สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 348 เย้นหว่านไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
บทที่ 348 เย้นหว่านไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
“โอเค!”
เย้นโม่หลินรับปากอย่างไว ในใจโล่งอกไปที
ในที่สุดเย้นหว่านก็รับปากว่าจะกลับยุโรปพร้อมเขาแล้ว เรื่องและคนที่ยุโรป สำหรับเธอแล้วล้วนเป็นสิ่งสดใหม่ แบบนี้จะช่วยเธอเบี่ยงเบนความสนใจได้ รีบเดินออกมาจากรักระทมนี้
ตอนที่เย้นหว่านเดินออกมาจากรักระทมนี้ได้อย่างสิ้นเชิง คอยดูว่าเขาจะจัดการคนที่ใจกล้าทำร้ายเย้นหว่านยังไง
โห้หลีเฉิน ความบาดหมางนี้ถือว่าได้จดจำไว้แล้ว
ในสวนสนุกก็ยังมีผู้คนมากมายอีกเช่นเคย คึกคักมาก
ดูเหมือนจะไม่เคยเป็นของโห้หลีเฉินเลย
เขายืนอยู่ที่สูง มองดูสวนสนุกจากที่สูงลงที่ต่ำ แต่สายตาของเขา กลับมองคนที่โอบกอดอยู่ด้วยกันนั่น
เย้นหว่านอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้น อาลัยอาวรณ์และผูกพันกันมาก
โห้หลีเฉินสีหน้าดูแย่มาก เขาถึงขั้นไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาริษยา ริษยาจนบ้าไปยังไงอย่างงั้น
เขาโกรธ ผู้หญิงที่เขาอยากครอบครองสุดใจ กลับอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น
แต่เขากลับลิ้มรสถึงความขมที่อยู่ในปาก ถึงจะเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก……..
เย้นหว่าน ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
——
คฤหาสน์ตระกูลโห้
หัวหน้าแม่บ้านถือเอกสารชุดนึงไว้ รีบร้อนเดินมาที่ห้องนอนของจูเหลียนอีง
จูเหลียนอีงสงสัย“มีอะไร?” หลายปีมานี้ น้อยมากที่จะได้เห็นหน้าตาแตกตื่นรีบร้อนของหัวหน้าแม่บ้าน
หัวหน้าแม่บ้านยื่นเอกสารให้จูเหลียนอีง
“คุณนายใหญ่คะ ดิฉันเสียแรงไปมาก ในที่สุดก็ตรวจสอบฐานะของคนที่มาของตระกูลเย้นได้แล้วค่ะ คือนายน้อยของตระกูลเย้น เย้นโม่หลิน!”
จูเหลียนอีงสีหน้าเปลี่ยน รีบร้อนเอาเอกสารมา
เห็นผู้ชายหล่อเหลาที่แอบถ่ายได้ เธอหายใจแน่น
อยู่เมืองหนาน ถึงจะเป็นสังคมชนชั้นสูง ก็ไม่เคยได้ยินชื่อของเย้นโม่หลินมาก่อน แต่ที่ไม่เคยได้ยิน เป็นเพราะระดับสังคมชนชั้นสูงของเมืองหนานยังสูงไม่พอ ไม่มีสิทธิ์ใกล้ชิดกับบุคคลอย่างนี้
ถ้าไม่ใช่แม่ของโห้หลีเฉิน จูเหลียนอีงก็ไม่มีโอกาสรู้ตระกูลที่มหาอำนาจขนาดนี้หรอก
ตระกูลเย้นเป็นตระกูลชั้นสูงเก่าแก่ของยุโรป ถ่อมตนและตัดขาดจากโลกภายนอก แต่อำนาจใหญ่โตจนทำให้คนนับไม่ถ้วนเกรงกลัว และเย้นโม่หลินเป็นคนรับช่วงต่อหนึ่งเดียวของตระกูลเย้น เป็นคนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ยิ่งเป็นนายน้อยที่โหดเหี้ยมอำมหิต
ข้อมูลเกี่ยวกับเขามีน้อยมาก แต่แค่เรื่องหลายเรื่องที่ให้ผู้คนได้รู้นั้น แต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องใหญ่ที่สั่นสะเทือน และโหดจนทำให้คนขนหัวลุก
การประเมินผลที่มีต่อเขาคือ ลึกลับ สง่า แต่ถึงแก่ชีวิต
ขอแค่เขาออกโรง ไม่ว่าความสามารถแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าใคร แม้แต่ทั้งตระกูลก็จะสูญหายไปจากโลกใบนี้
ตระกูลเย้นเป็นบุคคลใหญ่โต ไม่มีใครกล้าอาจเอื้อม และความโหดเหี้ยมของเย้นโม่หลิน ยิ่งทำให้คนขนลุกซู่ ไม่กล้ามีเรื่องด้วย
เย้นโม่หลินเป็นนายน้อยของตระกูลเย้น เห็นได้ชัดว่าสถานะที่อยู่ตระกูลเย้นสูงศักดิ์แค่ไหน แต่ครั้งนี้ตระกูลเย้นให้เขามารับเย้นหว่านเอง ยิ่งเห็นได้ชัดว่าตระกูลเย้นให้ความสำคัญและแคร์เย้นหว่านมากแค่ไหน
ความแน่วแน่ที่พวกเขาจะพาเย้นไป นั่นคือตั้งปณิธานว่าจะต้องได้ให้ได้
แต่แต่งงานกับเย้นหว่าน เป็นโอกาสเดียวของโห้หลีเฉิน……….
