สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 47 คุณโห้ปลอบเธอ
บทที่ 47 คุณโห้ปลอบเธอ
“ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ไปคุยกับวางหนิงเวยแล้วให้เธอกลับไปที่โรงแรมคนเดียว เธอคงไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้” เสียงของมู่จื่ออี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง เขาไม่เคยมีความรู้สึกเสียใจแบบนี้มาก่อน เมื่อคืนที่เขาได้พบกับวางหนิงเวยและไม่ได้สนใจเย้นหว่าน จนทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้
เย้นหว่านยิ้มอย่างไม่เป็นไร “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนายแล้วนายก็ไม่ใช่บอดี้การ์ดที่จะต้องมาคอยตามปกป้องฉันด้วย จะว่าไปมันเป็นแผนของหลี่อันและฉันก็ประมาทถูกเขาหลอก” เธอพึ่งมาที่นี่แต่เย้นหว่านก็ถูกคนมาวางแผนใส่ร้ายแบบนี้ ใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง? เย้นหว่านหรี่ตาลงและคิดถึงใครบางคนที่อาจจะใส่ร้ายเธอ…..
“ไม่ว่าใครเป็นคนทำ ฉันจะหามันให้เจอ” มู่จื่ออี้กดเสียงต่ำสายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อคิดอะไรได้เขาก็เอ่ยอีกว่า ” แล้วฉันจะไปตรวจสอบกับพวกเขา จะพยายามใช้เวลาให้สั้นที่สุดและฉันก็จะไม่ให้โอกาสคนทำผิดอีกเป็นอันขาด”
มู่จื่ออี้ที่ไปส่งเย้นหว่านที่ห้องพักของโรงแรม จากนั้นก็ไปหาโกย่านีเพื่อขอมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่นานก็ปรากฏร่างของผู้หญิงหุ่นผอมเพรียว 2 คนเดินออกมาจากมุมทางเดินคือโอวน่อหย่ากับวางหนิงเวย
วางหนิงเวยมองด้านหลังมู่จื่ออี้ที่เดินอยู่ไกลๆ บนใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความเกลียดชัง “การสอบสวนต้องเริ่มจากที่หลี่อันแน่นอน จะทำยังไงดีถ้าพวกเขาพบหลี่อัน?” แม้ว่าพวกเธอนั้นจะใช้เงินซื้อหลี่อันมาแต่ก็ไม่กล้าที่จะรับประกัน 100% ว่าจะไม่หักหลังแล้วสารภาพออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมู่จื่ออี้ที่เข้าร่วมด้วย……
“พวกเขาหาหลี่อันไม่เจอหรอก ฉันให้คนไปส่งเขาแล้วเมื่อคืน” โอวน่อหย่ายิ้มหยันอยากมั่นใจ “จะว่าไป กว่าจะหาหลี่อันเจอก็คงจะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวันแล้วเย้นหว่านจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ยังไงล่ะ? เธอก็จะไม่มีเวลาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้” คราวนี้คงทำให้เย้นหว่านถูกตัดชื่อออกจากวงการออกแบบและไล่เธอออกไป นี่คือจุดประสงค์ของโอวน่อหย่า
ในขณะนั้นก็มีรถ Lamborghini รุ่น Limited Edition ขับมาที่โรงแรมริมทะเลอย่างรวดเร็วชั่วพริบตา เว่ยชีที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับพูดด้วยความเคารพ “คุณชายครับ ได้ข่าวจากทางนั้นมาแล้วครับ ตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วครับ ก่อนที่ผลการตรวจสอบออกมา คุณเย้นจะหยุดเข้าร่วมการแข่งขันชั่วคราวครับ”
“อืม” ชายที่นั่งในเบาะหลังตอบกลับไปสั้นๆ
