สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 37 ดีกว่าพวกเธอ
บทที่ 37 ดีกว่าพวกเธอ
เย้นหว่านเองก็ยังกินไม่อิ่ม แล้วยิ่งมาเห็นอาหารที่น่ากินวางเรียงรายกันแบบนี้ เธอก็รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา
แต่ว่าเธอก็ถามออกมาด้วยความสำรวม “ คุณโห้ เรียกฉันมามีธุระอะไรรึป่าวคะ?”
เหมือนเขาพึ่งรู้ตัวว่าเธอมา โห้หลีเฉินมองหน้าเธอเหมือนจะมอบอะไรให้สักอย่าง ดวงตาของเขาเย็นชามาก
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ลองอาหาร”
“อะไรนะคะ?”
เย้นหว่านงง ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง
บริกรที่ยืนอยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นแล้วยิ้มออกมา “นี่คือเมนูใหม่ที่พ่อครัวของเราคิดค้นขึ้นมา แต่ว่าคุณชายก็อาจจะไม่ได้ชอบทุกอย่าง ก็เลยต้องขอรบกวนคุณเย้น ลองชิมทุกเมนู แล้วก็ดูว่าอะไรอร่อยที่สุด แล้วก็ให้คุณชายทานน่ะครับ”
เย้นหว่านมึนงงถึงขีดสุด
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินคำว่าลองกินในความหมายแบบนี้ อีกอย่าง ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่าสถานการณ์นี้เหมือนกับพระราชาในสมัยก่อน ที่ต้องมีคนทดสอบก่อนว่าอาหารมีพิษหรือไม่
ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกประหลาดมาก เย้นหว่านอยากจะปฏิเสธ “คุณโห้คะ รสชาติที่ชอบของฉันกับคุณไม่เหมือนกัน อาหารที่ฉันรู้สึกว่าอร่อยอาจจะไม่อร่อยสำหรับคุณก็ได้ เพราะฉะนั้น…”
“วันนี้ที่เธอพาฉันไปกินก็อร่อยดีนะ”
โห้หลีเฉินตัดบทของเธออย่างเรียบง่าย
เย้นหว่านอึ้งไป อาหารวันนั้นน่ะหรอ? เธอก็แค่พูดชื่อเมนูที่เธอชอบออกไปเท่านั้น…
เพราะฉะนั้นรสชาติอาหารที่เขาชอบน่าจะไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่นัก
“คุณโห้คะ แล้วทำไมคุณไม่ลองกินดูเองล่ะคะ? ก็ลองชิมดูทุกเมนู ชอบไม่ชอบก็บอกได้นิคะ”
เย้นหว่านมองหน้าโห้หลีเฉินอย่างสงสัย ทำไมต้องให้เธอมาชิมอาหารของเขาด้วยล่ะ? เว่ยชีก็อยู่กับเขามาตั้งนาน น่าจะรู้สิว่าเขาชอบกินอะไร
แต่ว่าเว่ยชีกลับยืนอยู่ข้างนอก แต่ว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรอย่างเธอกลับ….
โห้หลีเฉินมองหน้าเธอ แล้วก็พูดในสิ่งที่ทำให้ยากคนจะปฏิเสธได้
“เพราะว่ามันคือหน้าที่ของคู่หมั้นไง”
เย้นหว่าน:“……”พูดถึงหน้าที่ของคู่หมั้นอีกแล้ว!