“ให้เย้นหว่านจากไปไม่ได้!”
“แต่ว่า……”
หัวหน้าแม่บ้านสีหน้าลำบากใจ ลังเลไปครู่นึงถึงเปิดปากพูด“ได้ยินมาว่า คุณเย้นอาจจะรับปากจะไปจากแล้ว ในสนามบินตรวจสอบเจอตั๋วของพวกเขา บินในสามวันข้างหน้าค่ะ”
“ฟรึบ”เสียงนึง เอกสารที่อยู่ในมือของจูเหลียนอีงตกลงไปสู่พื้น
สีหน้าของเธอซีดเซียว แทบจะยืนทรงตัวไม่นิ่ง
หัวหน้าแม่บ้านรีบพยุงจูเหลียนอีงไว้ ขมวดคิ้วและพูดเกลี้ยกล่อม “คุณนายใหญ่พยายามสุดความสามารถแล้วค่ะ นี่อาจจะเป็นโชคชะตา……..”
“ฉันไม่เชื่อโชคชะตา! ฉันยิ่งไม่มีทางให้เฉินตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับแม่ของเขา!”
จูเหลียนอีงกัดฟันไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำ
เธอยืนทรงตัวนิ่งอย่างยากลำบาก สีหน้ายืนหยัด “ฉันจะต้องไขว่คว้าโอกาสให้เฉินอีกครั้ง! เอามือถือมา ฉันจะโทรหาเย้นหว่านเอง”
หัวหน้าแม่บ้านถอนหายใจอย่างจนปัญญา ความรักของคนหนุ่มสาวแตกสลาย คนนอกแทรกแซง แล้วจะส่งผลลัพธ์ได้แค่ไหนเชียว?
แค่เท่ากับเอาน้ำถ้วยนึงไปดับไฟที่กำลังไหม้ฟืนในเกวียนคันนึงเฉยๆ
——
หลังจากตัดสินใจจะจากไป ในใจของเย้นหว่านราวกับได้ฮึกเหิมขึ้นมา แค่เฝ้ารอวันจากไป ซึ่งก็ได้ควบคุมอารมณ์ที่เศร้าโศกเสียใจเหล่านั้นไว้ได้แล้ว
ชีวิตของเธอ ดูเหมือนได้กลับคืนสู่ความปกติเพราะเหตุนี้
เธอเริ่มเฝ้ารอวันจากไป
“กริ๊งๆๆ——”
ตอนที่เธอกำลังวาดภาพออกแบบ เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น
พอหันไปดู เห็นสายเรียกเข้าของจูเหลียนอีงอย่างเหนือความคาดหมาย
ตั้งแต่วันนั้น เย้นหว่านก็ไม่ได้ติดต่อโห้หลีเฉินอีก และไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลโห้อีก นี่เป็นครั้งแรกที่จูเหลียนอีงโทรมาหาเธอ
เย้นหว่านค่อนข้างลังเลว่าจะรับหรือไม่รับ
สุดท้ายเนื่องจากมารยาท เธอก็ได้รับสาย
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ คุณนายใหญ่ตระกูลโห้ หนูเย้นหว่านค่ะ”
จูเหลียนอีงที่อยู่ในสายอึ้งไปครู่นึง นี่เป็นครั้งแรกที่เย้นหว่านเรียกเธอคุณนายใหญ่ตระกูลโห้ เธอไม่เรียกเธอว่าคุณย่าอีกแล้ว
ความเด็ดเดี่ยวที่เธอตัดขาดความสัมพันธ์กับโห้หลีเฉินแน่วแน่แล้ว
จูเหลียนอีงสีหน้าจนปัญญา เสียงกลับอ่อนโยนอีกเช่นเคย“เสี่ยวหว่าน หนูว่างมั้ย ย่าอยากเลี้ยงข้าวหนูสักมื้อ”
