สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 401 ไม่อยากอยู่กับฉัน?
บทที่ 401 ไม่อยากอยู่กับฉัน?
เย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินมองจนใจหวั่นไม่หยุด จึงเร่งเขาอย่างโมโหและปนอาการเขินด้วย
“นายรีบไปเถอะ พี่ชายฉันจะกลับมาแล้วนะ”
โห้หลีเฉินมองดูเวลาในโทรศัพท์ หยิบเสื้อบนเตียงขึ้นมา ขยับเข้าใกล้เย้นหว่าน “ยังเช้าอยู่เลย เธอใส่เสื้อผ้าก่อนสิ”
เมื่อกี้ที่เข้ามาแม้จะเป็นพี่ชายแท้ๆของเย้นหว่าน แต่สภาพโป๊บนไหล่ของเธอพอถูกคนเห็น ก็ทำเอาโห้หลีเฉินไม่สบายใจเหมือนกัน
เย้นหว่านมองดูโห้หลีเฉินเอาเสื้อจะมาสวมให้เธอ ก็ตกใจรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาแน่นกว่าเดิม
แม้พวกเขาจะพึ่งทำอะไรที่เร่าร้อนมาก็จริง แต่ยังไงก็พึ่งอยู่ด้วยกัน แต่ยังไม่สนิทถึงขั้นเขาช่วยเธอสวมเสื้อผ้า
นั่นมันน่าอายเกินไปแล้ว
“ฉันใส่เอง ใส่เอง”
พูดแล้ว เย้นหว่านก็รีบแย่งเสื้อมาจากมือโห้หลีเฉิน และซ่อนเข้าไปในผ้าห่ม
โห้หลีเฉินนั่งอยู่ข้างเตียง สายตามองเธออย่างจดจ่อ มุมปากกระตุกยิ้มอย่างได้ใจ
“เธอใส่เสื้อผ้าในผ้าห่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
เย้นหว่านหน้าแดงระเรื่อ มองเขาอย่างโมโห “นายอย่ามองฉันสิ หันไปเลยนะ”
“เมื่อกี้ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย อายอะไรกัน?”
โห้หลีเฉินแสยะยิ้มอย่างชอบใจ แต่ก็กลับหลังหันไปด้วยท่าทีที่สง่า แผ่นหลังที่กว้างหันให้กับเย้นหว่าน
เสียงของเขา ยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ “ต่อไปยังต้องเห็นทุกวัน ไม่นานเธอจะชินเอง”
น้ำเสียงนั้น เหมือนว่าการหันหลังนี้จะมีให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
เย้นหว่านมองค้อนแผ่นหลังของเขา อย่าจะเอาเสื้อฟาดหน้าเขาแรงๆ ผู้ชายคนนี้ทำไมหน้าด้านจัง?
