สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 571 โห้หลีเฉิน ฉันจะรอคุณ
บทที่ 571 โห้หลีเฉิน ฉันจะรอคุณ
เห็นท่าทางรังเกียจของกู้ซึงแล้ว เย้นหว่านเริ่มเบื่อหน่ายเล็กน้อย ทว่าในใจนั้นราวกับถ่องแท้ดั่งเห็นในกระจก
โห้หลีเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เห็นอยู่เต็มสองตา การที่จะเปลี่ยนยาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ให้คนอื่นลำบากลำบนไปด้วยอย่างที่สุดๆ เสียจริง อีกอย่างต้องมาคอยป้อนข้าวป้อนน้ำอีก แถมยังต้องละเอียดรอบคอบทุกอย่าง จนเหมือนแบกรับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กเต็มเวลาอีก
หลายวันนี้กู้ซึงสามารถทำได้ มันไม่ง่ายเลยสักนิด
ทว่าตอนนี้อาการของโห้หลีเฉินก็ดีขึ้นมาแล้ว ก็เห็นซึ้งถึงความเอาใจใส่ของเขาได้อย่างเต็มที่
“กู้ซึง ขอบคุณ คุณจริงๆ”
เย้นหว่านจ้องมองเขาอย่างจริงจัง พร้อมทั้งพูดขอบคุณจากใจจริงๆ
ท่าทางรังเกียจที่แสดงออกทางสีหน้าของกู้ซึง เห็นได้ชัดว่าดูไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย
เขาโบกมือเล็กน้อย จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปด้านนอก
“พูดคำไร้สาระพวกนี้ออกมาทำไมกัน โห้หลีเฉินถึงเวลาดื่มน้ำแล้ว คุณรีบป้อนเขาเถอะ”
“กู้ซึง”
เย้นหว่านลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งจ้องมองและพูดกับเขาทางด้านหลัง “ถ้าคุณจะออกไป ถ้าอยากให้ฉันช่วยตรงไหน ก็ต้องพูดออกมาเลย”
แม้ว่าเธอจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก ทว่าก็จะช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่ควรให้กู้ซึงคอยแบกรักทุกเรื่องเอาไว้ที่ตัวเองคนเดียว
เสียงฝีเท้าของกู้ซึงดังขึ้น เพื่อมุ่งหน้าเดินออกไปยังด้านนอก “รู้แล้ว”
เมื่อเดินไปถึงประตู กู้ซึงก็ปิดประตูห้องอย่างเอาใจใส่
จังหวะสุดท้ายนั้น ก็พูดเพิ่มเติมมาอีกหนึ่งประโยค “ในห้องยังมียาอยู่ รอยแผลที่ถูกทำร้ายอยู่บนตัวคุณก็ยังไม่หายดี เช็ดถูเอาเอง เช็ดถูยาไม่ถึงก็ เรียกฉัน”
“ได้ค่ะ”
เสียงตอบรับเย้นหว่านยังพูดไม่เต็มเสียง ประตูห้องก็ค่อยๆ ปิดลงจากทางด้านนอก
ในห้องเงียบสนิทลง เหลือแค่เย้นหว่านกับโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านก้มหน้าก้มตามองเขา ใบหน้ายังคงซีดเผือด นอนหลับใหลอย่างนิ่งสงบ แต่ยังคงหล่อเหลาหน้าตาดีอยู่เช่นเคย หน้าตาดีถึงขนาดที่ว่าสายตาของเธอมิอาจขยับเขยื้อนสายตาไปได้ ก็เลยอยากจะจ้องมองอยู่เช่นนี้ให้ยาวนาน เพื่อคอยปกป้องเขาอยู่ตลอด
“โห้หลีเฉิน คุณต้องกลับมาดีขึ้นแน่ๆ”
เย้นหว่านจ้องมองเขาเอาไว้ พร้อมทั้งพูดพึมพำออกมา
เธอเดินไปด้านข้าง จากนั้นก็รินน้ำอุ่นใส่แก้ว แล้วค่อยมานั่งอยู่ขอบเตียงพลันเขยิบตัวเข้าใกล้เขา
หลังจากนั้นก็นำแก้วน้ำแตะบริเวณริมฝีปากของเขา แนบชิดกับริมฝีปากบางอันซีดโพลน แล้วค่อยๆ ป้อนน้ำให้เขาดื่ม
น้ำค่อยๆ ไหลรินริมฝีปากที่แห้งผากของโห้หลีเฉิน ซึมเข้าไปในปากทีละเล็กทีละน้อย
และยังมีน้ำบางส่วนที่ไหลรินออกมาจากมุมปาก เย้นหว่านก็รีบเช็ดให้สะอาดทันที
บริเวณลำคอของโห้หลีเฉิน มีบาดแผลอยู่ ไม่สามารถโดนน้ำได้
เธอไม่กล้าแม้แต่จะก้มหน้ามองเขา เพราะว่ากลัวจะเห็นบาดแผลที่เป็นรอยเหวอะหวะบริเวณแผ่นอกของเขา นั่นเป็นความเจ็บปวดที่ยากแก่จินตนาการได้ ราวกับมันจะทิ่มแทงหัวใจของเธอด้วย
“โห้หลีเฉิน เจ็บไหม?”
