สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 373 กลับบ้านแล้ว
บทที่ 373 กลับบ้านแล้ว
บริเวณกลางหุบเขานั้น เห็นได้ลางๆว่า มีบ้านที่สร้างอยู่ จำนวนของบ้านค่อนข้างมาก แต่ก็โดนบ้านจำนวนหนึ่งที่บังบ้านมากกว่าครึ่งเอาไว้ เธอมองแทบไม่ชัดว่าด้านในใช้โครงสร้างแบบไหน
“นี่คือไอเดียธุรกิจริเริ่มอะไรกันคะ? สร้างบ้านพักตากอากาศตรงไหล่ภูเขาแบบนี้ แล้วยังอยู่พื้นที่ดีใจกลางเมืองอีก พวกเศรษฐีน่าจะชอบแน่ๆ พวกที่อาศัยอยู่ที่นั่น คงเป็นพวกเศรษฐีของเมืองนี้ใช่ไหมคะ?”
“พวกเศรษฐีอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ แต่พวกเศรษฐีที่อาศัยอยู่ไม่ใช่เศรษฐีของเมืองนี้นะ”
เย้นหว่านสงสัย “หมายความว่ายังไงคะ?”
เย้นโม่หลินยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “คนที่อาศัยอยู่ตรงนั้น เป็นคนตระกูลเย้นของพวกเราไง เสี่ยวหว่าน พวกเราถึงบ้านแล้ว”
เย้นหว่านตะลึงตกใจ
ถึงบ้านแล้ว สามพยางค์นี้กระทบหัวใจเธอเหมือนกระแสไฟฟ้าสถิต
เธอมองตรงไปยังภูเขาใหญ่ด้านล่าง และพวกตึกอาคารที่เห็นลางๆ หัวใจของเธอเต้นนรัวและเร็วขึ้น
พ่อแม่แท้ๆของเธอ อยู่ที่นี่เองงั้นหรอ?
เย้นหว่านรู้สึกถึงความห่างเหิน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกประหลาดใจอย่างรู้สึกผิด หัวสมองขาวโพลน ไม่รู้ว่าควรต้องเผชิญหน้ายังไง
เย้นโม่หลินรับรู้ถึงความตื่นตระหนกของเย้นหว่าน เขายื่นมือไปจับบ่าของเธอไว้ แล้วตบเบาๆ
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “ไม่ต้องตื่นเต้น พ่อกับแม่อ่อนโยนกว่าพี่อีก พวกท่านคิดถึงน้องมาก รอน้องมาตลอด”
เย้นหว่านกัดริมฝีปากตัวเอง หัวใจยังคงเต้นแรงไม่หยุด
การที่ได้พบกับเย้นโม่หลิน เธอก็รู้สึกมันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มากแล้ว ทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่มาจากครอบครัว เธอหวงแหนมันมาก ราวกับนางฟ้า เธอสามารถครอบครองได้อีกหลายสิ่ง เธอยังจะมีพ่อแม่แท้ๆเป็นของตัวเองอีกด้วย
พวกเขา หน้าตาจะเป็นยังไงกันบ้างนะ?
หัวใจทั้งดวงของเย้นหว่าน แทบจะลอยขึ้นมา
ป่ายฉีที่นั่งหน้าเอือมอยู่อีกด้าน ใช้สายตาที่ดูถูกอย่างมากมองไปยังเย้นโม่หลิน
ช่วงนี้ เขาแทบจะมองหน้าเย้นโม่หลินไม่ลง
ก็แค่มีน้องสาวเพิ่มมาหนึ่งคนไม่ใช่หรือไง? จากคุณชายสุขุม กลายเป็นพวกหลงน้องสาวเฉยเลย อ่อนโยนจนอ่อนโยนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จนทำให้เขารู้สึกขนลุกอยู่บ่อยๆ
เขาแทบไม่กล้าคิดเลยว่า พ่อแม่ตระกูลเย้น สามีภรรยาคู่ที่ดูน่าเกรงขามและมีเกียรติ หลังจากได้เจอเย้นหว่าน จะมีปฏิกิริยายังไง
คงน่าจะดีกว่าเย้นโม่หลินอยู่นะ?