ยังไงเวลาก็เหลือไม่มากแล้ว เย้นหว่านกังวลว่าเย้นโม่หลินกลับมาเห็นโห้หลีเฉิน จึงไม่กล้าชักช้า รีบสวมเสื้อผ้าให้เสร็จ
พอใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียง ยื่นมือไปคว้าโห้หลีเฉินไว้
โห้หลีเฉินถูกมือเล็กคว้าไว้โดยไม่ทันตั้งตัว จึงมีความตะลึงเล็กน้อย ดวงตามองเย้นหว่านอย่างอ่อนโยน กลับกัน ก็จีบมือเล็กของเธอไว้แน่นขึ้น
“ทำไมเหรอ?” เขาถามเสียงเบา
ความร้อนและความแข็งแกร่งจากฝ่ามือของเขาทำเอาเย้นหว่านอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาอีกที
สายตาเธอกระสับกระส่าย จับโห้หลีเฉินและเดินไปข้างหน้าต่าง “นายมาจากตรงนี้ใช่ไหม? งั้นนายก็กลับไปทางเดิมแล้วกัน”
โห้หลีเฉินจับตัวเย้นหว่านไว้ และกอดตัวเธอเข้ามา
เขาก้มหัวลง สายตาจับจ้องเธออย่างลึกซึ้ง
“อยากให้ฉันไปขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่อยากอยู่กับฉันแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เธอแค่กังวลว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว เดี๋ยวพี่ชายจะกลับมาก่อน จะเห็นโห้หลีเฉินได้
เพื่อความปลอดภัย ให้เขากลับไปก่อนจะดีกว่า
เธอรีบอธิบายว่า: “ไม่ ฉันอยากอยู่กับนายอยู่แล้ว ฉัน……”
พูดถึงครึ่ง เสียงของเย้นหว่านก็ตัดไป เธอรีบปิดปากไว้ ใบหน้าแดงก่ำทันที
ตาบ้าโห้หลีเฉิน ตั้งใจหลอกให้เธอพูดว่าอยากจะพูดกับเขางั้นเหรอ
โห้หลีเฉินใบหน้าที่หล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เขาก้มหน้าลง ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเย้นหว่าน
พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ฉันก็อยากอยู่กับเธอเหมือนกัน”
เสียงเบาของเขาผสมกับบรรยากาศค่ำคืน ช่างมีเสน่ห์มากจริงๆ
เย้นหว่านร่างกายของเธอเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมา
เธอยังคิดจะคว้าตัวโห้หลีเฉินไว้ อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ไม่อยากออกห่างเลยสักวินาทีเดียว
“นอนเช้าหน่อยนะ ฉันไปล่ะ”
โห้หลีเฉินไม่แกล้งเธอต่อ ฝ่ามือใหญ่ของเขาสัมผัสไปที่ผมของเย้นหว่าน และปล่อยเธอออกอย่างเสียดาย
ต่อมา เขาเดินไปข้างหน้าต่าง และกระโดดลงไป
แสงไฟในห้องสะท้อนออกไป ร่างกายเขายังมีมีเงาอยู่ไกลๆในที่มืด
หัวใจของเย้นหว่านตื่นเต้นไปหมด สายตามองเขาไม่ห่าง ในใจมีความเสียดายอย่างมาก
ฟ้าสวรรค์รู้ว่าเธออยากจะให้เขาอยู่ต่อมากแค่ไหน
แต่สุดท้าย เธอก็ขยับริมฝีปาก และพูดเสียงเบาว่า: “ระวังนะ เดินทางปลอดภัย”
“ได้”
โห้หลีเฉินพยักหน้า ไม่ได้จากไปทันที ยืนอยู่นอกหน้าต่างอยู่หลายวินาที จ้องมองเย้นหว่านและพูดว่า: “เย้นหว่าน รอฉันนะ”
เสียงโทนต่ำของเขา มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล เหมือนกับคำสาบานเสียมากกว่า
รอเขา อะไรนะ?
เย้นหว่านสงสัยอย่างมาก อยากจะถามต่อให้ชัดเจน แต่โห้หลีเฉินกลับเดินหายไปก่อนแล้ว ร่างกายสูงโปร่งของเขาหายไปจากความมืดนอกหน้าต่าง
เธอยังไม่ทันเห็นเลยว่าเขาเดินไปทางไหน
เย้นหว่านหัวใจว่างเปล่า และเดินไปข้างหน้าต่างอย่างไม่ทันตั้งตัว ยื่นคอออกไปมองด้านนอก แต่ต้นไม้ด้านนอกหน้าต่างห้องเธอสูงเกินไป แสงไฟด้านล่างถนนมืดมิดมองไม่เห็นอะไรเลย เธอไม่เห็นตัวของโห้หลีเฉินด้วยซ้ำ
และรอบข้างไม่มีเสียงเดินเท้าเลยด้วยซ้ำ
พริบตาเดียว โห้หลีเฉินก็เดินหายไปแล้ว
เย้นหว่านยืนอยู่ข้างหน้าต่างนิ่ง มีความเสียดาย กังวล และที่มากไปกว่านั้นคือคิดถึง
เธอไม่รู้ยืนอยู่ข้างหน้าต่างอยู่นานแค่ไหน ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงของประตูดังขึ้น “แกรก” ต่อมาก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้น
“เสี่ยวหว่านยืนอยู่ข้างหน้าต่างทำไมน่ะ? เธอเป็นไข้ จะโดนลมไม่ได้นะ!”
