สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 350 อย่าไป อุ้มฉันหน่อย
บทที่ 350 อย่าไป อุ้มฉันหน่อย
จูเหลียนอีงก็ได้กรึ๊บเดียวดื่มจนหมดแก้ว สายตากลับเฝ้าดูอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของทั้งคู่อย่างใกล้ชิด
ถึงแม้เย้นหว่านพยายามสะกดไว้สุดฤทธิ์ แต่เธอก็ดูออก ภายใต้สีหน้าสงบของเย้นหว่านนั้น มีอารมณ์ที่แทบจะเดือดพล่านซ่อนอยู่
เธอไม่ได้มีความสุขเหมือนภายนอกเลย แม้กระทั่งค่อนข้างเศร้าโศกเสียใจด้วยซ้ำ
ส่วนโห้หลีเฉิน ความโหดเหี้ยมที่ฟุ้งกระจายได้พูดแทนทุกอย่างแล้ว
สองคนนี้ต่างก็ปล่อยวางอีกฝ่ายไม่ได้ชัดๆ แต่กลับดื้อด้านจะตาย ใครก็ไม่ยอมขยับมาข้างหน้าก้าวนึง ดั๊นจะผลักอีกฝ่ายไปให้ไกลๆ
นเธอก็ดึงทั้งสองมาใกล้กันดีกว่า
จูเหลียนอีงวางแก้วไวน์ลง และหันมาคุยกับเย้นหว่าน“เสี่ยวหว่าน ได้ยินมาว่าหนูจะไปยุโรปแล้วเหรอ?”
ท่าทางของโห้หลีเฉินแข็งทื่อไปครู่นึง
เย้นหว่านพยักหน้า“ใช่ค่ะ บินมะรืนค่ะ”
“กลับตระกูลเย้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“กลับไปที่ข้างกายของพ่อแม่ก็ดีเหมือนกัน แล้วยังจะกลับมาอีกมั้ย?”
คำถามของจูเหลียนอีง ทำให้ร่างกายของโห้หลีเฉินเก็รงอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับหัวใจหยุดเต้นยังไงอย่างงั้น กำลังรอคำตอบของเธอ
มือที่อยู่ใต้โต๊ะของเย้นหว่านกุมแน่น มองโห้หลีเฉินด้วยจิตใต้สำนึก เห็นเขาจ้องแต่แก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ
สีหน้าที่เย็นชานั้น ยิ่งดูเหมือนไม่สนใจประเด็นนี้เลย
ในใจเธอเศร้ารันทด
พูดออกมาจากปากทีละถ้อยคำอย่างเบาๆ“อาจจะไม่กลับมาอีกแล้วค่ะ”
ที่นี่ ไม่มีอะไรให้เธออาลัยอาวรณ์แล้ว
การทานข้าวของคืนนี้ ก็ถือว่าเป็นงานเลี้ยงอำลางานสุดท้าย ไม่ว่าเคยเกิดบุญคุณความแค้นอะไร ไม่ว่าความสุขหรือความโกรธ ก็กลายเป็นอดีตหมดแล้ว ต่อไปจะไม่มีการไปมาหาสู่อีก
เย้นหว่านรินไวน์ให้ตัวเองอีกแก้วนึง จากนั้นก็ลุกขึ้นชูแก้วไปทางโห้หลีเฉิน
เหมือนได้รวบรวมความกล้าหาญ เธอพูดอย่างจริงจัง “คุณโห้คะ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ขอบคุณสำหรับการดูแลของคุณนะคะ แก้วนี้ ถือว่าขอบคุณ และถือว่า……เป็นการอำลาค่ะ”
โห้หลีเฉินกุมนิ้วมือแน่น แทบจะบีบแก้วไวน์จนแหลก
อำลา
เธอพูดได้ง่ายมากเลยน้อ!คนไร้หัวจิตหัวใจ
ไปๆมาๆ คนที่แคร์ก็คือเขาคนเดียวเอง และความแคร์ของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนตลกอะไรปานนั้น
“เหอะ ดีมาก”
โห้หลีเฉินยกมุมปากขึ้นอย่างเหน็บแนม เขาเองก็ได้ลุกขึ้นเหมือนกัน “กิ๊ง”เสียงนึง ชนแก้วกับเย้นหว่านอีกครั้ง
“หวังว่าต่อไปจะไม่ได้เจอกันอีก”
พอพูดจบ เขาได้เงยหน้าดื่มไวน์จนหมดแก้ว
เย้นหว่านแข็งทื่อไว้ทันที พริบตาเดียวสายตาพร่ามัว
แรงที่แบกรับร่างกายเธอเหมือนได้แตกสลาย ในหัวมีแค่คำนั้น หวังว่าต่อไปจะไม่ได้เจอกันอีก
เธอไม่รู้ตัวเองใช้ความกล้าหาญมากแค่ไหนถึงได้กลั้นน้ำตาที่จะไหลลงมาไว้ได้ เย้นหว่านดึงมือกลับอย่างแข็งกระด้าง ดื่มไวน์ลงไปในท้อง
ไม่นึกเลยว่าไวน์แก้วนี้จะมีรสขม
จูเหลียนอีงมองดูทั้งสองแล้ว รู้สึกตัวเองปวดขมับมาก
ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง ยิ่งจับคู่ก็ยิ่งแย่ชัดๆ!
