สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 39 โกหก เพื่ออะไร
บทที่ 39 โกหก เพื่ออะไร
ทันใดนั้นเย้นหว่านก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆของผู้ชายทั้งสองคนนี้ ก็รู้สึกสงสัย แล้วก็ไม่สบายใจ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เหตุการณ์นี้ก็สามารถดึงดูดความสนใจของหัวหน้าสวู่ได้เหมือนกัน เธอรีบเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูงทันที
พอเห็นว่ามู่จื่ออี้กำลังเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉิน เธอก็ตกใจ แล้วก็รีบเดินไปดึงมู่จื่ออี้ออก
“นายว่ายืนบังหน้าผู้อำนวยการทำไม? หลบไปเลยนะ”
หัวหน้าสวู่ตำหนิมู่จื่ออี้ หลังจากนั้นก็หันหน้าไปมองโห้หลีเฉิน แล้วก็คลี่ยิ้มออกมา “ผู้อำนวยการคะ ท่านอย่าถือสาเลยนะคะ เขาเป็นผู้ช่วยที่มาใหม่ ก็เลยสะเพร่าเลินเล่อบ้าง ไม่รู้จักกฏระเบียบเท่าไหร่
มู่จื่ออี้ที่โดนลากออก ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วก็ไปยืนอยู่ข้างๆเย้นหว่าน
ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็เป็นระยะห่างของเพื่อน แล้วก็เป็นท่าทางที่ผู้ชายคนหนึ่งจะปกป้องผู้หญิง
ดวงตาของโห้หลีเฉินมืดมน สายตาออกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่อ่านไม่ออก
หลังจากนั้น เขาก็เม้มปาก แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็เดินออกไปทันที
ร่างสูงของเขาเหลือแต่ความหนาวเย็นเอาไว้ตรงพื้นที่นั้น
หัวหน้าสวู่มองร่างของโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ เธอรู้สึกไม่เข้าใจ ผู้อำนวยการมาที่นี่แล้วก็ออกไป อยู่ดีๆเขามาทำอะไรที่แผนกออกแบบกันนะ?
ถึงแม้ว่าจะสงสัยขนาดนี้ แต่หัวหน้าสวู่ก็ไม่กล้าถามออกมาแม้แต่คำเดียว
หลังจากออกมาจากแผนกออกแบบ สีหน้าของโห้หลีเฉินก็มืดมน แล้วก็สั่งออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันต้องการข้อมูลของมู่จื่ออี้”
แค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆแค่นเนี่ยนะ?
แต่ว่าเมื่อกี้กลับกล้าเผชิญหน้ากับเขา โห้หลีเฉินมองออกเลยว่า มู่จื่ออี้ไม่ใช่แค่คนธรรมดาๆแน่นอน
การที่เขามาทำงานเป็นผู้ช่วยที่นี่ มีแผนการอะไรกัน?
เว่ยชีตอบอย่างนอบน้อม “ครับ ท่าน”
โห้หลีเฉินมาแล้วไปแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครในแผนกออกแบบกล้าบ่นเรื่องโควต้าอีกเลย
สุดท้าย เย้นหว่านก็ได้อยู่อย่างสงบๆซักที เธอเตรียมพร้อมด้วยความอุ่นใจ อีกไม่กี่วันก็ต้องไปแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าOviแล้ว
ในฐานะที่มู่จื่ออี้เป็นผู้ช่วยของเย้นหว่าน ก็เป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องไปกับเธอด้วย
งานของทั้งสองคนเกี่ยวพันกัน เพราะฉะนั้นก็เลยเลิกงานพร้อมกัน
เดินออกมาจากห้องโถงของบริษัท เย้นหว่านก็พูดออกมาว่า “ฉันจะไปนั่งรถไฟใต้ดิน นายล่ะ?”
