สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 517 ลงมือแล้ว
บทที่ 517 ลงมือแล้ว
เวลานี้ส่งข้อความอรุณสวัสดิ์ไปก็อาจจะรบกวนการนอนของเขา
เวลาห่างกันหกชั่วโมง
เย้นหว่านมองดวงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างพลางถอนหายใจ แล้วจึงเก็บโทรศัพท์มือถือ เดินออกไปด้านนอก
เมื่อคืนถูกกู้ซึงหลอกแล้ว เธอยังโมโหอยู่ จึงไม่ได้เรียกเขา
ตนเองไปที่ห้องอาหารเช้า
กู้ซึงแม้จะหลอกลวงเย้นหว่าน แต่ก็เป็นเรื่องที่คนอื่นไหว้วานให้ทำ เขาก็ยังพอมีจรรยาบรรณในวิชาชีพอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องของโห้หลีเฉิน หากเป็นเพราะเขาเปิดเผยพิรุธอะไรออกมา โห้หลีเฉินก็สามารถจะฉีกมือเขาได้
กู้ซึงทำเพื่อชีวิตน้อยๆของตนเอง แม้ว่าเมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ตอนเช้าก็ยังตื่นตามเวลาที่ตั้งนาฬิกาปลุกได้
สวมเสื้อผ้าเสร็จในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เซไปเซมาเดินไปทางห้องอาหาร ระหว่างทางกู้ซึงบังเอิญพบกับคนคนหนึ่งเข้าพอดี
หยูซือห้าน
อาการง่วงเหงาหาวนอนของกู้ซึงตื่นขึ้นมาทันที ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาสลัดความเกียจคร้านอ่อนเพลีย กลายเป็นความสงบและสง่างาม แทบจะเหมือนกับโห้หลีเฉินในตอนปกติทุกอย่าง
สีหน้าเย็นชาของเขามองไปยังหยูซือห้าน พูดเยาะเย้ยถากถางว่า
“คุณชายหยู เช้าขนาดนี้คุณมาทำอะไรที่ห้องอาหาร ถ้าผมจำไม่ผิด คุณไม่มีสิทธิ์รับประทานร่วมกับตระกูลเย้น”
คำที่พูดออกมา การเยาะเย้ยอย่างไม่มีการปิดบังเลยสักนิด
คิดว่าเขาเป็นถึงคุณชายตระกูลหยู มาเป็นแขกที่บ้านตระกูลเย้น กลับไม่ได้รับประทานอาหารร่วมกับพวกเขาเลยสักครั้ง
พูดให้น่าฟังหน่อย ก็คือเย้นหว่านไม่ชิน กับการที่จะรับประทานอาหารกับเขาตามลำพัง พูดให้น่าเกลียดหน่อย ก็คือตามที่กู้ซึงพูด แม้แต่จะรับประทานอาหารร่วมกับตระกูลเย้นเขายังไม่มีสิทธิ์
สีหน้าหยูซือห้านย่ำแย่มาก สายตามืดมนอย่างรุนแรง
เขาพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “วันนี้ผมจะไปแล้ว กำลังจะไปลาคุณลุงคุณป้าเย้น ”
กู้ซึงหยีตามอง เต็มไปด้วยการพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ตั้งแต่เมื่อคืนถึงตอนนี้ ทางหยูซือห้านนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย วันนี้ก็จะเก็บสัมภาระแล้ว ท่าทางวางแผนจะจากไปแล้วจริงๆ
แต่ว่ายิ่งนิ่งเงียบ กู้ซึงก็ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งไม่ชอบมาพากล
หยูซือห้านกำลังมีแผนการอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า
นี่ก็จะไปแล้ว กลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย
“รีบไปเถอะ พวกเราจะได้กินข้าวอย่างสบายใจเสียที”
ในใจเกิดความสงสัย ใบหน้ากู้ซึงกลับมีรอยยิ้มแห่งความสุข น่าโมโหจริงๆ
สีหน้าหยูซือห้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มประหลาด
จู่ๆเขาก็สาวเท้าเข้ามา เดินมาตรงหน้ากู้ซึง
ระยะใกล้มาก พูดด้วยเสียงเบาว่า “ผมต้องไปแน่นอน แต่ว่า คุณชายกู้คงไม่อาจจะกินข้าวได้อย่างมีความสุขแล้ว”
กู้ซึงใจหายวูบ “หมายความว่าอะไร”
“ผมมีเรื่อง อยากจะคุยกับคุณชายกู้เป็นการส่วนตัวสักหน่อย”
เสียงที่มีความชั่วร้ายน่ากลัว วัตถุแข็งเย็นเยือกจี้อยู่บริเวณเอวของกู้ซึง
ร่างของกู้ซึงเกร็งขึ้นมาทันที
สีหน้าเปลี่ยนไปเลย ตะคอกว่า “หยูซือห้าน แกคิดจะทำอะไร ที่นี่บ้านตระกูลเย้นนะ!”
“ดังนั้น คุณก็ไม่ควรจะพูดจาเหลวไหลจะดีกว่า มิฉะนั้น ผมตกใจจนกระวนกระวาย มือไม้สั่น…”
เขายังพูดไม่จบ สิ่งของมีคมนั้นกลับแทงไปที่ด้านหน้า กู้ซึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน
ไปข้างหน้าอีกนิด ผิวหนังเขาคงแยกแล้ว!
เขาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหยูซือห้านจะกล้าถึงขนาดนี้ กล้าลงมือกับเขาที่บ้านตระกูลเย้น
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ในเมื่อที่นี่ไม่มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ แต่ทั่วทุกแห่งในบ้านตระกูลเย้นก็มีกล้องวงจรปิด แกทำอะไรฉัน ไม่นานพวกเขาก็รู้ แค่ฉันไม่ปรากฏตัวในเวลากินข้าว เป็นไปได้ว่า แกก็จะออกจากบ้านตระกูลเย้นไม่ได้”
“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ”
หยูซือห้านยิ้มอย่างไม่มีความกลัวเกรง แม้กระทั่งสายตาก็ยังมีความบ้าระห่ำ
อีกมือหนึ่งของเขาวางอยู่บนบ่าของหยูซือห้าน มองดูแล้วเหมือนเพื่อนที่สนิทสนมกันมาก
“ไปเถอะ คุณชายกู้ พวกเราไปพูดคุยกันหน่อย”
กู้ซึงขยะแขยงจนอยากอาเจียน
แต่สิ่งที่จี้อยู่บริเวณเอวนั้น กลับทำให้เขากลัวจนขนลุกขนพอง
คิดดูว่าเขาเติบโตที่เมืองหนาน ถูกประคบประหงมตั้งแต่เด็กจนโต อยากได้อะไรก็ได้ ในเมืองหนานพวกเขาถูกนับว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ
เล่นอย่างไร เขาก็รู้ดี แต่เรื่องปืนผาหน้าไม้ที่จะทำให้เลือดตกยางออกพวกนั้น เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยสักนิด เป็นความกลัวที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจ
ไม่อย่างนั้น แม้แต่รถแข่งที่พวกบรรดาคุณชายต่างๆชอบเล่นกัน เขาก็ไม่เล่น
เขากัดฟัน “คุยก็คุย แกเอาของวางให้มันนิ่งๆหน่อย”
หยูซือห้านหัวเราะเยาะ ผลักกู้ซึงเดินไปทางด้านข้างของมุมระเบียงทางเดิน
บ้านตระกูลเย้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วทุกที่ กลับมีมุมอับของกล้องวงจรปิด
กู้ซึงมองทางด้านนี้ ในใจก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ ไปยังจุดบอดกล้องวงจรปิด หยูซือห้านคิดอยากจะทำอะไรเขา ก็ง่ายเหลือเกิน
เขาคงไม่ฆ่าเขาที่นี่หรอกนะ
กู้ซึงวิตกกังวลในใจ มองไปรอบๆอย่างตื่นกลัว คิดหาวิธีหนีเอาตัวรอดอย่างร้อนรน
อาจจะอาศัยจังหวะที่เขาปล่อยมือวิ่งหนี หรือร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ……
ไม่ต้องพูดถึงว่าหยูซือห้านจะจะปล่อยมือหรือไม่ก่อน แต่พอเขาตะโกนให้คนช่วย หยูซือห้านต้องจัดการฆ่าเขาตายตอนนั้นแน่นอน
ไม่ได้ เขากลัวเจ็บ
กู้ซึงคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างร้อนรน ยังไม่ทันคิดหาวิธีอะไรออก เขาก็ถูกหยูซือห้านบังคับให้เดินมาที่มุมอับสายตาจากกล้องวงจรปิด
กู้ซึงใจหายวูบ “คุณชายหยู คุณมีอะไรจะพูดกับผม พวกเรามาคุยกันดีๆ”
“ผมกับคุณ ไม่มีอะไรอยากจะพูด”
หยูซือห้านหัวเราะเยาะ เสียงดุร้าย
จากนั้น เขายกมือขึ้นมา โบกลงอย่างแรง
กู้ซึงเบิกตาโตทันที จากนั้น ก็เป็นความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามา เขาหน้ามืด หมดสติไป
หยูซือห้านมองคนที่ล้มอยู่ที่เท้าของตนเองอย่างเย็นเยือก สีหน้ามืดมน ราวกับผีร้ายที่ออกมาจากนรกหมายเอาชีวิตคน
เขาสั่งอย่างเยือกเย็นว่า “เอาของบนตัวเขา โทรศัพท์มือถือ ทั้งหมดออกมา ทำตามแผนที่วางไว้”
“ครับ”
ชายชุดดำสองคนจู่ๆก็โผล่ออกมาอยู่ในมุมอับนั้น เอากู้ซึงใส่ถุงดำด้วยความคล่องแคล่วว่องไว แบกออกไป
หยูซือห้านเม้มริมฝีปากบาง สายตาดุร้ายอย่างยิ่ง
บีบให้เขาไป ก็ต้องจ่ายข้อแลกเปลี่ยน!
เขาจัดแจงชุดสูทที่ยับเยินเล็กน้อยด้วยท่าทางที่สง่างาม จากนั้นเดินไปทางห้องอาหารด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉยเป็นปกติ
ทุกวันตอนเช้า ครอบครัวของเย้นหว่านจะทานอาหารเช้าตรงเวลา ตอนนี้ ในห้องอาหารทุกคนนั่งอยู่พร้อมแล้ว มีเพียงกู้ซึงที่ไม่ได้มา
เย้นหว่านมองเก้าอี้ว่างข้างตัวเอง คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบายใจ
ไอ้ผู้ชายไม่น่าเชื่อถือ!
เมื่อคืนดื่มกาแฟไปคงนอนไม่หลับแน่ ตื่นตัวอยู่จนเที่ยงคืน เช้าวันนี้ตื่นไม่ไหว นอนตื่นสาย
รู้อย่างนี้แต่แรกเธอก็ไม่ควรวางใจเขาขนาดนั้น ไปลากเขาลงจากเตียง มาทานอาหารเช้าด้วยกันจึงจะถูก
ตอนนี้จะบอกว่าอย่างไรดีล่ะ
เมื่อวานเธอกับกู้ซึงยังตัวติดกันเหมือนทากาว มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก วันนี้กลับไม่มาทานอาหารเช้าด้วยกัน
เย้นหว่านเองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
เธอลังเล ว่าจะแอบโทรหากู้ซึงดีหรือไม่ เรียกให้เขาตื่น
ทันใดนั้น แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องอาหาร
พอเขาปรากฏตัว บรรยากาศในห้องอาหารที่เดิมสามัคคีปรองดองกันดี ก็เคร่งเครียดลงไปไม่น้อยในชั่วพริบตา
เย้นโม่หลินสีหน้าย่ำแย่ที่สุด พูดอย่างเยือกเย็นว่า“คุณชายหยู คุณมาทำอะไรครับ”