เย้นหว่านชักจะลังเลแล้ว สภาพของเธอในตอนนี้ ไม่เหมาะกับการไปหาสู่กับตระกูลโห้อีก
เธอกำลังอยากหาเหตุผลปฏิเสธ เสียงที่อยู่ในสายของของจูเหลียนอีงก้องมาอีก
“หนูอย่าคิดมาก ในเมื่อหนูกับเฉินยืนกรานจะยกเลิกงานแต่งแล้ว ย่าก็จะไม่ฝืนใจพวกหนูอีก ย่าแค่มีเรื่องอยากคุยกับหนู ไม่งั้นยังไงย่าก็ไม่สบายใจอยู่ดี”
จูเหลียนอีงพูดถึงขั้นนี้แล้ว เย้นหว่านพูดคำพูดปฏิเสธไม่ออกอีก
ถึงแม้ตอนแรกจูเหลียนอีงตกลงปลงใจเรื่องงานหมั้นแค่อยากกลอกใช้ภูมิหลังของเธอเฉยๆ แต่พูดถึงสุดท้าย แรกเริ่มเธอก็แค่หมั้นหลอกๆโกหกจูเหลียนอีงเหมือนกัน
และอาวุโสท่านนี้ ที่ผ่านมาก็ดีกับเธอมาก
ถึงแม้เย้นหว่านมีความข้องใจ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็โทษท่านไม่ได้จริงๆ
“ได้ค่ะ คุณย่า หนูไปค่ะ”
“คืนพรุ่งนี้ ย่ารอหนูที่โรงแรทมู่ลั่วเฟยนะ”
จูเหลียนอีงกำหนดสถานที่ ทีนี้ถึงได้วางสายลงอย่างสบายใจ จากนั้นก็ได้โทรศัพท์ออกไปอีกสาย
หัวหน้าแม่บ้านมองดูการดำเนินการทั้งชุดของจูเหลียนอีงแล้ว ค่อนข้างเป็นห่วง
“คุณนายใหญ่คะ คุณนายใหญ่ทำแบบนี้ ถ้าถูกคุณชายรู้เข้า เขาอาจจะโกรธได้นะคะ”
“ฉันคำนึงเยอะขนาดนั้นไม่ได้แล้ว”
จูเหลียนอีงสีหน้าเฉียบขาด นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้แล้ว จะต้องทำให้ได้
เย้นหว่านได้มาถึงโรงแรทมู่ลั่วเฟยตามที่นัดเอาไว้
นี่เป็นโรงแรมหรูหราระดับห้าดาว ไม่ได้อยู่ในย่านใจกลางเมือง อยู่สุดขอบของใจกลางเมือง
แต่โรงแรมแบบนี้ ถึงตำแหน่งที่ตั้งไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง แต่ลูกค้าที่มาใช้บริการล้วนเป็นคนรวย ไม่เคยขาดสนการทำมาค้าขายเลย
เย้นหว่านลงจากแท็กซี่ เดินเข้าไป กลับมองเห็นด้วยความสงสัย หน้าโรงแรมและห้องโถงไม่เห็นมีลูกค้าคนอื่นเลย
คือเธอมาผิดเวลา? หรือไม่ได้จ๊ะเอ๋กับลูกค้าคนอื่น?
เย้นหว่านก็ไม่ได้คิดมาก ภายใต้การนำทางของพนักงาน เย้นหว่านได้ไปห้องอาหารV.I.Pตามที่อยู่ที่คุณย่าโห้ให้ไว้
“คุณผู้หญิง เชิญค่ะ”
พนักงานสองคนผลักประตูออกด้วยรอยยิ้ม
เย้นหว่านเดินเข้าไป ในห้องVIPที่ตกแต่งหรูหรา ก็เห็นจูเหลียนอีงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกลม
เห็นเย้นหว่าน จูเหลียนอีงลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม และเดินมาทางเย้นหว่าน
“เสี่ยวหว่าน หนูมาแล้วเหรอ”