ถ้าเกิดว่าไม่ได้ไปทางเดียวกัน จะได้แยกกันตรงนี้เลย
มู่จื่ออี้ลังเลอยู่หนึ่งวินาที หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันก็นั่งรถไฟใต้ดินเหมือนกัน ไปพร้อมกันเถอะ”
“โอเค”
เย้นหว่านเดินตรงไปยังทางที่จะไปรถไฟใต้ดิน แต่ว่าพอเดินถึงถนน ก็เห็นรถแลมโบกินีที่คุ้นเคย
รถรุ่นลิมิเตดอิดิชั่น ป้ายทะเบียนเลขสวย ก็คงจะเป็นแค่ของโห้หลีเฉินแล้วล่ะ
หน้าต่างหลังรถค่อยๆเปิดลง ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉินถูกเปิดเผยออกมา
เสียงทุ้มต่ำของเขาพูดออกมาอย่างไม่ลังเลว่า “ขึ้นรถ”
เย้นหว่านอึ้งไป แล้วก็มองสายตาที่มืดมนของโห้หลีเฉิน ก็รู้ว่าเขาต้องเรียกเธอแน่ๆ
แต่ว่า นี่มันหน้าประตูบริษัท แล้วก็มีคนอยู่เยอะมากเลยนะ
จะให้เธอเข้าไปในรถเขาอย่างเปิดเผยขนาดนี้….
ยังไงความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ไม่ชัดเจน ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เธอเดินไปข้างๆรถ แต่ว่าก็ไม่ได้ขึ้นไป
เธอถามเสียงเบา “คุณโห้ มีธุระอะไรรึป่าวคะ?”
“ขึ้นรถ”
โห้หลีเฉินย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่นึง ถึงแม้ว่าตรงนี้จะเป็นหน้าบริษัท แต่ว่าท่าทางของโห้หลีเฉินตอนนี้นั้นเด็ดเดี่ยวมากว่าให้เธอขึ้นรถ น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ก็เลยต้องพาเธอไปด้วย
แต่ว่าตรงนี้คนเยอะมาก แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ซับซ้อน เพราะฉะนั้นเธอก็เลยไม่สะดวกที่จะพูดเท่าไหร่
หลังจากคิดได้แบบนี้ เย้นหว่านก็หันไปพูดกับมู่จื่ออี้
“จื่ออี้ ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันมีธุระกับคุณโห้ที่ต้องไปจัดการอีกนิดหน่อย ฉันต้องก่อนนะ ไม่ได้กลับกับนายแล้ว”
มู่จื่ออี้ มองดูทั้งสองคนด้วยสายตาแฝงไปด้วยความหมาย แต่ว่าใบหน้ายังคงยิ้มให้เธออยู่
เขาโบกมือให้เธอ “ได้สิ พรุ่งนี้เจอกัน”
มู่จื่ออี้เดินไป แต่ว่าสีหน้าของโห้หลีเฉินกลับบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม
จื่ออี้งั้นหรอ?
คุณโห้?
เหอะ ชื่อที่เธอใช้เรียกเขาทั้งสองคนนี่ช่างต่างกันจังเลยนะ
เย้นหว่านขึ้นรถ เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกในรถคันนี้
เธอสงสัย “คุณโห้ มีธุระอะไรรึป่าวคะ?”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉินตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน เขากันหน้ามาแล้วกดเย้นหว่านลงกับเบาะ
ร่างสูงใหญ่ของเขาเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งการรุกราน
“ต้องโกหกเพื่อให้ได้ขึ้นรถมา เธอไม่อยากให้เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราขนาดนั้นเลย?”
ทันใดนั้นเย้นหว่านก็รู้สึกตื่นเต้นจนหดตัว แล้วก็ถอยไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พยายามรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาให้ได้มากที่สุด
เธอพูดเสียงเบา “ไม่ใช่….”
“แล้วมันคืออะไร?”