น่าจะ……
เพียงไม่นานแฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดยังจุดหมาย ลงจอดบนลานจอดฮ.ขนาดใหญ่กลางหุบเขา
พอเข้ามาใกล้ เย้นหว่านถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นชัดเจน พวกตึกอาคารที่สร้างบนเทือกเขานี้ ว่าหรูหราแค่ไหน โดดเด่น และรู้สึกน่าทึ่งแค่ไหน
นั่นคือพวกตึกอาคาร ที่ใหญ่โตจนไร้ขอบเขต แต่ผสมผสานเข้ากับป่าไม้ได้อย่างสมบูรณ์ ราวกับประเทศเล็กๆประเทศหนึ่ง
เย้นโม่หลินลงจากแฮลิคอปเตอร์ก่อน แล้วยืนข้างๆ ก่อนจะยื่นมือไปยังเย้นหว่าน
“เสี่ยวหว่าน มานี่”
เธอมองหน้าอันหล่อเหลาของชายตรงหน้า แล้วยังอ่อนโยนอีกด้วย เย้นหว่านแทบจะชินกับความดีของเขา
เธอยื่นมือไปทาบกลางฝ่ามือเขา ยืมแรงจากเขา แล้วลงจากแฮลิคอปเตอร์
เย้นโม่หลินจูงมือเธอเดินตรงไป
เย้นหว่านค่อนข้างที่จะตื่นเต้น ช่วงเวลาเพียงสั้นๆที่ทุกอย่างดูเร็วไปหมด เธอเดินติดตามหลังเย้นโม่หลิน มองไปยังรอบๆ
พอมองไปแล้ว เธอก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล
พวกเขาต่างมองมายังเธอ ราวกับว่าตั้งใจมารอรับเธออยู่ที่นี่
หน้าตาคนพวกนั้นเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ แต่พอได้เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดแล้ว หัวใจของเธอเต้นแล้วเต้นอีก
นั่นคือคู่สามีภรรยาที่ดูวัยรุ่นมากๆ หน้าตาของพวกเขาดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก สมบูรณ์แบบออร่าดูสูงสง่า
แต่วินาทีนี้ พวกเขามองมายังเธอ สายตาคู่นั้นดูซับซ้อนมาก สีหน้าของชายคนนั้นดูซับซ้อนแต่ก็ตื่นตระหนก ส่วนผู้หญิงดวงตาแดงก่ำ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
พวกเขามองมายังเธอ ความรู้สึกที่ลึกซึ้งนั้น ความรักใคร่เอ็นดู แทบจะไม่สามารถปกปิดไว้ได้
เย้นหว่านยืนนิ่ง มองพวกเธออย่างรู้สึกอึ้ง อารมณ์ที่ซับซ้อนพุ่งเข้ามาในหัวใจของเธอ
เธอรู้ว่า พวกเขานั้นคือพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่แท้ๆ
เธอเป็นเด็กกำพร้ามายี่สิบปี เป็นลูกสาวบุญธรรม แต่ไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งเธอจะเจอกับพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ส่วนพวกเขา ก็รอคอยที่จะเจอเธอเหมือนกัน
ความรู้สึกในสายเลือดนั้นดุเดือดขึ้น เย้นหว่านกลับไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไรดี
เย้นโม่หลินสังเกตเห็นว่าเย้นหว่านหยุดเดิน จึงมองเธออย่างอ่อนโยน ยื่นมือตบหลังมือของเธอเบาๆ
“เสี่ยวหว่าน ไม่เป็นไรนะ ไปหาพวกเขาเถอะ”
เย้นหว่านรู้สึกร้อนบริเวณอกของเธอ และเธอพยายามเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งกร้าว
สามีภรรยาคู่นั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาเดินก้าวเข้ามาอย่างทนไม่ได้ พวกเขาก้าวเท้าเร็วกว่าเย้นหว่านเป็นอย่างมาก
พวกเขารีบเดินมาก่อนจะเว้นระยะห่างสองก้าวหน้าเย้นหว่าน มองเย้นหว่านในระยะใกล้ อารมณ์ของพวกเขาก็ยิ่งปั่นป่วนมากกว่าเดิม
หญิงสาวไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีก
ชายวัยกลางคนยังคงสั่นไหว พยายามที่จะปริปากพูด น้ำเสียงค่อนข้างแหบพร่า
“เสี่ยวหว่าน ลูกกลับมาแล้ว”
กลับมาแล้ว กลับมายังบ้านที่เธอจากไปเป็นเวลายี่สิบปี
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้เย้นหว่านเริ่มเสียใจ น้ำตาไหลเล็กน้อย
แล้วมองไปยังชายตรงหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลา สูงสง่า ดูก็รู้เลยว่าต้องเป็นพวกคนชนชั้นสูง แต่เธอไม่ได้รู้สึกแปลกแยกจากเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วยังกลับรู้สึกถึงความสนิทใกล้ชิดอีกด้วย
เธอกลืนน้ำลาย แล้วตอบเสียงต่ำว่า “ค่ะ”
เสียงของเย้นหว่าน เป็นเพียงคำสั้นๆพยางค์เดียว แต่กลับทำร้ายความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนั้นอย่างสิ้นเชิง น้ำตาที่คลออยู่ในตาของเธอค่อยๆไหลออกมา
เธอร้องไห้ตามัว มองไปยังเย้นหว่านด้วยสายตาที่อ่อนโยนที่สุด “กลับมาแล้ว ในที่สุดลูกกลับมาแล้ว ลูกสาวฉัน”
คำพูดแต่ละคำนั้น เต็มไปด้วยความคิดถึง ที่เธอสะสมมันมาอย่างหลายปี
เธอเดินเข้าใกล้เย้นหว่านมากขึ้น ฝ่ามือที่สั่นเทา ลูบไปยังบนแก้มของเย้นหว่าน แต่ดูเหมือนเธอจะลังเล และความไม่กล้า
เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “แม่ขอ โดนตัวลูกหน่อยได้ไหม?”
ใบหน้าเธอเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความรัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอประหม่า กลัวว่าจะทำให้เย้นหว่านตกใจ
เย้นหว่านรู้สึกลำคอตัวเองตันจนรู้สึกลำบากมากกว่าเดิม
ผู้หญิงตรงหน้านี้ ราวกับมีชีวิตที่ยิ่งสูงส่งมากกว่าเจ้าหญิง เธอคงเป็นคนสูงศักดิ์และมีสง่าราศีมาโดยตลอด แต่ ณ วินาทีนี้ กลับมองเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
เย้นหว่านขอบตาร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ เธอกัดฟันตัวเอง เป็นฝ่ายเดินก้าวไปด้านหน้าเอง เพื่อให้มือที่อยู่กลางอากาศของหญิงคนนั้น โดนแก้มของเธอ
นิ้วของเธอเย็นมาก แต่กลับทำให้เย้นหว่านรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับ
นี่คือความอบอุ่นจากแม่หรอ?
นิ้วของหญิงคนนั้นสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ แต่มันยิ่งทำให้เธอลูบแก้มเย้นหว่านมากขึ้น
เธอทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ “เสี่ยวหว่าน ลูกสาวของฉัน”
“แม่ขอโทษ ที่ปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตข้างนอกตั้งแต่เด็ก ลำบากมามากแค่ไหนกัน”
“หลังจากนี้แม่จะดูแลลูกดีๆ ทดแทนทุกๆอย่างที่พลาดไป ให้ลูกอยู่กับแม่ตลอดไป จะไม่มีการจากลากันอีก”
เธอร้องไห้ แล้วโผล่เข้ากอดเย้นหว่าน
กอดเธออย่างแน่น เหมือนมีความสุขที่การสูญเสียได้กลับคืนมา และก็มีความกลัวที่จะเสียมันไปอีก
โชคดีที่ ในที่สุดเธอก็หาลูกสาวตัวเองกลับมาได้ จะได้ไม่ต้องจากกัน และคอยคิดถึงทั้งวันทั้งคืน
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองแม่ลูกที่กำลังกอดกัน ขอบตาเริ่มขึ้นสีแดง
ในที่สุดลูกสาวของเขา ก็กลับมาแล้ว
เย้นหว่านถูกกอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เธอยืนตัวแข็ง แต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของหญิงวัยกลางคน บนตัวเธอมีกลิ่นที่หอมด้วย
ทำให้อ้อมกอดที่เดิมทีไม่ควรคุ้นชินนี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล สมเหตุขนาดนั้นเลยหล่ะ
และในวินาทีนั้นกำแพงในใจของเย้นหว่านได้พังทลายลง
เธอร้องไห้จนแสบจมูก น้ำตายังคงไหลไม่หยุด มือทั้งสองข้างที่ทั้งแข็งทั้งสั่น ยื่นไปจับเสื้อของหญิงคนนั้น
หัวใจที่ว่างเปล่าของเธอ เหมือนว่าในวินาที จะหาที่พักพิงเจอแล้ว
เธอได้มีแม่ มีพ่อ มีครอบครัว