เว่ยชีมองกระจกหลังอย่างไม่สบายใจ เขาไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับความคิดคุณชายมากนักแต่เขากลับรู้สึกทึ่งกับวิธีการของเขา เมื่อเขาได้ยินว่าเย้นหว่านนั้นถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม คุณชายที่กำลังติดประชุมสำคัญอยู่ แต่ทว่าคุณชายกลับไม่ลังเลที่จะจบการประชุมลงแล้วกลับมาหาเย้นหว่านที่โรงแรมแล้วยิ่งให้เขานั้นต่อสายโทรศัพท์หาท่านประธานการแข่งขันออกแบบแฟชั่นOvi ใช้อำนาจคุกคามคนอื่นเพราะไม่อยากให้เย้นหว่านรู้สึกลำบากใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคุณชายใช้ประโยชน์จากส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้อย่างเที่ยงธรรมและบริสุทธิ์ใจขนาดนี้
______
ในเวลาอาหารกลางวันเย้นหว่านไปที่ร้านอาหารของโรงแรมที่จัดอาหารการกินโดยเฉพาะ
เธอเพิ่งเดินเข้ามาและทันใดนั้นก็มีดวงตาจ้องมองมาที่เธอนับไม่ถ้วน สายตาตาของทุกคนมองอย่างดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจ บางคนถึงกับเสียดสีด้วยคำพูดเบา ๆ
“ทำไมเธอยังมีหน้ามาอีกล่ะ? ทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่ถูกไล่ออกไปอีก ยังวางมาดออกมากินข้าวอย่างไม่อาย”
“บางทีหน้าคงหนาพอถึงได้กล้าโกงแบบนี้แม้แต่บอดี้การ์ดวัยกลางคนยังเต็มใจไปนอนด้วยเลย”
“ต้องมาแข่งขันด้วยกันกับคนแบบนี้ฉันละขยะแขยงจริงๆ”
……เย้นหว่านนิ่งชะงักไป สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยวอย่างไม่น่ามอง แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยแต่กลับถูกคนมาชี้หน้าพูดดูถูกเหยียดหยาม เธอรู้สึกอึดอัดใจมากจนเธอหมดความอยากอาหารในทันทีและคิดที่จะไม่กินแล้ว ในตอนที่เธอกำลังจะเดินออกไปนั้นก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นที ประตูห้องอาหาร
เธอกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเสียงเย็นชาและเสียงดื้อรั้นของชายคนนั้นดังขึ้นที่
“พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์คนของผม?” โห้หลีเฉินย่างเท้าเข้ามาอย่างน่าเกรงขามไอเย็นที่แผ่ออกมารอบตัวทำให้ผู้คนรู้สึกกดดัน ในใจทุกคนก็พลันรู้สึกหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจ
ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่คือคุณชายโห้หรอ……
สายคมแสนเย็นชามองกวาดไปรอบๆ น้ำเสียงทุ้มแต่ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงอันตรายที่ย่างกรายเข้ามา
“ถ้าผมได้ยินใครเอ่ยถึงเย้นหว่านแม้แต่คำเดียวอีกละก็เชิญไสหัวออกไปจากเมืองเฉิงหนานได้เลย”
ไม่ใช่ให้ออกจากการแข่งขันการออกแบบแฟชั่นOviนะ แต่ให้ออกจากเมืองเฉิงหนานเลยเหมือนถูกขึ้นบัญชีดำ จากนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีสถานการณ์เงียบเหมือนป่าช้า
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะมาปกป้องเธอขนาดนี้ก็พลันให้ใจของเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอเลยพูดเบาๆ กับเขาว่า “คุณโห้ ขอบคุณที่คุณ…….”
“ถ้าอยากขอบคุณก็แสดงออกมาด้วยการกระทำสิ” โห้หลีเฉินมอง เย้นหว่านอย่างมีความหมายลึกซึ้งจากนั้นเขาก็หมุนกายแล้วเดินออกไปด้านนอก “ตามมา”
เย้นหว่านมองตามหลังเขาหรือว่าเขาตั้งใจมาหาเธอโดยเฉพาะ?