โห้หลีเฉินไล่ถาม ใบหน้าที่หล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ
ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา เหมือนกับว่าเขาจะจูบเธอได้ทุกเมื่อ
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมา ระยะห่างระหว่างพวกเขาตอนนี้ ทำให้เธอทั้งอายทั้งโกรธ
เว่ยชียังคงนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ
เย้นหว่านเอื้อมมือไปผลักหน้าอกของโห้หลีเฉิน แล้วก็ตอบอย่างลำบากยากแค้น “ฉัน ฉันไม่อยากให้คนในบริษัทรู้เรื่องของเรา”
โห้หลีเฉินงงงวย สีหน้าของเขายิ่งบูดบึ้งขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เขามองหน้าเธอ สายตาเต็มไปด้วยความอันตราย
“เย้นหว่าน เธอคือคู่หมั้นของฉัน”
เสียงเหมือนกับคำสาบาน เหมือนกับว่าเขากำลังเน้น แล้วก็เตือนเธอด้วย
เย้นหว่านนิ่งไป คำเพียงไม่กี่คำทำให้เธอสับสนเล็กน้อย
เธอกัดฟันแน่น “ฉันรู้ อยู่ข้างนอกฉันก็อยู่ข้างเธอตลอด แต่ว่า…”
หลังจากผ่านไปครู่นึง เย้นหว่านก็รวบรวมความกล้า แล้วก็มองหน้าโห้หลีเฉินด้วยสายตาวิงวอน
“การจะได้เป็นดีไซน์เนอร์คือความฝันของฉัน ฉันอยากอาศัยความสามารถของตัวเอง ก้าวไปยังจุดสำเร็จ แต่ถ้าเกิดว่าคนในบริษัทรู้ว่าฉันเป็นคู่หมั้นคุณ หลังจากวันนี้ไม่ว่าฉันจะทำสำเร็จได้ด้วยความสามารถของตนเองหรือไม่ พวกเขาก็จะมองมาที่ฉันอย่างมีทิฐิ
ในเรื่องของงานออกแบบแล้วนั้นฉันมีความมั่นใจในตัวเอง แล้วก็อยากได้รับการยอมรับจากทุกคนจริงๆ”
ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่ามีวันนี้ได้เพราะผู้ชาย
ที่เย้นหว่านไม่ได้พูดก็คือ อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้เธอก็ต้องยกเลิกการแต่งงานกับโห้หลีเฉิน ในตอนนั้นเธอกับเขาก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
ชีวิตของซินเดอเรลล่าที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ก็ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ว่าเธอจะจัดการเรื่องต่างๆในบริษัทได้ยากขึ้น
พอดูจากสายตาที่จริงจังของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็เข้าใจทันที
ก็แค่เพราะเหตุผลนี้เนี่ยนะ ผู้หญิงคนนี้ถึงได้รักษาระยะห่างกับเขามากนัก?
แต่ว่าเธอไม่รู้เลยว่า ที่เขาซื้อบริษัทนี้ แล้วย้ายจากสำนักงานใหญ่มาทำงานที่นี่ ก็เพราะว่าเธอ!
หลังจากที่ โห้หลีเฉินไปส่งเย้นหว่านที่บ้าน ก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นั่งอยู่บนรถอยู่แบบนั้น
เย้นหว่านยืนอยู่หน้าบ้าน แล้วก็เห็นท้ายรถขับออกไป ก็รู้สึกสับสนมาก
นี่โห้หลีเฉินตกลงหรือว่าไม่ตกลงกันนะ?
หลังจากนั้นหลายวัน เย้นหว่านก็ไม่เจอโห้หลีเฉินที่บริษัทเลย
แล้วเธอก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับโห้หลีเฉิน แล้วเธอก็คิดไปเรื่อยว่า เขาไปทำงานเมืองนอก หรือว่าเพราะว่าเรื่องที่เธอพูดเมื่อวันนั้น?
เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็มาถึงการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าOvi
เพราะว่าการแข่งขันนี้มันยิ่งใหญ่และสำคัญมาก เพื่อที่จะรักษาสติและความสามารถของผู้เข้าแข่งขัน การแข่งขันนี้ก็เลยมีที่พักให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคน ไม่สามารถออกไปไหนได้
มันเท่ากับว่าเป็นเกมส์ปิด
และกฏของการแข่งขันในทุกรอบ ก็คือโจทย์ที่ต้องออกแบบจะถูกประกาศก็ต่อเมื่อผู้เข้าแข่งขันทุกคนเข้าที่พักแล้ว จะได้ไม่มีใครสามารถโกงได้
ในเช้าของวันนี้ เย้นหว่านก็มารวมตัวกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามคนก็ต่างพาผู้ช่วยของตัวเองมา รวมทั้งหมดเป็นหกคน
หัวหน้าสวู่พูดถึงเรื่องที่ต้องระมัดระวัง แล้วก็เตรียมรถมาให้พวกเธอ
หลังจากออกมาจากห้องโถงบริษัท เย้นหว่านก็มองไปด้านข้าง ตรงนั้นมีรถจอดอยู่หลายคัน แต่ว่าไม่มีรถแลมโบกินีคันนั้นเลย
การแข่งขันครั้งนี้ยาวนานเกือบครึ่งเดือน กว่าเธอจะกลับมา ข้อตกลงระหว่างเธอกับโห้หลีเฉินก็คงใกล้จะมาถึงจุดจบแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เธอกับโห้หลีเฉินก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก
ในใจเธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก