สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 524 ทั้งหมดเป็นสิ่งที่โห้หลีเฉินเตรียมไว้
บทที่ 524 ทั้งหมดเป็นสิ่งที่โห้หลีเฉินเตรียมไว้
พูดอย่างหนักแน่นว่า “รับโทรศัพท์ คุณรู้ว่าควรจะพูดอะไร ถ้าทำได้ไม่ดี ผมก็จะปาดคอของกู้ซึงทันที”
น้ำเสียงที่เย็นชา ท่าทีที่จริงจังอย่างไม่ต้องสงสัย
ในใจเย้นหว่านตื่นกลัว สีหน้าขาวซีดเหมือนผี
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะฉวยจังหวะให้คนมาช่วยเหลือ ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“อู้ๆ! อื้อ”
กู้ซึงพยายามเปล่งเสียงออกมาในลำคอ เหมือนอยากจะพูดอะไร
เย้นหว่านได้ยินไม่ชัด
เธอมองไปที่เขา แววตาเป็นประกาย ในใจสิ้นหวังด้วยความตื่นกลัว แต่กลับเม้มปาก ฝืนยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไร พวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร”
คำพูดนี้ แม้แต่ตัวเธอยังไม่เชื่อ
ไม่มีโอกาสของเย้นโม่หลิน เธอและกู้ซึง ก็คงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของหยูซือห้าน บีบจนตายคามือ
พวกเขาสองคนต่างก็เป็นคนธรรมดา ไม่มีความสามารถที่จะรับมือเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนอะไร คิดจะหนียังยากเลย
แต่เธอ ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น
เทียบกับชีวิตของกู้ซึงแล้ว ได้แต่ละทิ้งโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือ
สีหน้าเย้นหว่านซีดเผือด หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากพื้นอย่างช้าๆ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง จึงกดปุ่มรับสาย
ปลายสายอีกด้านนั้น น้ำเสียงเป็นห่วงกระวนกระวายของเย้นโม่หลินดังขึ้นทันที “เสี่ยวหว่าน ทำไมไม่รับโทรศัพท์เลย เธอเป็นอะไร พี่จะรีบมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องมาแล้วค่ะ”
เย้นหว่านพูดอย่างเคร่งขรึม สายตาจ้องเขม็งไปยังมีดที่อยู่บนคอของกู้ซึงเล่มนั้น
เธออยากจะตะโกนดังๆให้เย้นโม่หลินมาช่วยชีวิต
แต่ว่า เย้นโม่หลินอาจจะมาช่วยเธอได้ทัน แต่กลับมาช่วยกู้ซึงไม่ทัน
“ฉัน……เมื่อกี้ฉันกดผิด ไม่ได้เรื่องอะไรโทรหาพี่”
“จริงเหรอ”
เย้นโม่หลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เย้นหว่านขอบตาแดงก่ำ สะกดกลั้นเสียงสะอื้นอย่างยากลำบาก พูดว่า “จริงค่ะ พี่คะ ขอบคุณที่พี่เป็นห่วงฉันขนาดนี้”
ปลายสายอีกด้านนั้น ฝีเท้าเย้นโม่หลินที่เดินอยู่ชะงักลงทันที
เสียงของเขาอ่อนโยน “เธอเป็นน้องสาวแท้ๆเพียงคนเดียวของพี่ พี่ก็ต้องปกป้องดูแลเธออยู่แล้ว”
ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามอีกว่า “เธอกับกู้ซึงเป็นยังไงบ้าง เขาทำอะไร”
เย้นหว่านเงยหน้ามองกู้ซึงที่คุกเขาอยู่บนพื้นอย่างอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง
ในใจมีความขื่นขม