เมื่อทุกคนเห็นแผ่นหลังกว้างของโห้หลีเฉินค่อยๆ หายไป พวกเขาก็ต่างรู้สึกโล่งใจ ในใจของทุกคนล้วนทั้งหวาดกลัวทั้งตกตะลึงว่าทำไมโห้หลีเฉินต้องปกป้องเย้นหว่านด้วย? เพราะเย้นหว่านเป็นคนที่บริษัทของเขาส่งมาเหรอ? อาจจะใช่ก็ได้เพราะมีแค่เหตุผลนี้ที่ทุกคนยอมรับได้ หลังจากพวกเขาใช้เวลานานในการผ่อนคลายจากนั้นก็ไปที่ห้องอาหารเพื่อสั่งอาหาร แต่ในตอนนั้นพ่อครัวมองที่พวกเขาอย่างไร้อารมณ์ “คุณโห้สั่งมาว่าพวกคุณเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระไม่ต้องกินข้าวแล้วก็ได้”
ทุกคน : “………. “
เย้นหว่านได้ตามโห้หลีเฉินมายังอีกชั้นหนึ่งซึ่งเป็นร้านอาหารคุณภาพดีที่ให้บริการเพียงคนเดียวเท่านั้นและอาหารเลิศรสก็ถูกจัดวางเต็มโต๊ะ
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉิน “คุณโห้ นี่คือ…ให้ฉันชิมอาหารหรอคะ?” อยู่บริษัทมาหลายวันก็ไม่เคยพบโห้หลีเฉินเลยแล้วเขาก็ไม่ได้เรียกเธอไปชิมอาหารอีกเธอก็นึกว่าโห้หลีเฉินไม่ต้องการให้เธอทำเช่นนั้นแล้ว
“อืม” โห้หลีเฉินตอบกลับนิ่งๆ
เว่ยชีที่ยืนอยู่อีกด้านก็อดไม่ได้ที่จะแขวะในใจ หยุดประชุมกะทันหันแล้วรีบมาหาแล้วยังให้พ่อครัวจัดทำอาหารขึ้นโต๊ะกะทันหันอีก นี่เพื่อให้คุณชายกินที่ไหนกันล่ะ? หากไม่ใช่เพราะว่าเย้นหว่านนั้นอารมณ์ไม่ดีแล้วกลัวว่าเธอจะไม่อยากกินอาหารเลยต้องใช้วิธีนี้ให้เธอกินมากขึ้น
แม้ว่าเย้นหว่านมีความอยากอาหาร แต่เธอก็ต้องชิมอาหารให้ โห้หลีเฉินอย่างที่เขาพูดมามันเป็นหน้าที่ของคู่หมั้นอย่างเธอและเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ เธอนั่งลงด้วยความอุ่นใจ ครั้งแรกก็แปลกๆ แต่พอครั้งที่สองก็รู้สึกชินแล้วเธอก็เริ่มกินอาหารทีละอย่าง อืม รสชาติค่อนข้างดี เธอชิมไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เลือกหยิบอาหารที่อร่อยออกมาให้โห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินมองดูอาหารตรงหน้าเขาแต่ก็ยังไม่ได้จับตะเกียบแล้วก็ชำเลืองตามองเธอ “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนความจริงจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะ” เย้นหว่านมองโห้หลีเฉิน นี่เขารู้เรื่องนี้หรอ? และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาพูดปลอบโยนเธอ ภายในใจก็รู้สึกไม่เหมือนปกติ เธอพยักหน้า “ค่ะ”
ตามปกติแล้วการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดก็คือเรียกหลี่อันกลับมาถามให้เข้าใจอย่างชัดเจน แต่ว่าผ่านไปหนึ่งวันแล้วก็ยังไม่มีใครมาแจ้งกับเย้นหว่านว่าเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง เธอทนไม่ไหวจึงไปหามู่จื่ออี้ด้วยตัวเอง “จื่ออี้ การตรวจสอบเป็นไงบ้าง?”