เย้นหว่านอึกอัก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ตอนนี้เธออยากจะฆ่าตัวเองเมื่องานปาร์ตี้นั้นให้ตาย ทำไมอยู่ดีๆต้องพูดเรื่องหน้าที่ของคู่หมั้นบ้าบออะไรนั่นด้วย
ไม่มีทางเลือก เย้นหว่านก็ได้แต่หยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง แล้วก็ชิมอาหารพวกนั้น
ถึงแม้ว่าเธอไม่ยินยอมเท่าไหร่ แต่ว่ารสชาติของอาหารพวกนี้มันดีกว่าที่เธอคิดไว้มาก ถูกปากเธอมาก อร่อยจนทำให้เธออยากจะกินเข้าไปเป็นคำที่สอง
เว่ยชียืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก พอเห็นเย้นหว่านกำลังชิมอาหารอยู่ ก็รู้สึกชื่นชมเจ้านายตัวเองขึ้นมา
อยากจะให้เย้นหว่านมากินข้าวกับตัวเอง ก็สามารถหาข้ออ้างเรื่องชิมอาหารขึ้นมาได้
หลังจากชิมอาหารเสร็จ เย้นหว่านก็น่าจะอิ่มแล้ว
และเว่ยชีก็คิดไม่ผิด พอเย้นหว่านชิมอาหารเสร็จ ก็รู้สึกอิ่มมาก
แถมอาหารพวกนี้ยังรสชาติดีมาก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอได้กินอาหารมื้อใหญ่ที่หรูหรา
เธอไม่เหลือความไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว
พอเห็นว่าเย้นหว่านเหมือนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ สายตาของโห้หลีเฉินก็เปล่งประกาย แล้วก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า
“พรุ่งนี้ทำต่อด้วย”
เย้นหว่านมองโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารสิบกว่าอย่าง แล้วก็ถามออกมาอย่างสงสัย
“อาหารของคุณเปลี่ยนไปทุกวันเลยหรอคะ?”
พ่อครัวของเขานี่มีเป็นทีมเลยรึป่าวเนี่ย และทุกคนก็มีสูตรอาหารของตัวเองหลายร้อยสูตร เลยทำให้ทำอาหารในแต่ละวันไม่เหมือนกันได้?
โห้หลีเฉินพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม “อืม”
เย้นหว่านคิดในใจ ที่แท้คนที่รวยอันดับหนึ่งของเมืองหนาน จะกินข้าวยังไม่เหมือนคนอื่นเลย
มีการประกาศโควตาสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันการออกแบบแฟชั่น Ovi
พึ่งจะมีการประกาศออกมา แต่ว่าก็สามารถสร้างความฮือฮาได้มากมาย เพราะว่ามันเป็นจำนวนโควต้าของคนที่สามารถเข้าสู่รอบท้ายๆของการแข่งขันได้เลยทันที
หลังจากได้เข้าไปแล้ว ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เวทีระดับโลกประทับใจได้แล้ว อนาคตต่อไปหลังจากนี้ก็จะสดใสขึ้นทันที
“ทำไมมีชื่อเย้นหว่านอยู่บนนั้นด้วย? เธอมีสิทธิอะไร!”
วางหนิงเวยมองดูใบรายชื่อ แล้วก็เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ สีหน้าเธอบูดบึ้งมาก
และอีกอย่าง มันไม่มีชื่อของเธออยู่บนนั้น
ดีไซน์เนอร์คนอื่นๆที่สนิทกับวางหนิงเวย ก็พูดต่อ
“ใช่ไง เธอเป็นแค่หน้าใหม่ด้วยซ้ำ ถือว่ายังใหม่มาก แต่ว่ามีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ แถมยังได้โควต้าเข้ารอบลึกๆอีก”
“โควต้านี้ไม่ควรจะให้เย้นหว่าน ด้วยความสามารถแค่นั้นของเธอ จะทำให้บริษัทของเราขายหน้า”
“ใช่ ทำไมต้องเป็นเย้นหว่าน? เธอไม่มีคุณสมบัติอะไรเลย”
……
กลุ่มคนพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่พอใจ คนที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในนั้นเหมือนกับว่าพากันอิจฉา
พวกเธอยิ่งพูดยิ่งโมโห แล้วก็มองไปที่เย้นหว่านที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
วางหนิงเวยจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเหมือนจะทิ่มแทง แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงรุนแรง
“เย้นหว่าน ได้ยินมั้ย? เธอไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้เลย เธอรีบไปสละสิทธิเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าไปแข่งแล้วทำให้บริษัทเราขายหน้า ไม่ยังงั้นฉันจะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่”
เย้นหว่านรู้อยู่แล้วว่าคนที่จะได้โควต้านั้นเป็นใคร เธอก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งกับความวุ่นวายพวกนี้แต่แรก แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะมาหาเรื่องเธอ
แล้วอีกอย่าง พวกเธอยังไม่เคยดูผลงานของเธอเลยซักนิด แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าฝีมือเธอเป็นยังไง แต่แค่เริ่มก็ไม่ยอมรับเธอแล้ว
มีสิทธิอะไรกัน?
