สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 38 อันตรายจะเกิดขึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
- Home
- สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
- บทที่ 38 อันตรายจะเกิดขึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
บทที่ 38 อันตรายจะเกิดขึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
หลังจากทุกคนได้ยินดังนั้น หน้าก็ซีดลงทันที เธอรู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็รู้สึกอับอาย
พวกเธอไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็ไม่อยากยอมรับ แต่ว่าพอเห็นผลงานที่เย้นหว่านแล้วนั้น ก็ยิ่งไม่มีหน้ากล้าจะเอาไปเทียบกับงานของตัวเองเลย
มันเป็นงานที่แค่มองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าแตกต่าง
วางหนิงเวยสีหน้าเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นงานออกแบบของเย้นหว่านงานหนึ่ง ตอนนั้นเธอหวาดกลัวศักยภาพของเย้นหว่าน ก็เลยใช้กาแฟเพื่อทำลายงานออกแบบของเธอ
เธอคิดว่าในเวลาสั้นๆแบบนี้ เย้นหว่านไม่มีทางออกแบบชุดให้ผู้อำนวยการได้เร็วขนาดนี้แน่นอน เมื่อกี้ก็เลยพูดอย่างไม่กลัวอะไรว่าเธอไม่มีผลงาน
แต่ว่าตอนนี้….
วางหนิงเวยรู้สึกอึดอัดเหมือนในคอมีแมลงวันอยู่
เย้นหว่านมองหน้ามู่จื่ออี้อย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณนะ”
“ฉันเป็นผู้ช่วยเธอนะ นั่นก็เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว”
มู่จื่ออี้ยิ้มอย่างอบอุ่น โชคดีที่เขาเป็นคนรอบคอบ เดาได้ว่าพอมีการประกาศรายชื่อออกมาต้องมีคนมุ่งร้ายกับเย้นหว่าน เขาก็เลยไปก้อปปี้ผลงานการออกแบบของเธอไว้
ทุกคนรู้สึกอับอายขายหน้า ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก ได้แต่จากที่นี้ไป
วางหนิงเวยโกรธจนกำหมัดแน่น เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เธอจ้องหน้าเย้นหว่านเขม็ง แล้วก็พูดจาออกมาอย่างผิดปกติ
“เมื่อสองวันก่อนฉันได้ยินมาว่า ตอนแรกผู้บริหารบอกว่าโควต้าจะถูกกำหนดโดยสถานการณ์การแข่งขัน และต้องใช้นักออกแบบที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการแข่งขัน
แต่ว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ท่านประธานถึงให้คนที่มาใหม่ได้อยู่ในรายชื่อ ฉันจำได้ว่า ทั้งสองวันก่อนหน้านี้เย้นหว่านอยู่ในห้องทำงานของท่านประธานตลอดเลยใช่มั้ย?”
เธอสงสัยอยู่ครึ่งนึง แล้วก็ชี้นำอยู่ครึ่งนึง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่ก็หมายความว่าเย้นหว่านใช้ทางลัด
ทันใดนั้นฝูงชนพวกนั้นก็เหมือนเจอเรื่องที่จะเล่นงานเธอ สายตาที่พวกเธอมองเย้นหว่านเต็มไปด้วยความสงสัย ดูถูกและรังเกียจ
เย้นหว่านขมวดคิ้วแน่น “วางหนิงเวย เธอพูดออกมาให้ชัดเจนเลยดีกว่า จะพูดอ้อมๆเพื่ออะไร?”
“ยังต้องพูดให้ชัดอีกหรอ? เรื่องที่เธอทำเธอยังไม่รู้ตัวอีกรึไง”
วางหนิงเวยมองหน้าเย้นหว่านอย่างโหดเหี้ยม “เย้นหว่าน ที่ฉันไม่พูด ก็ถือว่าฉันไว้หน้าเธอมากแล้วนะ”
ไม่ได้พูดให้ชัด แต่ว่าความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แถมมันยังชวนให้คนคิดไปไกลมากกว่านั้นอีกด้วยซ้ำ
ตอนนี้ไม่ว่าเย้นหว่านจะอธิบายหรือไม่ ก็คงจะเหมือนผู้ร้ายที่พยายามจะแก้ต่างให้ตัวเองอยู่ดี
แล้วอีกอย่างหลายวันก่อน เธอก็อยู่ในห้องทำงานของ โห้หลีเฉินจริงๆ
“วิธีการที่ผู้บริหารปรึกษากันก็ถือว่าเป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น ผู้อำนวยการเท่านั้นที่มีสิทธิตัดสินใจ แล้วเขาก็รู้สึกว่าเขาควรจะเลือกคนนี้ ก็เลยกำหนดมาแบบนี้ นี่ก็เป็นเรื่องปกติที่บริษัทไหนก็มีกันทั้งนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเย้นหว่านด้วย?”
