สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 504 เปิดเผยความลับ
บทที่ 504 เปิดเผยความลับ
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินที่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรอกู้จื่อเฟยออกมาอยู่ในห้องโถงตลอด
รออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้เห็น กู้จื่อเฟยถูกเย้นโม่หลินจูงออกมาอย่างเชื่องช้าเทียบได้กับความเร็วระดับมดเดินด้วยความระมัดระวัง
การซอยเท้าเล็กๆแบบนั้นยังถี่ยิ่งกว่าเด็กสาวญี่ปุ่นเสียอีก
เย้นหว่านมุมปากกระตุก อดนับถือไม่ได้จริงๆ
แผนการแปลกประหลาดของกู้จื่อเฟยนั้น กลับทำให้คนหยิ่งยโสอย่างเย้นโม่หลินสามารถตามติดดูแลเธอได้
ดูท่า เธอคงจะไม่ต้องเป็นห่วงกู้จื่อเฟยแล้วจริงๆ
ถึงตอนนั้นที่ต้องเป็นห่วงก็คือพี่ชายตัวเอง ถูกหลอกอย่างลึกซึ้ง ถูกแกล้งอย่างน่าอนาถเกินไป
เย้นโม่หลินเห็นเย้นหว่านกับกู้ซึงแล้ว ก็เอ่ยว่า “บาดแผลจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ”
กู้ซึงพยักหน้า “อืม”
เย้นโม่หลินถึงได้โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในใจก็มีความละอายผุดขึ้นมา
กระดูกที่แตกของกู้ซึง เดิมควรจะรีบเรียกป่ายฉีมารักษาบาดแผล แต่ว่าหลังจากเขามาแล้ว เห็นกู้จื่อเฟยได้รับบาดเจ็บ กลับลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น
ใจมัวแต่คิดจะให้ป่ายฉีไปตรวจดูและรักษาบาดแผลให้กับกู้จื่อเฟยอย่างเดียว
สุดท้ายก็ทำให้กู้ซึงต้องไปเชิญหมอหลิวมารักษาบาดแผลให้อย่างเสียมิได้ เดิมเสี่ยวหว่านก็อารมณ์ไม่ดี ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะโทษเขามากกว่าเดิม
“ตอนเปลี่ยนยา ผมจะให้ป่ายฉีเป็นคนเปลี่ยนให้ด้วยตัวเอง ช่วงเวลานี้ คุณก็รักษาตัวให้ดี”
เย้นโม่หลินเอ่ยกำชับ
เย้นหว่านได้ยินคำพูดนี้แล้ว หัวใจก็ถูกยกขึ้นมาห้อยสูงอีกครั้ง
พวกเขาวุ่นวายกันยกใหญ่ ก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ป่ายฉีได้เห็นบาดแผลของโห้หลีเฉิน แล้วจำฐานะของเขาได้ ตอนนี้ให้ป่ายฉีมาเปลี่ยนยาใส่แผลให้ด้วยตัวเอง นั่นไม่ใช่ว่าจะถูกค้นพบหรอกหรือ
เย้นหว่านรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกค่ะ บาดแผลหนึ่งให้คุณหมอคนเดียวจัดการจะดีกว่า หนูคุยกับหมอหลิวเรียบร้อยแล้ว ตอนเปลี่ยนยา เขาจะมาค่ะ”
เห็นเย้นหว่านปฏิเสธเด็ดขาดแบบนี้แล้ว เย้นโม่หลินก็รู้สึกกลุ้มใจอีกครั้ง
เสี่ยวหว่านยังคงโกรธเขาอยู่ใช่ไหม
เขาจะชดเชยอย่างไรดีนะ
เย้นหว่านไม่รู้ถึงความคิดของเย้นโม่หลินเลยแม้แต่น้อย คิดว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่กล้าอยู่บ้านป่ายฉีนานเสียเท่าไร กลัวว่าจะเผยพิรุธอะไรออกมา
เธอเอ่ยว่า “กู้ซึงและจื่อเฟยล้วนได้รับบาดเจ็บ พวกเราส่งพวกเขากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”
เอ่ยจบแล้ว เย้นหว่านก็ประคองโห้หลีเฉิน เดินนำออกไปด้านนอกก่อน
เย้นโม่หลินก็ไม่อาจพูดอะไรได้ จูงกู้จื่อเฟย เดินออกไปด้านนอกอย่างไม่เร็วไม่ช้า
ป่ายฉีเดินตามหลังออกมา มองส่งพวกเขาขึ้นรถ และจากไป
เขายืนอยู่ที่หน้าประตู ถือลูกอมห่อหนึ่ง
โทสะที่อยู่เต็มท้องนั้นกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่มีที่ให้ระบาย
กู้จื่อเฟยแกล้งเขาสินะ เขาให้เฮลิคอปเตอร์ส่งลูกอมกลับมา แต่เธอกลับไม่กิน!
ครั้งหน้าอย่าให้เขาจับจุดอ่อนของกู้จื่อเฟยเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้น เขาจะเล่นงานเธอให้ตาย สารพัดวิธีการที่จะจัดการให้ตาย
ป่ายฉียกมือขึ้น โยนลูกอมลงไปในถังขยะ หมุนตัวกลับเข้าบ้านไปอย่างโมโห และเข้านอน
เมื่อผู้คนจากไป ก็ไม่มีใครสนใจอีก บ้านของป่ายฉีก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง
ในมุมมืดของระเบียงทางเดิน มีเงาร่างของคนคนหนึ่งที่เพิ่งจะปรากฏตัวออกมา
นั่นก็คือหยูซือห้าน
เขาจับจ้องไปยังทิศทางที่เย้นหว่านจากไปด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายโทสะอันดำมืด เกือบจะเหมือนกับถังระเบิดถังหนึ่งที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
สมควรตาย!
เขารู้ว่าโห้หลีเฉินมีความสามารถ บุคลิกภาพดี สิ้นเปลืองความคิดทำให้กู้ซึงบาดเจ็บ เพื่อส่งเขามาเบื้องหน้าป่ายฉี ให้ป่ายฉีทำการรักษาบาดแผล และสามารถค้นพบร่องรอยได้
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า กู้จื่อเฟยจะกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้แผนการวุ่นวาย
และยิ่งคิดไม่ถึงว่า เย้นโม่หลินจะเอาใจใส่ต่อกู้จื่อเฟยแบบนี้ จนถึงขั้นไม่ใส่ใจอาการบาดเจ็บของกู้ซึง และให้ป่ายฉีไปทำแผลเล็กน้อยให้กับกู้จื่อเฟยก่อน
อีกทั้ง ยังให้ไปซื้อลูกอม วิ่งไปทั่วทั้งเมือง ใช้เครื่องบินส่งลูกอมห่อหนึ่งกลับมาอย่างนั้นหรือ
นี่มันช่าง……..
จงใจสินะ!
ไม่อย่างนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน กู้จื่อเฟยจะเรื่องมากอะไรขนาดนั้น จะไม่สนใจอาการบาดเจ็บของลูกพี่ลูกน้องเธอได้อย่างไรกัน!
แต่ปัญหาที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแบบนี้ เย้นโม่หลินกลับไม่ได้พบ Bug ที่อยู่ในนั้นเลยหรือ
หยูซือห้านใกล้จะถูกทำให้โมโหตายแล้ว
เขาแทบจะทนไม่ไหวออกไปเอ่ยเตือนสักหน่อย บอกกับเย้นโม่หลินถึง Bug ที่อยู่ในปัญหานี้อยู่หลายครั้ง เขาอดทนจนแทบจะจนไม่ไหว คิดจะพุ่งตัวออกไป แต่ว่าก่อนหน้านี้เขาถูกเย้นโม่หลินข่มขู่เอาไว้ ถ้าตอนนี้ยังก้าวออกไปอีก ก็จะทำให้โทสะของเย้นโม่หลินสาดลงมาบนตัวเขาทันที
ถึงตอนนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายของตระกูลหยู ก็ยังคงถูกไล่ออกไปอยู่ดี
แต่เขากลับยังไม่มีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะเปิดโปงโห้หลีเฉิน
เขาจะไม่เดิมพันความเสี่ยงแบบนี้
“คุณชายครับ โห้หลีเฉินรับมือด้วยยากจริงๆ ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรกันดีครับ”
ในมุมมืดนั้น ชายรูปร่างสูงใหญ่สอบถามเสียงเบา
การเปิดเผยครั้งแรกและครั้งที่สอง ล้วนถูกโห้หลีเฉินหลบไปได้ด้วยความบังเอิญอย่างน่าประหลาดใจ
ความสามารถในการคาดการณ์และวิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนั้นทำให้ผู้คนนับถือจริงๆ
หยูซือห้านกำหมัดแน่นจนเสียง “กร๊อบๆ” ดังขึ้น
ถ้าหากเขารู้ ตอนนี้เขาจะจัดการโห้หลีเฉินให้ตายไปแล้ว
แต่เขาไม่อนุญาตให้โห้หลีเฉินลอยนวลต่อไปได้อีก มิเช่นนั้น เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า โห้หลีเฉินจะต้องแอบวางแผนอะไรเงียบๆแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ไม่แน่ว่าจะอาศัยฐานะของโห้หลีเฉินกลับมายังบ้านตระกูลเย้น
หากเขากลับมาอีก กลัวก็แค่แผนการสายฟ้าแลบ ตระกูลเย้นอาจจะไม่สามารถคัดค้านได้อีก
เขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้ ตอนนี้จำเป็นต้องทำลายแผนการของโห้หลีเฉิน เปิดโปงเขา
“เปิดโปง……..”
หยูซือห้านพึมพำ จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ นัยน์ตามีรอยยิ้มชั่วร้ายพาดผ่านไป
“ใช่แล้ว เปิดโปง! โห้หลีเฉินปิดบังได้ดีอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถระวังได้หมดทั้งสองด้าน ถ้าหากว่าถูกฉันจับได้ในเหตุการณ์ เขาจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน!”
ลูกน้องเอ่ยถามว่า “คุณชาย คุณคิดจะทำอย่างไรครับ”
“ในเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ แบบนั้นก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้”
หยูซือห้านยกมุมปากขึ้นอย่างปีติยินดี กดเสียงลงต่ำ เห็นได้ชัดว่าจริงจัง และกังวลมาก
“นับตั้งแต่ครั้งที่แล้ว หลังจากที่ลุงเล็กถูกตระกูลเย้นขับไล่ออกไป ผมก็เคยคิดจะไปหาเขา เตือนเขา แต่กลับพบว่าร่องรอยการเดินทางของเขาแปลกประหลาดมาก เป็นเวลานานมากแล้วก็ยังไม่ได้พบตัวคน
ครั้งที่แล้วที่กลับมาตระกูลหยู ก็ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากแห่งหนใด ลึกลับมาก
ผมเป็นห่วงเล็กน้อยว่า ลุงเล็กอยู่ที่บ้านตระกูลหยูแล้วจะได้รับความสะเทือนใจ และก็รู้ว่า ถ้าหากว่าผมแต่งงานกับเย้นหว่าน จะสามารถรับช่วงต่อตระกูลได้ ดังนั้นเมื่อสุนัขจนตรอก ก็ทำเรื่องอะไรไม่ดีบางอย่างได้”
อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง ลมหายใจหนักอึ้ง
หยูซือห้านเอ่ยต่อว่า “สองสามวันนี้ลุงเล็กกลับบ้านตระกูลเย้นแล้ว ผมนึกว่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว แต่สองวันมานี้ผมอยากจะไปหาเขา กลับพบว่าเขาไม่อยู่แล้ว”
ร่องรอยลึกลับเล็กน้อย ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
แต่ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ กลับถูกหยูซือห้านเอ่ยออกมาอย่างเล่นแง่แบบนี้ เดิมหยูฉู่สองที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อโห้หลีเฉิน ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยที่อยู่ในใจก็เริ่มขยับไปมา
ช่วงเวลานี้ เขาก็พบกับโห้หลีเฉินได้ยากเช่นเดียวกัน