สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 545 ผลของการโกหก
บทที่ 545 ผลของการโกหก
“ไม่จำเป็น!”
เย้นโม่หลินพูดขัดจังหวะกู้จื่อเฟยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มองหน้าเธอ เหมือนกำลังมองคนแปลกหน้าที่ไม่เพียงพอให้ความสำคัญ ถึงขั้นห่างเหินและเกลียดชัง
เขายกมือสั่งการ “เอาตัวเธอไป ออกเดินทาง!” พอพูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่ทางเข้าเฮลิคอปเตอร์อย่างไม่หันกลับมามอง
บอดี้การ์ดของเขาได้รับคำสั่ง ก้าวไปดึงกู้จื่อเฟยไปข้างๆทันที
กู้จื่อเฟยหนาวเย็นไปทั้งตัว
หัวใจหนาวสั่น ตระหนักได้ว่าเหมือนเธอได้ทำผิดมหันต์ และกำลังจะสูญเสียอะไรไป
เธอมองเงาของเย้นโม่หลินอย่างวุ่นวายสับสน กัดฟันและพูดอย่างดื้อด้าน “ฉัน ฉันไม่ไป พวกพี่จะเอาตัวโห้หลีเฉินไป ก็เอาตัวฉันไปด้วย เสี่ยวหว่านไม่อยู่ ถึงฉันสู้ตายก็จะช่วยเธอดูแลโห้หลีเฉิน!”
เธอกระวนกระวายใจ อยากคว้าเย้นโม่หลินไว้ อยากอธิบาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเรื่องของโห้หลีเฉิน
เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆเย้นหว่านหายตัวไป เรื่องที่โห้หลีเฉินคือกู้ซึงก็ถูกเปิดเผย ตอนนี้ไม่มีทางสงบสุขหรอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆเลย!
ถึงแม้ความสามารถของเธอมีขีดจำกัด แต่ตอนนี้ อย่างน้อยก่อนที่เย้นหว่านจะกลับมาสามารถติดตามโห้หลีเฉินไปด้วย
ถ้าเย้นหว่านถามขึ้นมา อย่างน้อยก็สามารถบอกเย้นหว่านได้ว่าโห้หลีเฉินอยู่ไหน สามารถให้ข่าวสารกับเธอได้
เย้นโม่หลินเดินขึ้นเครื่องไปแล้ว
รูปร่างสูงใหญ่ของเขายืนอยู่ที่ทางขึ้นเครื่อง มองกู้จื่อเฟยที่ดื้อรั้นจากที่สูงลงมาที่ต่ำ
ถูกเปิดโปงแล้ว ยังปกป้องโห้หลีเฉินขนาดนี้อีก?
นี่เห็นโห้หลีเฉินเป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆไปแล้วหรือไง?
ถ้าไม่ใช่ตอนนี้เป็นห่วงความปลอดภัยของเย้นหว่าน เขาจะโยนไอ้สองคนนี้ที่กล้าหลอกลวงเขาออกจากตระกูลเย้นให้หมดเลย
ตอนนี้ เขาไม่อยากชายตามองกู้จื่อเฟยเลยด้วยซ้ำ
แค่มองแว็บเดียว ไฟโกรธในใจเขายิ่งก็ลุกท่วมขึ้นมาอีก เขาคิดในใจเขาถูกเธอหลอกเข้าเต็มๆแล้ว
สีหน้าของเย้นโม่หลินเย็นชา กำลังจะสั่งการให้บอดี้การ์ดแบกเธอไปโดยตรง
โห้หลีเฉินกลับเปิดปากพูดว่า “ในเมื่อคุณกู้อยากไป งั้นก็ให้เธอไปด้วยเถอะ ผมกล้าทำกล้ารับ ไม่มีอะไรลับลมคมในหรอก”
คำพูดนี้ พูดได้สวยหรูฟังดูดีมาก
เย้นโม่หลินกลับรู้อย่างแจ่มแจ้งว่า เขาไม่ได้มีความหมายเหมือนที่พูดออกมา
ตอนนี้พวกเขาจะไปช่วยเย้นหว่าน จะพากู้จื่อเฟยไปด้วยทำไม?
ถึงไม่เข้าใจ เย้นโม่หลินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ตอบตกลงอย่างว่องไว “อยากไป งั้นลองไปดูหน่อยก็ได้ว่าผลของการโกหกมันเป็นยังไง!”