มู่จื่ออี้พูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะกันเย้นหว่านไว้ ปกป้องให้เธอหลบอยู่ข้างหลัง
วางหนิงเวยหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “ฟังดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเย้นหว่าน แต่ว่าเธอแค่เป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติ ที่โดนท่านประธานเลือกเท่านั้นเอง”
คำพูดเชิงลบพวกนี้ มันยังเป็นพิษกว่าการให้ร้ายกันอีก
ตอนนี้ทุกคนต่างพากันเชื่อแล้วว่า เย้นหว่านใช้ทางลัดเพื่อให้ได้โควต้านั้นมา
เย้นหว่านขมวดคิ้วแน่น วางหนิงเวยต่ำทรามได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ?
กว่าเธอจะมีคุณสมบัตินี้ได้ม่ใช่ง่ายๆเลย แต่ว่าก็โดนคนพูดมั่วๆซั่วๆ แล้วก็บอกว่าเธอใช้ทางลัดเพื่อให้ได้มา?
งานออกแบบ และความสามารถของเธอ ถูกครอบงำด้วยความคิดของคนพวกนี้ไปแล้ว
“กึกๆๆๆ”
ในตอนนี้เอง ด้านนอกแผนกออกแบบก็มีเสียงฝีเท้าของรองเท้าหนังดังขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้น
ทุกคนรีบหันหน้าไป ก็เห็นว่าโห้หลีเฉินกำลังเดินตรงมาทางนี้
เขาใส่ชุดสูทสีดำ รูปร่างสูงเรียว มีรัศมีความเย็นชาและผู้ดีแผ่ออกมาจากตัวเขา แถมยังทำให้คนอื่นได้รู้สึกถึงอันตราย
ก้าวเท้าของเขาทุกก้าวดูมั่นคงมาก ทุกก้าวที่เหยียบลงพื้น เปรียบดั่งเหยียบลงบนหัวใจของคน
ทุกคนมองหน้าเขา แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ทุกคนรีบถอยหลัง แล้วก็หลบให้ทางมันกว้างขึ้น
ทุกคนรีบเอ่ยออกมาอย่างเคารพ “ท่านประธาน”
พอวางหนิงเวยเห็นโห้หลีเฉิน จากน้ำเสียงที่ดูดุดันนั้น ก็เต็มไปด้วยความกังวลทันที
โห้หลีเฉินไม่สนใจใครเลย สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่เย้นหว่าน
พอเห็นว่าเธอเหมือนกับคนที่โดนรังแก เขาก็หรี่ตาลงทันที
สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่วางหนิงเวย แล้วก็พูดออกมาด้วยความเยือกเย็น
“ทำไม ชื่อคนที่ฉันเลือก เธอมีความคิดเห็นมากขนาดนั้นเลยรึไง?”
วางหนิงเวยเหงื่อออกเต็มหน้าผากไปหมด “ไม่ ไม่มีค่ะ”
สายตาของโห้หลีเฉินก็เหลือบมองทุกคนที่อยู่ละแวกนั้น “แล้วพวกเธอ?”
