ สิ่งที่ไม่สำคัญล้วนไม่แยแสหมด
เหมือนกับที่เมื่อกี๊ไม่แยแสเธอยังไงอย่างงั้น