พอพูดจบ เขาก็หันหน้าเดินเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์
กู้จื่อเฟยยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ ผลของการโกหกมันเป็นยังไง? เย้นโม่หลินอยากทำอะไรโห้หลีเฉินกันแน่!
โห้กลีเฉินมองเธอแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อย่าคิดมาก ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เถอะ”
หัวใจของกู้จื่อเฟยเต้นตุ๊บๆ แต่สถานการณ์ของตอนนี้ ก็ไม่เอื้ออำนวยให้เธอถามที่มาที่ไปอีก
โห้หลีเฉินให้เธอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ย่อมต้องมีวัตถุประสงค์อยู่แล้ว
เธอไม่พูดมากอีก ได้พยักหน้าและยืนอยู่ที่ข้างกายของโห้หลีเฉิน เตรียมตัวขึ้นไปพร้อมเขา
โห้หลีเฉินมองท่าทางเล็กน้อยของเธอแล้วสายตาอ่อนไหวเล็กน้อย
เขามีความทรงจำกับกู้จื่อเฟยไม่มากเท่าไหร่ ช่วงนี้ก็ใกล้ชิดกันเพราะแสดงละครเฉยๆ แต่จิตใจและความกล้าของผู้หญิงคนนี้ต่างก็ไม่เลวเลย เธอยังถือว่ามีคุณวุฒิเป็นเพื่อนสนิทของเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินกับกู้จื่อเฟยเคียงบ่าเคียงไหล่กันเดินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ข้างกายของพวกเขามีบอดี้การ์ดของเย้นโม่หลินคอยติดตามอยู่
พวกบอดี้การ์ดที่มาจากตระกูลหยูยืนอยู่ข้างๆอย่างกะพริบตาปริบๆ ยังไม่ทันดึงสติกลับมา ก็มีเย้นโม่หลินคอยเป็นผู้ตัดสินพาคนไปเพิ่มอีกคนแล้ว
พวกเขายกมุมปากขึ้นอย่างไม่พอใจ อยากเตือนมากเลยว่านี่คือไปตระกูลหยูนะ? !
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าว่าเย้นโม่หลินสักคำ
ไม่นาน ทุกคนก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ และบินขึ้นสู่น่านฟ้า
ในที่ลับ มีสายตาคู่หนึ่งคอยมองดูเฮลิคอปเตอร์บินจากไป ทีนี้ถึงจากไปอย่างเงียบๆ จากนั้นได้โทรหาคนๆหนึ่ง “คุณชาย ผมเองครับ โห้หลีเฉินถูกคนของตระกูลหยูจับตัวไปแล้วครับ เย้นโม่หลินก็ดูเหมือนโกรธกริ้วมาก ได้ตามไปดูที่ตระกูลหยูด้วยครับ”
“ดีมาก ฮ่าๆๆ…….”
ในสาย มีเสียงหัวเราะได้ใจและโอหังของผู้ชายก้องมา
เย้นโม่หลินกับโห้หลีเฉินต่างก็ถูกคุมตัวไปที่ตระกูลหยูแล้ว ทีนี้ก็ไม่มีคนสามารถมาพังเรื่องของเขาแล้ว
ตอนที่เขาตั้งสติได้ เขากับเย้นหว่านก็ทำพิธีปฏิญาณกันแล้ว!