ดีที่เย้นหว่านดื่มไวน์ไปไม่น้อย แก้มเริ่มค่อยๆแดงก่ำขึ้นมา
จูเหลียนอีงดูก็พอประมาณแล้ว ก็เลยยื่นมือกดขมับไว้ แกล้งทำสีหน้าเหนื่อยล้า
“เฮ้อ แก่แล้ว เพิ่งดื่มไปนิดหน่อยก็รู้สึกเวียนหัวแล้ว หลานสองคนคุยกันต่อนะ ย่าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”
ระหว่างพูด จูเหลียนอีงก็ได้ลุกขึ้นมา หัวหน้าแม่บ้านก็เดินเข้ามาจากด้านนอก มาพยุงจูเหลียนอีงไว้
โห้หลีเฉินสายตามืดครึ้ม มองสำรวจจูเหลียนอีงไปครู่นึง ก็ดึงสายตากลับ
แค่ดื่มนิดเดียวก็เวียนหัวแล้ว? คงจะแกล้งแน่นอน
เพียงแต่ถึงตอนนี้คุณย่าสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้เขากับเย้นหว่าน ระหว่างเขาสองคนก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
โห้หลีเฉินนั่งอยู่กับที่อย่างเงียบๆ จากนั้นก็ได้ดื่มไวน์ไปอีกหนึ่งกรึ๊บ
“คุณนายใหญ่ หนูไปส่งคุณนายใหญ่ค่ะ”
เย้นหว่านเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาเอง กะจะไปส่งจูเหลียนอีง แต่เพิ่งลุกขึ้นมา กลับรู้สึกเวียนหัว เหมือนดื่มไวน์มากเกินไป
แต่เมื่อกี๊เธอดื่มไปแค่สองสามแก้วเอง อีกอย่างเป็นไวน์ที่แอลกอฮอล์ต่ำมาก จะเมาได้ยังไง?
จูเหลียงอีงดูความผิดปกติของเย้นหว่านออก จึงได้ยกมือกดเธอกลับไปยังที่นั่ง
“ไม่ต้อง ให้แม่บ้านส่งย่ากลับก็พอแล้ว หนูยังไม่ได้ทานอะไรเลย ทานอะไรหน่อยค่อยกลับนะ”
พอพูดจบ จูเหลียนอีงก็ได้จากไปพร้อมหัวหน้าแม่บ้าน
ประตูของห้องอาหารได้ปิดลงอีกครั้ง ในห้องอาหารเหลือแค่โห้หลีเฉินกับเย้นหว่าน
จู่ๆอากาศเงียบจนค่อนข้างอึดอัด
เย้นหว่านนั่งอยู่กับที่ด้วยความอึดอัด กินข้าวก็ไม่อยากอาหาร อยากไปก็ไม่ใช่
โห้หลีเฉินดื่มไวน์ไปอีกแก้ว เม้มริมฝีปากบางไว้ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีกลิ่นไอที่เย็นชาฟุ้งกระจายอยู่
เขาวางแก้วไวน์ลง จากนั้นก็ลุกขึ้น
“ไม่ต้องอยู่ด้วยความเกรงใจแล้ว จะกลับก็กลับเถอะ”
เขาไม่มองเธออีก ก็ได้ก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอกโดยตรง
แค่เวลาไม่กี่นาที ในห้องอาหารนอกจากเย้นหว่านแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีกเลย
เธอมองที่นั่งที่ว่างเปล่า ในใจเศร้ารันทด ยกมุมปากขึ้นอย่างเหน็บแนม
งานเลี้ยงอำลา จบสิ้นแล้ว
ที่นี่เงียบเกินไป เงียบจนทำให้เธอทรมานและอึดอัด
เธอหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา และได้ลุกขึ้นเหมือนกัน เดินออกไปด้านนอก เพียงแต่ฝีเท้าเซไปเซมาอย่างแปลกประหลาด เหมือนเมาเหล้ายังไงอย่างงั้น
สมองของเธอยิ่งอยู่ยิ่งเบลอ สะลึมสะลือไม่ค่อยรู้เรื่อง
หรือเธอจะเมาจริงๆ?
ไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์นี่นา!ถึงเธอคออ่อน แต่ไวน์แบบนี้ เธอก็ดื่มได้หลายแก้วอยู่ ยิ่งแอลกอฮอล์ต่ำแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สองสามแก้วไม่มีทางเมาแน่นอน
แต่ร่างกายของเธอในตอนนี้ กลับไม่ต่างกับคนเมาเลย กระเพาะก็รู้สึกพะอืดพะอม
ตลอดทางเย้นหว่านเดินโซเซถึงเซมาถึงหน้าโรงแรม มองดูถนนที่กว้างขวางด้วยสายตาพร่ามัว นอกจากรถส่วนบุคคลที่โลดแล่นไปมา ไม่มีแท็กซี่เลยสักคัน
เธอจึงหยิบมือถือออกมา อยากเรียกรถผ่านแอพ แต่สายตาเธอพร่ามัวหนักมาก นิ้วมือก็ยังสั่นไหว กดครึ่งวันก็กดไม่ได้ แถมยังทำมือถือตกพื้นอีก
เย้นหว่านจนปัญญา กดนวดสมองที่สะลึมสะลือ จากนั้นก็ก้มไปเก็บมือถืออย่างช้าๆ
แต่เดิมทีเธอก็ทรงตัวไม่นิ่งอยู่แล้ว พอก้มลงไปปุ๊บ ก็ล้มลงพื้นทั้งคนเลย
“ซี๊ด——”
เจ็บ
เย้นหว่านกุมหัวเข่าที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง ตรงหน้าพร่ามัว เธออยากจะร้องไห้
เธอเป็นอะไรกันแน่? ร่างกายหมดเรี่ยวแรง กระเพาะปั่นป่วน ในใจยิ่งกล้ำกลืนมาก
เธออยากนอนอยู่ที่นี่อย่างยอมแพ้แล้วจริงๆ
“ลุกขึ้น”
เสียงมีแรงดึงดูดของผู้ชายก้องมาจากบนหัว
คุ้นเคยและเสนาะหู
เย้นหว่านแข็งทื่อกะทันหัน เธอรีบเงยหน้า พอเงยหน้าก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉินที่ทำให้เธอคิดถึงทั้งวันทั้งคืน เขายืนอยู่ที่ข้างกายเธอ ยื่นฝ่ามือใหญ่มาให้เธอ
เขาไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่แท้เขาตัดใจไปจากเธอไม่ได้
จู่ๆความคิดนี้โผล่ขึ้นมาจากสมองเบลอๆของเย้นหว่าน แถมยังถูกคิดว่าเป็นความจริง พริบตาเดียวใบหน้าสะลึมสะลือของเธอก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุขออกมา
โห้หลีเฉินอึ้ง
จากนั้นก็เห็นเย้นหว่านกระโจนมาด้านหน้า กอดขาเขาไว้ ใบหน้าเรียวเล็กยังได้ถูไถอยู่ที่ขาของเขา
เธอพูดพึมพำ“ฉันทรมานจังเลย อุ้มฉันหน่อย”
โห้หลีเฉิน “……”
เขายกมุมปากขึ้น มองผู้หญิงที่อยู่คลอเคลียอยู่ที่ขาตัวเองอย่างตะลึงงัน
นี่เธอกำลังเมาแล้วอาละวาดเหรอ?