สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 443 ทั้งหมดคืออุบาย
บทที่ 443 ทั้งหมดคืออุบาย
เขายังไม่ทันอารมณ์เสีย กู้จื่อเฟยก็ดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว เธอมองเย้นหว่านกับกู้ซึงอย่างคับแค้นใจ แล้วก็บ่นอย่างไม่พอใจ
“พวกเธอทั้งสองคนเข้าขากันได้ดีมากเลยสินะ ทั้งๆ ที่ไพ่ไม่ดีด้วยซ้ำ แต่ว่าเข้าขากันอย่างรู้กัน ก็เลยชนะไปได้สวยๆ พวกเธอนี่รู้ใจกันเหมือนสองใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเลยรึเปล่า? ”
เย้นหว่านอึ้งไป
สองใจรวมเป็นหนึ่งเดียวยังงั้นเหรอ? เธอหันกลับไปมองโห้หลีเฉินโดยอัตโนมัติ มีแสงไฟกะพริบอยู่ในดวงตาของเธอ
โห้หลีเฉินเองก็มองเย้นหว่านเหมือนกัน มุมปากเม้มเบาๆ สายตามีประกายความรักและทะนุถนอม
พวกเขาสองใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่แล้ว
คนที่อวดเก่งทั้งสองคนตรงหน้าของเย้นโม่หลิน ในใจรู้สึกอุดอู้
เมื่อกี้พวกเขาเข้าขากันได้ดีมากจริงๆ ไม่ยังงั้นไพ่แบบนี้ พวกเขาต้องแพ้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่ามันก็มีเหตุผลเรื่องที่เทคนิคเขายังไม่ค่อยดีอยู่ด้วย เลยทำให้กู้จื่อเฟยต้องมาแพ้ไปกับเขาด้วย
“แค่กๆ ”
เย้นโม่หลินกระแอมอย่างไม่สบายใจ แล้วพูดว่า “ต่อเลย เกมต่อไป”
เขาไม่เชื่อหรอกว่า เขาจะแพ้อีก
เย้นโม่หลินคือคนที่ชอบเอาชนะ แม้แต่เรื่องการเล่นสนุกแบบเล่นไพ่นี้ ก็ไม่อยากแพ้
“แป๊บหนึ่ง อย่าพึ่งรีบ”
เย้นหว่านหยุดการกระทำของเย้นโม่หลินที่กำลังจะยื่นไปหยิบไพ่ เธอยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก แล้วก็หยิบริบบิ้นสีแดงสองเส้นมาจากด้านข้าง
เธอไตร่ตรองและมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเย้นโม่หลิน แล้วก็โบกริบบิ้นในมือไปมาอย่างสบายใจ
“พี่ แพ้แล้วก็ต้องมีบทลงโทษนะ บทลงโทษก็คือแปะริบบิ้นไว้บนหน้า”
แปะของสิ่งนี้ไว้บนหน้ายังงั้นเหรอ?
ปากของเย้นโม่หลินกระตุกเล็กน้อย และใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อทันที
เขาคือนายน้อยของตระกูลเย้นที่น่าเกรงขาม หลายคนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีใครกล้าทำอะไรกับหน้าของเขาด้วย
“ในเมื่อมันเป็นการพนัน จ่ายเงินดีกว่า เท่าไหร่ก็ได้”
เย้นหว่านส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล “พี่ว่าพวกเรามีคนที่เหมือนไม่มีเงินด้วยเหรอ? เงินพนันไม่มีความหมายอะไรหรอก ต้องลงโทษแบบนี้แหละถึงจะสนุก”
เย้นโม่หลิน:“……”
สนุกตรงไหน? เอาของแบบนี้แปะไว้บนหน้า ไม่รู้สึกน่าอายหรือยังไงกัน?!