บนเฮลิคอปเตอร์
กู้จื่อเฟยขึ้นไปก็นั่งใกล้กับโห้หลีเฉิน เธอมองทุกคนบนเครื่องอย่างระแวดระวัง
เหมือนแมวป่าน้อยที่ขนชี้ตั้งขึ้นมา
เย้นโม่หลินนั่งอยู่ข้างๆ ตอนที่มองมาที่เธอ สายตาได้เย็นชาลงอีกหลายส่วน
จากนั้นได้ดึงสายตากลับ ไม่เหลียวมองเธออีก
ราวกับว่าเธอไม่คู่ควรอยู่ในสายตาของเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น รอบตัวเขามีความกดอากาศเย็นที่ทำให้คนเกรงกลัวฟุ้งกระจายอยู่ ทำให้บอดี้การ์ดทั้งหลายที่นั่งอยู่ต่างก็ตัวเกร็งด้วยจิตใต้สำนึก แม้แต่หายใจยังไม่กล้าเสียงดัง
บอดี้การ์ดของตระกูลหยูคิดอยู่ในใจว่าครั้งนี้คุณชายน้อยตระกูลเย้นคงจะโกรธมาก การลงโทษของโห้หลีเฉิน ถ้าให้เขาคอยดูการดำเนินการ เกรงว่าจะถึงขั้นเอาชีวิตโดยตรงแน่
น่าสงสาร เดิมทีโห้หลีเฉินก็ไม่ใช่คนของตระกูลหยูอยู่แล้ว ถึงแม้มีสายเลือดที่แท้จริง แต่ก็ไม่ควรหลงระเริงกับความเจริญรุ่งเรืองกับความมั่งคั่ง และกลับมาตระกูลหยู
ทีนี้ ไม่ได้อะไรสักอย่าง แถมยังต้องเอาชีวิตเข้าไปแลกด้วย
ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ
กู้จื่อเฟยย่อมรู้สึกได้ถึงท่าทีที่ชัดเจนของเย้นโม่หลินอยู่แล้ว
ห่างเหิน เย็นชา
ราวกับได้ถีบเธอออกจากโลกของเขาโดยตรง
เธอมองเขาด้วยแววตาระยิบระยับ รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ค่อนข้างอึดอัดจนทรมาน
แต่เธอก็ได้โกหกเขาจริงๆ ถึงขั้นหมดหนทางแก้ตัว
เธอไม่รู้ควรจะทำยังไงเลยด้วยซ้ำ
เธอแอบเขยิบไปใกล้โห้หลีเฉิน และพูดเสียงเบาเท่าที่พวกเขาสองคนได้ยินเท่านั้น “คุณโห้ คุณวางแผนจะทำยังไงต่อคะ? มีแผนจะหนีหรือเปล่า เดี๋ยวฉันช่วยคุณค่ะ”
จะนั่งรอความตาย ถูกจับตัวไปที่ตระกูลหยูแบบนี้ไม่ได้มั้ง
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบางไว้ มองนอกหน้าต่างด้วยสายตาเย็นเฉียบ ในแววตาลึกๆปกปิดความลุกลี้ลุกลนของเขาไว้ เขาตอบแบบลวกๆ “คุณนั่งอยู่เฉยๆก็พอ”
บอดี้การ์ดของตระกูลหยูที่นั่งอยู่ใกล้พวกเขา หูดีได้ยินคำพูดของโห้หลีเฉินเข้า
พวกเขาเมินใส่ ถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมโห้หลีเฉินยังนิ่งและใจเย็นขนาดนี้อีก?
เพราะเขายังไม่รู้ ว่าเขาถูกปลดอำนาจจากผู้สืบตระกูลแล้วมั้ง
พวกเขากำลังอยากจะพูดเหน็บแนมสักคำสองคำ บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นพอหันหน้าไป ก็เห็นวิวทิวทัศน์ของนอกหน้าต่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “นี่เหมือนจะไม่ใช่เส้นทางที่ไปเมืองเฟย?”
พูดคำนี้ออกมาปุ๊บ บอดี้การ์ดที่เหลือก็รีบมองไปที่นอกหน้าต่าง หลังจากมองดูแล้ว ข้อสรุปของพวกเขาล้วนเหมือนกันหมด
ที่นี่ ไม่ใช่เส้นทางไปเมืองเฟยจริงๆ ทันใดนั้นบอดี้การ์ดขมวดคิ้วขึ้นทันที มองไปที่เย้นโม่หลินด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม “คุณชายเย้นลองดูสิครับ ว่าบินผิดเส้นทางหรือเปล่า?”
สีหน้าของเย้นโม่หลินเย็นชา เขาพูดออกมาอย่างลวกๆ “เปล่า”
บอดี้การ์ดยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก “แต่นี่ไม่ใช่เส้นทางบินไปเมืองเฟยจริงๆนะครับ คือเส้นทางกลับกันครับ”
“อืม”
เย้นโม่หลินพยักหน้าอย่างไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่ถูก เขาเงยหน้ามองพวกเขาด้วยสายตาเฉียบคมและเยือกเย็น “ที่ที่ฉันจะไปไม่ใช่เมืองเฟย”
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งหลายตระหนักได้ว่าผิดปกติ พวกเขารีบยื่นมือไปจับอาวุธที่พกติดตัวไว้ “คุณชายเย้น โห้หลีเฉินเป็นคนที่หัวหน้าตระกูลหยูจะเอาเชียวนะครับ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจผิดพลาดได้ คุณชายเย้นรีบให้นักบินๆกลับไปเถอะครับ!”