เธอพร่ำถามเขา
แน่นอนว่าเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาสักนิด พร้อมทั้งนอนหลับใหลอย่างสงบนิ่ง
ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างภายนอก เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
ความจริงแล้วเย้นหว่านก็น้อยครั้งนักที่จะเห็นการนอนหลับของโห้หลีเฉิน และก็ไม่เคยเห็นท่าทางโห้หลีเฉินที่นอนหลับใหลแบบนี้เช่นกัน
ในเวลานี้เขานอนหลับสนิทขนาดนี้ ยากนักที่จะเห็นความนิ่งเงียบ ทว่าในใจของเธอนั้น มันทั้งหดหู่หนักหน่วงเหมือนไม่ใช่ความจริง
เธอหวังไว้มาก ว่าเขาจะมีเรี่ยวแรงต่อลมหายใจ จนสามารถลืมตาขึ้นมามองเธอได้
พร้อมทั้งพูดคุยกับเธอ และยังสามารถเรียกชื่อเย้นหว่านได้สักคำ
“โห้หลีเฉิน คุณรีบตื่นขึ้นมาเถอะ ฉันรอคุณอยู่”
“ฉันรอคุณอยู่”
น้ำตาของเย้นหว่านเปรอะเปื้อน จากนั้นก็ก้มตัวลง พร้อมทั้งเอนกายลงบริเวณด้านข้างลำตัวของโห้หลีเฉินอย่างแผ่วเบา
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอถึงได้รู้สึกว่าบนลำตัวของเธอนั้นมันเจ็บระบบไปทั้งตัว แถมยังมีความรู้สึกร้อนแผดเผาบนตัวเธอด้วย
เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะไปหยิบเอายามาทาให้ตนเอง
เธอจ้องมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างโง่งมงาย พร้อมทั้งไม่อยากจะละสายตาไปแม้เศษเสี้ยววินาที
ไม่ได้เจอเขามานานแล้ว เธอก็อยากจะจ้องมองเขาดูอย่างนี้ อยากจะอยู่กับเขาทุกช่วงเวลาทุกวินาที
ไม่อยากจะแยกจากกันอีกต่อไปแล้ว
……
ตอนกลางคืน หลังจากที่กู้ซึงได้พูดกับเย้นหว่านแล้ว ก็ออกไปเอายามาให้
แต่การออกไปนั้น คือใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม
การที่เย้นหว่านอยู่บ้านยิ่งรอเรื่อยๆ ก็ยิ่งไม่สบายใจหนักขึ้นอีก ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ต้องก็ยุ่งวุ่นวายมาก หรือว่ากู้ซึงจะถูกจับตัวไปแล้ว?
เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พร้อมทั้งเดินวนไปวนมากระสับกระส่ายอยู่ในห้อง หลายครั้งนักที่อยากจะออกไปตามหาเขาอย่างอดใจไม่ไหว ทว่ายังจำคำพูดของกู้ซึงได้ ที่คอยกำชับเธอไม่ให้เธอออกไปข้างนอกเด็ดขาด
เย้นหว่านรอจนร้อนใจดั่งไฟแผดเผา เวลานั้นเอง พลันได้ยินเสียงเปิดประตูที่ดังอยู่ด้านนอก
เธอรีบเดินออกไปอย่างรีบร้อน แล้วก็ยืนอยู่ตรงประตู
กู้ซึงเอามือข้างหนึ่งผลักประตูเข้ามา อีกมือหนึ่งก็คอยประคองกระเป๋ากางเกงที่ใส่ยาเวชภัณฑ์เอาไว้ พร้อมทั้งแสดงอาการตกใจเล็กน้อยตอนที่เห็นเย้นหว่าน
“ทำไมคุณถึงได้ร้อนรนกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”
น้ำเสียงอันดูถูกนั่น ยังมีชีวิตรอดอยู่
ความวิตกกังวลของเย้นหว่าน พลันสามารถปล่อยวางความรู้สึกนั้นลงได้
ยังล้อเล่นได้ นั่นก็แปลว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
เธอถอยหลังเพื่อหลีกทางให้พร้อมทั้งถามกลับ “ทำไมคุณออกไปตั้งนานขนาดนี้?”