เธอวางงานที่อยู่ในมือเธอตอนนี้ แล้วก็มองมาที่คนพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชา
“ในเมื่อตอนนี้โควต้าเป็นชื่อฉัน ฉันก็จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ แล้วฉันก็จะไม่มีวันทำให้บริษัทต้องขายหน้าด้วย พวกเธอรอดูผลการแข่งขันได้เลย”
เถียงไปตอนนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก
แต่ว่าคนพวกนี้ก็ไม่ยอมปล่อยเย้นหว่านไป ผู้หญิงพวกนั้นเข้ามาล้อมเย้นหว่านไว้
สายตาของพวกเธอดุร้ายมาก
วางหนิงเวยเหมือนกับว่าเป็นตัวแทนในการแสดงความคิดเห็นของทุกคน ชี้หน้าเธอแล้วก็ต่อว่าออกมา
“เย้นหว่าน เธอไม่รู้จักประมาณตัวเองหน่อยหรอ? ขยะมือใหม่ที่ไม่มีแม้แต่ผลงานอะไร มีสิทธิอะไรที่จะไปยืนอยู่บนเวทีแข่งขันOvi? ถึงเธอไม่อาย แต่ว่าพวกเราอายแล้วก็คงไม่มีหน้าไปเจอใคร”
ไม่มีผลงาน มันเป็นจุดบอดของเย้นหว่านเลย
วางหนิงเวยเองก็กดดันเธอเช่นกัน ไม่ให้โอกาสเย้นหว่านได้สร้างผลงาน เพราะฉะนั้นเย้นหว่านมาทำงานที่นี่ได้ปีนึงแล้ว แต่ก็ยังคงไม่มีผลงานอะไรเหมือนเดิม
ตอนนี้ วางหนิงเวยก็ใช้โอกาสนี้ในการมากดดันเธอ
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนมีกองไฟลุกอยู่เต็มอก เธอกำหมัดแน่น
ถ้าเกิดว่าเธอมีผลงาน ในตอนนี้เธอก็คงจะไม่ขายขี้หน้า และไม่โดนกดดัน
“ใครบอกว่าเย้นหว่านไม่มีผลงานกัน?”
น้ำเสียงที่ชัดเจนและอ่อนโยนดังขึ้น เหมือนกับว่าเป็นเสียงน้ำพุ
มู่จื่ออี้ ถือรูปเข้ามา แล้วก็เดินฝ่าฝูงชนเข้ามา
“นี่ก็คือชุดที่เย้นหว่านออกแบบ ตอนนี้ได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการการผลิตแล้ว”
พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ผลงานออกแบบนี้ได้รับการยอมรับแล้ว แล้วก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของเย้นหว่าน
นี่คือรูปภาพที่ได้รับการปรับความละเอียดให้ใหญ่ขึ้นแล้ว ผลงานชิ้นนี้จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับเธอได้มากมาย
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นดูรูปนั้น แล้วก็รู้สึกอึ้งไป
นี่คือผลงานที่เย้นหว่านออกแบบงั้นหรอ?
พวกเธอไม่กล้าที่จะเชื่อ มันไม่เหมือนกับผลงานของมือใหม่เลย
“เท่าที่ฉันรู้ การออกแบบอันนี้คือการออกแบบที่ดีที่สุด มันยังดีกว่าผลงานของคนที่อยู่ตรงนี้มานานอีก”
มู่จื่ออี้ยิ้มมุมปาก แล้วก็มองหน้าคนอื่นด้วยสายตายั่วยุ
ใบหน้าเขาหยิ่งผยองและไม่สะทกสะท้าน