เย้นหว่านหรี่ตา และพูดอีกว่า “พี่ พี่คงไม่ได้คิดจะโกงหรอกใช่ไหม? ”
สีหน้าของเย้นโม่หลินเปลี่ยน แข็งทื่อยิ่งกว่าเดิม
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย” เขามองไปที่ริบบิ้น แล้วก็ลังเลอยู่สามวินาที เหมือนกับว่าตัดสินใจเรื่องอะไรที่ใหญ่โต “มาแปะสิ”
เขาเม้มริมฝีปากบาง แล้วโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย
ใบหน้าที่หล่อเหลาและสมบูรณ์แบบนั้น ก็โน้มเข้าไปตรงหน้าของเย้นหว่าน ให้เย้นหว่านทำอะไรได้ตามอำเภอใจ
เย้นหว่านรู้สึกมีความสุข เธอยังไม่เคยทำอะไรกับใบหน้าของพี่ชายตัวเองเลย โอกาสนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆ
เธอยิ้มจนตาหยีแล้วก็จะรีบเข้าไปแปะทันที ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามา แล้วก็จับข้อมือของเธอไว้ หยุดการกระทำของเธอ
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม “ในเมื่อมันเป็นการลงโทษ ก็ให้คนที่แพ้แปะให้กันเองแล้วกัน”
เย้นหว่านอึ้งไป ความหมายของเขาคือ ไม่ให้เธอแปะให้เย้นโม่หลินงั้นเหรอ?
โห้หลีเฉินนี่ หึงแม้แต่กับพี่ชายเธอเองยังงั้นเหรอ?
เมื่อเห็นสายตาของเย้นหว่านเป็นประกาย สีหน้าของโห้หลีเฉินก็ดูไม่สบายใจ แล้วก็หยิบริบบิ้นในมือของเย้นหว่านไป พร้อมกับส่งให้กู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยมีความสุขมาก เธอหยิบริบบิ้นไปอย่างดีใจ แล้วก็โน้มเข้าไปตรงหน้าของเย้นโม่หลิน
“พี่เย้น เดี๋ยวฉันแปะให้เอง”
เย้นโม่หลินมองดูผู้หญิงที่ขยับเข้ามาใกล้ตัวเอง แล้วร่างกายก็หดโดยอัตโนมัติ
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างแน่น ให้เย้นหว่านแปะ ก็ยังถือว่าเธอเป็นน้องสาวของตัวเอง เขายังสามารถฝืนทนได้ แต่ถ้าให้กู้จื่อเฟยแปะ……..
เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลเย้นที่สง่างาม เมื่อไหร่กันที่เขาตกต่ำถึงขั้นให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาก่อความวุ่นวายกับใบหน้าของเขา!
แปะ——
เย้นโม่หลินกำลังคิดอยู่ และในตอนนี้เอง นิ้วของผู้หญิงคนนั้นที่ถือริบบิ้นอยู่ ก็แปะลงบนหน้าของเขาอย่างแม่นยำ
เย้นโม่หลินแข็งทื่อไปทั้งตัว จ้องมองไปที่อยู่หญิงที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 20 เซนติเมตรอย่างมึนงง
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสว่างสดใสได้กลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว ดูมีความสุขมากๆ และดวงตาของเธอก็จับจ้องมาที่เขาอย่างไม่กะพริบตา ในตาดำของเธอนั้น สามารถมองเห็นร่างของตัวเขาเองได้
นิ้วของเธอเย็นเล็กน้อย แต่ว่ากลับอ่อนนุ่มมาก แปะลงที่ใบหน้าของเขาเบาๆ เหมือนกับว่าถูกฟองน้ำไหลผ่านยังไงยังงั้น
ในใจที่เงียบสงบของเย้นโม่หลินนั้น กลับรู้สึกแปลกประหลาดไม่เหมือนปกติ
ใบหน้าของกู้จื่อเฟยและเย้นโม่หลินถูกริบบิ้นแปะไว้ แล้วเกมก็ได้ดำเนินต่อไป
แต่ว่าอีกสองเกมต่อไปหน้าไพ่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทักษะของเย้นโม่หลินก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วก็ต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์อย่างโห้หลีเฉินและเย้นหว่านอีก เย้นโม่หลินพากู้จื่อเฟยแพ้สามตารวดอย่างไม่ต้องสงสัย
บนใบหน้าของทั้งสองคน มีริบบิ้นอยู่ถึงสามเส้นที่พัดไปพัดมา
เย้นโม่หลินรู้สึกโมโห เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เอาอีก! ”
เขาไม่เชื่อหรอก ว่าทุกเกมที่เขากับกู้จื่อเฟยอยู่ด้วยกัน แล้วเย้นหว่านกับกู้ซึงจะชนะทุกเกมได้?