เธอเอ่ยปากอย่างยากลำบากว่า “เขาสารภาพรักกับฉันแล้ว ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการส่งดอกกุหลาบให้ทั้งสวน และยังมีแหวนเพชรเม็ดโตเท่าไข่นกพิราบ”
“สวนดอกไม้นั้นเขาให้เธอจริงๆเหรอเนี่ย น่าซึ้งใจจริงๆ”
เย้นโม่หลินพูดด้วยความปลาบปลื้มใจ
เย้นหว่านกลับถามอย่างสงสัย สวนดอกไม้นี่ไม่ใช่หยูซือห้านเอามาใช้หลอกเธอหรอกหรือ
เธอถามว่า “พี่รู้ว่ากู้ซึงเป็นคนปลูกสวนดอกไม้เหรอคะ”
“รู้แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นเขาจะมาตัดต้นไม่ปลูกดอกไม้อยู่ใต้จมูกพี่ได้เหรอ เมื่อก่อนตอนเขาปลูก พี่ยังไม่รู้ว่าเขาจะเอามาทำอะไร ตอนนี้จึงได้รู้แล้ว ไอ้หมอนี่เตรียมวันนี้ให้เธอนานแล้ว”
“พี่ได้ยินคนใช้พูดว่า ดอกไม้พวกนั้นเขาเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง บางส่วนยังเป็นต้นที่เขาปลูกด้วยตนเอง”
เสียงเย้นโม่หลินมีความซาบซึ้งอยู่บ้างเล็กน้อย
ตอนแรกคิดว่ากู้ซึงก็แค่ชอบทำสวน ดังนั้นจึงเลือกเองปลูกเอง จึงไม่ได้คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ตอนนี้รู้ว่าทำเพื่อเย้นหว่านแล้ว ความซาบซึ้งนั้นจึงมีไม่น้อย
ผู้ชายที่ได้รับการดูแลเลี้ยงดูมาอย่างดี สามารถทำเพื่อเย้นหว่านได้ถึงขั้นนี้ ตั้งใจขนาดนี้ เป็นผู้ชายที่สามารถฝากทั้งชีวิตไว้ได้
เย้นหว่านฟังอย่างเหม่อลอย จู่ๆขอบตาก็แดงก่ำขึ้นมา
สวนดอกไม้นั้น ที่แท้เป็นดอกไม้โห้หลีเฉินปลูกด้วยตนเอง
เขาเตรียมความโรแมนติกเพื่อเธอ ยังไม่ทันได้ส่งมอบให้เธอ กลับถูกหยูซือห้านนำมาใช้ทำเรื่องเลวระยำแล้ว
“เอาละ ในเมื่อไม่มีอะไร พี่ก็จะกลับแล้ว ไม่รบกวนเวลาโรแมนติกของพวกเธอ บอกกู้ซึงด้วย ว่าอย่าปล่อยให้เธออยู่ข้างนอกดึกเกินไป ในป่ากลางคืนอากาศหนาว”
เย้นโม่หลินกำชับด้วยความเป็นห่วง
เย้นหว่านสะอื้นในลำคอ เศร้าเสียใจ เธออยากจะบอกเขา อย่าไป มาช่วยเธอด้วย
แต่เธอกัดฟัน กลับได้แต่ส่งเสียงออกไปอย่างยากลำบาก
“อืม”
พูดจบ สายก็ตัดไป
หยูซือห้านจึงยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เอากริชที่วางอยู่บนคอของกู้ซึงออกมา
พอเอากริชออก กู้ซึงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุด ร่างกายอ่อนลงพอสมควร
“เด็กดี”
หยูซือห้านไม่สนใจกู้ซึงแล้ว สาวเท้า เดินไปทางเย้นหว่านด้วยรอยยิ้ม
เขายิ้มอย่างขี้เล่น “ใช่แล้ว เสี่ยวหว่าน คุณยังไม่รู้ นอกจากจะมีสวนดอกไม้ที่โห้หลีเฉินเตรียมไว้เซอร์ไพรส์คุณแล้ว แม้แต่หิ่งห้อย เขาก็ยังเป็นคนจับมาด้วยตัวเอง”
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นสิ่งที่เขานำมาใช้
ดังนั้นเย้นโม่หลินจึงได้เชื่ออย่างสนิทใจไม่ระแวงสงสัยที่กู้ซึงเตรียมจะสารภาพรัก
ดังนั้นตอนที่เย้นหว่านเห็น จึงคิดว่าโห้หลีเฉินกลับมาแล้ว
เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ สีหน้าขาวซีดแล้วซีดอีก
ความฝันทั้งหมดนั้น ทุกอย่างคือสิ่งที่โห้หลีเฉินเตรียมไว้ให้เธอ!
แต่ทั้งหมดกลับถูกหยูซือห้านขโมยไปใช้
เธอถลึงตาใส่หยูซือห้านอย่างโมโห สบถด่า “แกมันชั่วช้า! สารเลว!”
คนนี้ช่างหน้าด้าน ช่างไม่มีศีลธรรม แอบใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่โห้หลีเฉินเตรียมไว้ หลอกให้เธอพูดว่าจะแต่งงานกับเขาออกมา
เธอกัดฟัน “หยูซือห้าน ต่อให้คุณบันทึกเสียงเอาไว้ แม้ว่าคุณจะเอาตัวฉันไป แต่ถ้าไม่เห็นว่าฉันสบายดี ตอบตกลงด้วยปากของตัวเอง พ่อแม่ของฉันก็ไม่มีทางเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ! ต่อให้ต้องใช้อีกมากมายหลายวิธีแค่ไหน คุณก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับฉัน”
แม้เธอจะถูกบีบให้จัดการแต่งงาน แม้เธอจะถูกบีบบังคับให้เล่นละครตบตากับเขา แต่เย้นโม่หลินและพ่อแม่ของเธอต่างฉลาดขนาดนั้น ต้องรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลแน่ ก็จะพบหนึ่งในสิ่งที่ผิดปกตินั้น
แม้ว่าเย้นหว่านจะไม่พูด พวกเขาก็ต้องมองออก และช่วยเธอ
แผนการของหยูซือห้าน ไม่มีทางทำสำเร็จเด็ดขาด
หยูซือห้านกลับมีรอยยิ้มที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ค่อยๆโน้มตัวลง นิ้วมือช้อนคางของเย้นหว่านขึ้น บังคับให้เธอเงยหน้ามองเขา
เขาพูดเน้นทีละคำ “บันทึกเสียง คือจะให้คนตระกูลหยูฟัง พาคุณไป ก็คือจะพาไปคุณไปจดทะเบียนสมรส ไม่ได้จัดงานแต่ง”
ในหัวสมองเย้นหว่านมีเสียงระเบิดบึ้ม
จดทะเบียนสมรสแล้ว พวกเขาก็จะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว!
และหยูซือห้านใช้เทปบันทึกเสียงหลอกลวงตระกูลหยู ปิดบังตระกูลเย้น มีทะเบียนสมรส พาเธอไปด้วย เขาก็จะได้รับการยอมรับของตระกูลหยู ปกปิกตระกูลเย้นเพื่อให้ได้เป็นทายาทตระกูลหยู!
ถึงเวลาหยูซือห้านก็มีอำนาจอยู่ในมือ แม้ตระกูลเย้นจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบมา เขาก็กล้าที่จะต่อกรด้วยอย่างไม่เกรงกลัว
หยูซือห้านนี่ตัดสินใจอย่างบ้าระห่ำ โดยไม่ได้นึกคิดถึงผลลัพธ์ใดๆ
เย้นหว่านสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “คุณมันบ้าไปแล้ว!”
“ผมบ้าแล้ว ถูกคุณบีบจนเป็นบ้า”
สีหน้าหยูซือห้านเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที ออกแรงบีบใต้คางของเย้นหว่าน “ถ้าคุณยอมเชื่อฟัง แต่งงานกับผมอย่างว่าง่าย ผมจะใช้วิธีแบบนี้เหรอ ตอนแรกผมสามารถให้คุณเป็นภรรยาได้ เคารพคุณรักคุณ ดีต่อคุณ
แต่คุณบีบจนทำให้ผมต้องใช้วิธีนี้ ผมสูญเสียผลประโยชน์มากมายขนาดนั้น ต่อไป ก็ต้องทวงเอาคืนกลับมาจากตัวคุณ!”
หลังจากแต่งงาน เขาอยากจะทรมานเธออย่างไร ก็ทรมานเธออย่างนั้น
ฝึกเธอให้เป็นสุนัขที่คอยกระดิกหางอย่างเชื่องๆ ได้แต่คอยประจบเอาใจ
เย้นหว่านหน้าขาวซีด ในใจทั้งกลัวทั้งสับสน หยูซือห้านที่อยู่ตรงหน้า น่ากลัวอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับผีห่าซาตานที่เดินออกมาจากในขุมนรก ต้องการจะลากเธอเข้าไปในนรกด้วย
เย้นหว่านอดทนต่อความเจ็บปวดที่ใต้คาง กัดฟันพลางเอ่ยว่า
“คุณอย่าลืม ตระกูลหยูยังมีโห้หลีเฉิน เขาต่างหากที่เป็นทายาทอันดับหนึ่ง! ขอแค่เขายังอยู่ คุณก็อย่าหวังว่าจะได้เป็นทายาทตระกูลหยูได้ง่ายๆ”
อีกทั้ง ถ้าโห้หลีเฉินรู้ว่าเธออยู่ในเงื้อมมือของหยูซือห้าน จะต้องมาช่วยเธอแน่