เย้นโม่หลินพูดแล้วก็รีบเดินเข้าไป ยื่นมือไปปิดหน้าต่างลง
เย้นหว่านมองดูหน้าต่างถูกปิดลง ก็อึ้งเล็กน้อย
ตอนนี้แม้กระทั่งนอกหน้าต่างยังดูไม่ได้ด้วยซ้ำ
เธอถอนหายใจเบาๆ ดูเศร้าสลดมาก และพูดอ้างไปว่า “ร้อนนิดหน่อย เลยอยากจะเปิดหน้าต่างให้ลมเข้ามา”
“เด็กดี หมอมาแล้ว อดทนหน่อยนะ พอรักษาเดี๋ยวก็หายดีเอง”
เย้นโม่หลินพูดเหมือนกับปลอบประโลมเด็กน้อย
เย้นหว่านทำอะไรไม่ได้ เย้นโม่หลินดีกับเธอมาก แต่กลับเอ็นดูและดูแลเธอดั่งไข่ในหิน
จนทำให้เรื่องของโห้หลีเฉิน พวกเขาไม่เชื่อการตัดสินใจเธอด้วยซ้ำ ถึงได้ปกป้องและขังเธอไว้ที่บ้านแบบนี้ ทำให้เธอไปหาโห้หลีเฉินไมได้
แต่ยังไงก็ทำไปเพราะเป็นห่วง เธอทำอะไรไม่ได้ แต่ก็โกรธไม่ลง จึงทำได้แค่หาวิธีทำให้อคติพวกเขาลดน้อยลง
หมอตรวจสอบเย้นหว่าน ก็ตรวจอะไรไม่เจออยู่แล้ว
เย้นโม่หลินถามอย่างแน่ใจแล้ว สุดท้ายก็วางใจ มองดูเย้นหว่านหลับไป ถึงออกจากห้อง
พอเดินออกจากห้อง เย้นโม่หลินก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
มองดูด้านบนมีสัญญาณขึ้นเต็ม ก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อกี้ทำไมถึงไม่มีสัญญาณเลย ตอนนี้ดีแล้วงั้นเหรอ?
ในตระกูลเย้น ไม่เคยเกิดปัญหาด้านเทคนิคแบบนี้มาก่อนเลย
ดูแล้ว ต้องไปเตือนแผนกสัญญาณแล้วล่ะ
หลังจากที่เย้นโม่หลินออกไปแล้ว เย้นหว่านที่แกล้งทำเป็นนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ ก็รีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียง หยิบโทรศัพท์จากหมอนด้านล่างมาเปิด
เธอเปิดวีแชท ส่งข้อความหาโห้หลีเฉิน
เย้นหว่าน: อยู่ไหนแล้ว? ออกไปอย่างปลอดภัยไหม?
รอไม่กี่วินาที โห้หลีเฉินไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
เย้นหว่านมองหน้าจอโดยไม่ละสายตา มีความตื่นเต้นเล็กน้อย เขาน่าจะยังอยู่ระหว่างทางนะ? ก็เลยไม่ทันได้เปิดโทรศัพท์ดู
เพราะยังไงในความมืด ต้องเดินไปเงียบๆ
เธอกำลังคิดอยู่นั้น ในตอนนี้เอง โทรศัพท์กลับดังขึ้น “ติ่งตงๆ” เสียงวิดีโอคอลดังขึ้น
คนที่โทรมาก็คือโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านจับโทรศัพท์อย่างตื่นเต้นทันที เขาโทรมาในตอนนี้ทำไมนะ?