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นโม่หลินอย่างสบายๆ เม้มปาก แล้วก็แจกไพ่
เกมนี้ หน้าไพ่ของเย้นโม่หลินก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก
แต่ว่า โห้หลีเฉินที่อยู่ก่อนเขา ทิ้งไพ่ดี กลับเป็นการทิ้งไพ่ให้เขาทั้งนั้น ทีละเล็กทีละน้อย เย้นโม่หลินก็ชนะแล้ว
พอเย้นโม่หลินเห็นว่าไพ่ใบสุดท้ายถูกโยนออกไป ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เล่นมาสี่เกม ในที่สุดเขาก็ชนะเกมหนึ่ง
ในที่สุดใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มแล้ว แล้วก็พูดกับกู้จื่อเฟยว่า “พวกเราพลิกตัวเป็นฝ่ายชนะได้แล้ว”
กู้จื่อเฟยถือไพ่ที่เหลืออยู่ในมือ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เธอเบะปาก แล้วก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “พี่เย้น เกมนี้ฉันไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับพี่”
เย้นโม่หลินอึ้งไป
ในเกมนี้กู้จื่อเฟยไม่ได้กดไพ่ของเขาเลย เขาก็นึกว่าจะเหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่พวกเขาอยู่ทีมเดียวกัน
โห้หลีเฉินกระจายไพ่ที่เหลือในมือของเขาออก แล้วก็พูดอย่างสบายๆ “หัวหน้าทีมของคุณ คือผม”
เย้นโม่หลินมองกู้ซึงอย่างตะลึง เขาตะลึง แต่ก็ค่อยๆ ตั้งสติได้ แล้วก็รู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผล
มิน่าล่ะเมื่อกี้กู้ซึงถึงเอาแต่ส่งไพ่ให้เขาตลอด ทำให้เขาสามารถทิ้งไพ่ในมือได้จนหมด
ที่แท้ ผู้ชายคนนี้กำลังแอบช่วยเขาอยู่!
เย้นโม่หลินมองกู้ซึงแล้วมองอีก หลังจากนั้น ก็ยิ้มอย่างเบิกบาน
มือหนาตบลงที่ไหล่ของเขา “ทำได้ไม่เลวเลย”
ถึงแม้ว่าเรื่องอื่นเขาจะไม่รู้ แต่ว่าสกิลการเล่นไพ่ของกู้ซึงนั้น ก็เล่นได้ไม่เลวเลยจริงๆ
และการร่วมมือกันในเกมนี้ ทำให้เย้นโม่หลินรู้สึกว่ากู้ซึงคนนี้เนี่ย ยิ่งมองยิ่งถูกชะตา
เย้นหว่านมองดูเย้นโม่หลินตบไหล่โห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ มุมปากของเธอก็กระตุกเล็กน้อย ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าพี่ชายเธอถูกล่อซื้อได้ง่ายขนาดนี้?
แล้วก็หันกลับมามองโห้หลีเฉิน ท่าทางที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มนั้น เหมือนกับว่าวันนี้เขาจะทำเป้าหมายที่แอบแซงของตัวเองสำเร็จแล้ว……
เกมไพ่คืนนี้ ช่างมีความสุขและสมัครสมานจริงๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสี่คน ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่รู้ตัว
วันที่สอง เย้นหว่านตื่นขึ้นมาแต่เช้า
เรื่องในใจของเธอก็คือ เมื่อคืนโห้หลีเฉินปลอมตัวเป็นกู้ซึงมาหาเธอ ขนาดหลับไปตื่นหนึ่งยังรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่เรื่องจริงอยู่เลย
กลัวว่ามันจะเป็นแค่ฝันไป จู่ๆ เขาจะหายไป เย้นหว่านก็รีบลงจากเตียงล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เดินไปยังห้องของโห้หลีเฉิน
“คลิก”
แค่บิดล็อกประตู เธอก็สามารถเปิดประตูห้องได้อย่างง่ายดาย
เธอมองเข้าไปในห้อง ในห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคน
จู่ๆ หัวใจของเย้นหว่านก็ว่างเปล่า โห้หลีเฉินล่ะ?
เธอตื่นตระหนกเล็กน้อย ในใจเธอรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาทันที เธอวิ่งเข้าไปในห้อง แล้วก็ดูในทั้งห้องน้ำ ห้องอ่านหนังสือ ก็ไม่มีใครอยู่
และทุกที่ก็สะอาดและเย็น ว่างเปล่าเหมือนกับว่าไม่มีเคยมีคนมาอยู่ที่นี่
ใบหน้าของเธอซีดเผือด หรือว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ เป็นแค่สิ่งที่เธอฝันไปงั้นเหรอ?