“ไม่มีค่ะ พวกเราไม่มี”
แค่สายตาธรรมดาๆของเขา กลับทำให้ทุกคนกลัวจนหน้าซีดไปหมด
โห้หลีเฉินมีพลังอำนาจมาก ทำให้คนที่เผชิญหน้ากับเขารู้สึกหายใจไม่ออก
โห้หลีเฉินเม้มปากแน่น แล้วก็หันไปมองหน้าวางหนิงเวยด้วยสายตาเย็นชา
“แต่ว่าฉันไม่ชอบคนที่ชอบพูดจาไร้สาระนินทาคนอื่น โยนเธอออกไป”
หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดหลายคนเข้ามา
วางหนิงเวยค้างแข็ง แล้วก็มองหน้าโห้หลีเฉินด้วยสายตาช็อค แล้วเธอก็สั่นขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
คนที่โดนโห้หลีเฉินโยนออกจากบริษัท ก็ไม่มีบริษัทไหนกล้ารับเธอเข้าทำงานอีก อีกนัยนึงก็ถือ ชื่อของเธอจะถูกลบออกจากวงการดีไซน์เนอร์
เธอต้องเหนื่อยและลำบากมามากกว่าจะได้เข้ามาถึงจุดนี้ ได้สร้างชื่อเสียงของตัวเอง…
ทุกอย่างพังหมดแล้ว!
“ไม่ ไม่…ไม่นะคะท่านประธาน ฉันไม่อยากออกไป ฉันไม่ได้นินทานะคะ ฉันป่าว ยกโทษให้ฉันเถอะค่ะ ยกโทษ…”
วางหนิงเวยยังขอร้องไม่ทันถึงครึ่ง ก็โดนบอดี้การ์ดลากออกไป
ตอนนี้เองทุกคนในแผนกออกแบบก็แยกย้ายกันออกไปทันที
เย้นหว่านเห็นวางหนิงเวยโดนลากออกไป ก็ช็อคจนยังไม่ได้สติกลับมา
คนที่รังแกเธอทั้งวันทั้งคืน เพื่อนร่วมงานที่เธอเกลียดที่สุด วางหนิงเวย โดนไล่ออกไปแบบนี้เลยน่ะหรอ?
ต่อไปนี้วางหนิงเวยจะไม่ได้เจอวางหนิงเวยที่น่ารังเกียจอีกแล้วใช่มั้ย?
ตอนนี้อารมณ์เธอดีมาก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโห้หลีเฉินมาหยุดอยู่ข้างๆเย้นหว่านตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขาอยู่ใกล้เธอมาก แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาๆ
“ดีใจมากเลยหรอ? ถ้าเกิดว่ามีใครที่ไม่เข้าตาอีก ก็บอกฉันได้นะ”
เขาพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก เหมือนกับว่าพวกดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงพวกนี้ ไม่มีค่ากับเขาแม้แต่บาทเดียวเลยด้วยซ้ำ
วิธีการปกป้องแบบไร้กฏเกณฑ์แบบนี้ ทำให้ เย้นหว่านใจเต้นแรงมาก
มู่จื่ออี้ยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็เห็นโห้หลีเฉินที่ยืนอยู่ใกล้เย้นหว่านมาก ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ทันใดนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไป แล้วก็ขั้นกลางระหว่างทั้งสองคน
เขาบังเย้นหว่านไว้ แล้วก็มองหน้าโห้หลีเฉิน แล้วก็พูดอย่างไม่นอบน้อมว่า “ท่านประธาน คุณมาแผนกออกแบบมีธุระอะไรรึป่าวครับ?”
มู่จื่ออี้สูงมาก จนสายตาเกือบจะเทียบเท่ากับโห้หลีเฉิน โดยปกติเขาดูเหมือนว่าจะเป็นคนมีเหตุผล แต่ว่าความอดทนของเขาก็มีจำกัด เพราะฉะนั้นพอได้เผชิญหน้ากับโห้หลีเฉิน ก็ยังไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป
ตอนนี้เองก็เหมือนโห้หลีเฉินพึ่งจะรู้สึกถึงมู่จื่ออี้ รู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์ออกมาจากตัวคนๆนี้ พอรู้สึกได้ดังนั้น ดวงตาเขาก็มืดลงทันที
ผู้ชายที่หล่อมากทั้งสองคนจ้องหน้ากัน ต่างมีเสน่ห์ที่เย้ายวน ในตอนนั้นเอง บรรยากาศทั้งแผนกออกแบบก็เต็มไปด้วยความกดดันและความอันตราย
ราวกับว่าอันตรายจะเกิดขึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส