สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 507 ก้าวหน้าไปอีกขั้น
บทที่ 507 ก้าวหน้าไปอีกขั้น
“ติ๊งต่อง——”
“ติ๊งติ๊งต่อง——”
เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือที่อยู่ด้านนอกดังขึ้นมากะทันหัน
หลังจากเย้นหว่านเขินอายอยู่นาน ในที่สุดก็โล่งใจได้เสียที
นับว่าสิ้นสุดลงแล้ว
เขาก็นานเกินไปแล้ว!
เธอร้อนรนปล่อยมือออกอย่างระโหยโรยแรง คิดจะถอยห่างออกไปเล็กน้อยด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แต่กลับถูกชายหนุ่มคว้าตัวกลับมาไว้ในอ้อมแขน
ใบหน้าของเธอกระแทกเข้ากับแผงอกเขา รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ผิดปกติบนผิวหนังของเขา
เขาก้มหน้า มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง
น้ำเสียงทุ้มต่ำ เต็มไปด้วยแรงดึงดูดอย่างน่าอันตราย “เย้นหว่าน ครั้งหน้าผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน”
อะไรคือครั้งหน้ากัน
สมองของเย้นหว่านมึนงงไปครู่หนึ่ง ถัดมา ทั่วทั้งใบหน้าก็ล้วนกลายเป็นสีแดงไปหมด
เธอลนลานเป็นอย่างมาก คิดจะหลบเขาด้วยความเขินอาย แต่เขากลับก้มหน้าลงมากะทันหัน และประกบจูบลงบนริมฝีปากเธออีกครั้ง
จูบนี้ดุเดือด แต่กลับคลอเคลียรักใคร่
สมองของเย้นหว่านมึนงงไปชั่วขณะ เกือบจะมึนเมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไร้สิ้นเรี่ยวแรงในการต่อต้าน
ผู้ชายคนนี้ก็เป็นฝิ่น เป็นยาพิษ เป็นชายที่มีเสน่ห์มากที่เสียไม่อาจปฏิเสธได้
โทรศัพท์มือถือของโห้หลีเฉินไม่ได้มีการตั้งริงโทนเอาไว้ จึงมีเพียงแค่เสียงสั่นครืดๆ เป็นครั้งแรกที่เย้นหว่านได้ยินเสียงริงโทนแบบนี้
โห้หลีเฉินได้ยินเสียงริงโทน ความเร่าร้อนสับสนที่อยู่ในนัยน์ตาก็หายไปในพริบตาเดียว กลายเป็นแววตาแหลมคมสงบนิ่ง
ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอาบอันคมปลาบออกมา
เย้นหว่านเหมือนกับถูกลมหนาวเย็นพัดผ่านร่างกะทันหัน หนาวจนได้สติขึ้นมาทันที
เธอมองเขาอย่างไม่สบายใจ ถามว่า “เป็นอะไรไปคะ”
โห้หลีเฉินเอ่ยเสียงเข้มว่า “คุณหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ผมหน่อย อย่ารับสายล่ะ”
ยากที่เย้นหว่านจะได้เห็นท่าทางจริงจังแบบนี้ของโห้หลีเฉิน ก็คาดเดาได้ว่า ผู้โทรศัพท์มานั้นไม่ธรรมดา
เธอไม่ได้รีรอ วิ่งเหยาะๆออกไปจากห้องอาบน้ำทันที เพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ
เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้ว ด้านบนมีหมายเลขติดกันพรืด แต่ไม่มีชื่อ
เพียงแต่ว่าหมายเลขนี้กลับเต็มไปด้วยความเผด็จการ กระทั่งหมายเลขด้านหน้าตามมาตรฐานกลับไม่มี แต่ด้านหลังกลับเป็นเลข 9 สี่ตัวติดกัน
นี่เป็นโทรศัพท์จากใครกันแน่ ถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้
เย้นหว่านสงสัย แต่ก็ไม่กล้ารีรอ หยิบโทรศัพท์ถือแล้วเดินกลับไปยังห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
เพิ่งจะถึงหน้าประตูห้องอาบน้ำ ก็ชนเข้ากับโห้หลีเฉินที่เดินออกมาจากด้านใน
ในตอนนี้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงเรียบร้อยแล้ว
แต่งกายได้เหมาะสม และเป็นชายหนุ่มที่ดูมีความรู้ภูมิฐาน
เย้นหว่านตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง มือเขาได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ ทำไมถึงสวมเสื้อผ้าได้คล่องแคล่วขนาดนี้กัน
เธอเคาะผ้าพันแผลบริเวณข้อมือเขาด้วยความเป็นห่วงอย่างอดไม่อยู่
โห้หลีเฉินมองความคิดของเย้นหว่านออก เม้มริมฝีปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“มือข้างหนึ่ง ยังคงสามารถสวมเสื้อผ้าได้”
เขาพูดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
เย้นหว่านกลับสำลักเสียจนหน้าแดงไปหมด ทั้งอายทั้งโกรธ ในเมื่อเขามีมือข้างเดียวก็ยังเก่งขนาดนี้ แล้วเมื่อครู่นี้ทำไมต้องให้เธอถอดเสื้อผ้าให้เขาด้วย
หน้าไม่อายขนาดนั้น คลุมเครือเสียขนาดนั้น
เขาจะต้องจงใจแน่นอน!
เย้นหว่านโกรธเสียจนคิดจะสะบัดหน้าเดินจากไป และไม่สนใจเขาอีก
แต่เมื่อมองดูโทรศัพท์ในมือที่ยังดังไม่หยุด เธอก็ไม่วางใจ
กัดฟันและปลอบตัวเองในใจ เธอฟังเขาคุยโทรศัพท์จบแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย
ดังนั้น เธอจึงส่งโทรศัพท์มือถือให้เขา
“รับเถอะค่ะ”
สีหน้าอ่อนโยนบนใบหน้าของโห้หลีเฉินนั้นขรึมลงในพริบตา เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
เขารับโทรศัพท์มือถือมา ก้าวเท้ายาวไปทางหน้าต่าง
กดรับสาย
เขาแนบโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหู ริมฝีปากบางกลับเม้มแน่น สีหน้าเย็นชา คล้ายกับว่าตั้งใจจะไม่เป็นฝ่ายเอ่ยพูดก่อน
เย้นหว่านยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังกว้างที่อยู่ไม่ไกลนัก ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
โทรศัพท์สายนี้ จะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน
คล้ายกับว่าคนที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์พูดเยอะมาก หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินถึงได้ขยับริมฝีปากบาง เอ่ยออกมาสามคำ
“รู้แล้วครับ”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย สีหน้าไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด
เย้นหว่านเดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง พลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
โห้หลินเฉินไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง เอ่ยตอบว่า “คุณท่านโทรศัพท์มา ให้ฉันกลับไปตระกูลหยูทันที”
“ตอนนี้หรือคะ”
เย้นหว่านเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง
มิน่าล่ะ เธอถึงได้สังหรณ์ใจว่าโทรศัพท์สายนี้ไม่ใช่เรื่องดี ที่แท้ก็เป็นคนบ้านตระกูลหยูโทรมา จะนำตัวโห้หลีเฉินไปจากข้างกายเธอ
โห้หลีเฉินเพิ่งจะกลับมาวันสองวันเท่านั้นเอง!
ก็ต้องไปอีกแล้วหรือ
ใบหน้าของเย้นหว่านงอง้ำ ไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก
เดิมโห้หลีเฉินก็ไม่ได้ตั้งใจจะจากไปเร็วขนาดนี้ เขายังคิดจะอยู่เป็นเพื่อนเย้นหว่านอีกหลายวัน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าคุณท่านจะใจร้อนขนาดนี้
ถ้าหากไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา การที่คุณท่านโทรศัพท์มากะทันหันนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับหยูซือห้านแน่นอน
ดูท่าการที่มือเขาบาดเจ็บ และไม่ได้ถูกป่ายฉีตรวจดู หยูซือห้านก็ยังคงไม่ยินยอมอย่างที่สุด
โห้หลีเฉินคิดคำนวณสิ่งที่อยู่ในใจโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาแม้แต่น้อย เขามองไปทางเย้นหว่านด้วยสีหน้าอ่อนโยน ลูบใบหน้าเล็กๆของเธอ
“ผมจัดการธุระเสร็จแล้ว จะรีบกลับมา”
คำพูดของเขาทำให้เธอสงบ เย้นหว่านเชื่ออย่างหมดใจ แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้ว่าทำไม มักจะรู้สึกไม่สบายใจเท่าไร รู้สึกว่า การจากไปในครั้งนี้ของโห้หลีเฉิน คิดจะกลับมา คงไม่ง่ายขนาดนั้นอีกแล้ว
เธอคว้าแขนเสื้อเขาเอาไว้แน่นตามจิตใต้สำนึก
“ครั้งนี้อย่าขาดการติดต่ออีกได้ไหม แม้ว่าจะยุ่งมาก วันหนึ่งก็ต้องหาเวลาว่างมาส่งข้อความหาฉันข้อความหนึ่ง บอกฉันว่าคุณสบายดีหรือไม่ ล้วนได้หมด”
ครั้งที่แล้ว เขามอบโทรศัพท์มือถือให้กับกู้ซึง เย้นหว่านจึงตามหาข่าวคราวของโห้หลีเฉินไม่เจอแม้แต่น้อย
หลายวันนั้น เธอล้วนอยู่ในสภาพที่รอคอยอย่างไม่มีจุดหมาย
และการรอคอยทุกครั้ง ล้วนผิดหวัง
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยความสงสาร ก้มหน้าลงเล็กน้อย ประทับจูบลงบนหน้าผากเธอ
เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ได้”
หัวใจที่ขึ้นๆลงๆของเย้นหว่าน จึงสามารถหาจุดที่วางใจลงได้ส่วนหนึ่ง
ดีร้ายอย่างไร เธอก็สามารถรอข่าวคราวของเขาได้
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน เอ่ยอีกว่า “เสี่ยวหว่าน คืนวันนี้ผมต้องไปแล้ว”
หัวใจของเย้นหว่านตื่นตระหนก
แม้จะเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ค่ะ”
“คุณต้องช่วยผมอย่างหนึ่ง”
“อะไรหรือคะ” เย้นหว่านรีบเอ่ยถาม สามารถช่วยเขาได้สักเล็กน้อย เธอล้วนยินดี
นัยน์ตาของโห้หลีเฉินฉายแววหนักอึ้ง เขยิบเข้ามาใกล้เย้นหว่าน กำชับเสียงเบา
เอ่ยจบแล้ว เขาก็เสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “หยูซือห้านเป็นคนเจ้าเล่ห์ ตอนที่คุณเผชิญหน้ากับเขา ให้ระวังด้วย”
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
เย้นหว่านพยักหน้าติดๆกัน เรื่องนี้ เธอจะต้องจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน
เพียงแต่นี่หมายความว่า เธอไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะไปส่งโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก สายตามองตรงไปยังโห้หลีเฉิน ราวกับตามติดอยู่บนร่างกายเขา
โห้หลีเฉินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยื่นมือออกไป โอบเย้นหว่านเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง
นิ้วมือเขาไล้ไปตามจมูกของเธออย่างทะนุถนอม
“มองผมด้วยสายตาแบบนี้ทำไม ไม่ใช่ว่าผมจะไม่กลับมาสักหน่อย”
เธอกังวลจริงๆว่าเขาจะไม่กลับมา
เย้นหว่านเม้มริมฝีปาก ไม่อยากเพิ่มความกังวลให้เขา จึงไม่เอ่ยพูดอะไรเช่นกัน
โห้หลีเฉินเอ่ยต่อว่า “ล้วนพูดว่าอยู่ห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีก จะยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน รอผ่านไปสองวัน ผมกลับมาแล้ว พวกเราก็สามารถก้าวหน้าไปอีกขั้นได้แล้วใช่ไหม”
ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งอย่างไร คนที่เคยมีประสบการณ์ล้วนเข้าใจ