ออกไปเอายามา แค่ออกไปจุดที่นัดกันไว้แค่นั้น จากนั้นก็รีบเอากลับมา ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องใช้เวลามากมายถึงเพียงนั้น
หรือว่า ไปเจอเรื่องวุ่นวายอะไรมา
สายตาของกู้ซึงนิ่งสงบ พลันตอบกลับมา “ออกไปจัดการเรื่องกระจายข่าวคราวของพรุ่งนี้ด้วย”
สาเหตุเพราะคนมากมายขนาดนั้น แถมยังต้องแจ้งข่าวในคราวเดียวกัน โดยปกติแล้วถือเป็นเรื่องที่ทุ่มทั้งแรงกายแรงใจเรื่องหนึ่งเลย อีกอย่าง ตอนนี้ยังคงต้องคอยหลบคนของหยูซือห้าน เลยต้องค่อยๆ ดำเนินการอย่างเงียบๆ
เย้นหว่านเข้าใจ พลันรับของจากกระเป๋ากางเกงออกมา
“คุณไปพักผ่อนก่อน ฉันต้มน้ำไว้ให้แล้ว”
ตอนพูด เย้นหว่านก็ใช้มืออีกข้างหนึ่ง ยื่นน้ำร้อนที่รินไว้ให้แล้วส่งให้กู้ซึง
กู้ซึงมองแก้วน้ำธรรมดาที่ใส่น้ำเปล่าไว้ให้แล้วที่อยู่ตรงด้านหน้า จนหัวคิ้วเลิกขึ้นด้วยความดีใจ ทว่าพูดออกไปอย่างหยอกล้อ
“เสี่ยวหว่าน ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณบริการเอาอกเอาใจฉันถึงที่แถมออกมาจากความจริงใจคุณจริงๆ”
ตอนที่อยู่ที่ตระกูลเย้นก่อนหน้านี้ พื้นฐานการแสดงออกระหว่างเธอกับเขาคือการทำเสแสร้งแกล้งรักใคร่ แต่ในใจนั้นไม่มีความรู้สึกเต็มใจเลย ส่วนตัวนั้น เธอรังเกียจเขาอย่างมาก ขนาดพูดยังไม่อยากจะพูดกับเขาสักนิด อย่าไปถามถึงเรื่องการที่จะมาคอยเทน้ำให้เขาเลย
เมื่อเห็นว่ามุมปากของกู้ซึงที่ยิ้มออกมาอย่างชื่นชมและเจ้าเล่ห์แล้ว มุมปากของเย้นหว่านพลันเหยเกทันที
กู้ซึงเป็นพวกนิสัยสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตามก็ต้องคอยคิดเคียดแค้นอยู่ตลอดเวลา
แค่รินน้ำให้แก้วเดียวเขาก็ยังพูดเป็นคอยเอาอกเอาใจบริการทุกอย่างถึงที่ไปได้
เย้นหว่านได้แต่เม้มริมฝีปากไว้แน่น พร้อมทั้งเอาแก้วน้ำยัดใส่ในมือของเขา
น้ำเสียง อ่อนโยนมาก “รอวันที่พวกเราออกไปได้แล้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณแบบจัดเต็มให้ เพื่อแสดงความนับถือจากใจจริง”
กู้ซึงผงะไปทันที
พร้อมทั้งจ้องมองเย้นหว่านด้วยสายตาแปลกประหลาด
เขาชื่นชอบล้อเล่นกับเธอด้วยความเคยชิน และก็ยังคุ้นเคยกับอาการที่เธอกลอกตามองบนเวลาต่อว่าเขา เมื่อครู่เขาคิดว่าเธอจะเป็นแบบนั้น ทว่าเมื่อเย้นหว่านแสดงอาการออกมา….
มันมีความอบอุ่นออกมา
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของเธอ มันมาจากความหมายในหัวใจของเธอจริงๆ ราวกับดวงดาวที่ส่องแสงประกายกระทบดวงตา
กู้ซึงเริ่มรู้สึกซาบซึ้งใจ แววตากลับหม่นหมองลงอย่างไม่รู้ตัว
การได้รู้จักกับเพื่อนสนิทอย่างเช่นเย้นหว่านนั้น ก็ถือว่าไม่เลวเลย เหลือแค่ว่าต่อไป หรือว่าหลังจากพรุ่งนี้ไปแล้ว คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว
เขากำลังปกปิดอารมณ์ความรู้สึกที่หดหู่ของตนเองเอาไว้ มุมปาก พลันฉีกยิ้มอันสดชื่นออกมา
“ได้ สัญญาตามนั้น คุณเลี้ยงข้าวฉันแบบมื้อใหญ่เลย ฉันอยากกินอะไรก็กินไปตามนั้น ไม่ว่าจะเป็นปลาเค็ม เต้าหู้เหม็น หรือจะเป็นแมงป่องย่างคุณก็ต้องนั่งกินกับฉันด้วย”
เย้นหว่าน “…..” รสชาติอาหารของกู้ซึงชอบกินอาหารประเภทจัดจ้านแบบนี้เหรอ?
เธอเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านนั้นมีท่าทีคิดเล็กน้อย กู้ซึงยิ้มอย่างมีความสุขหนักกว่าเดิมเสียอีก
ที่แท้เขาก็ชอบ ชอบหยอกล้อเย้นหว่านนี่เอง
ช่างน่าเสียดายต่อจากนี้ ….
“เสี่ยวหว่าน ยาก็เอามาครบแล้ว รีบเข้าไปแล้วเปลี่ยนยาให้โห้หลีเฉินเถอะ ครั้งนี้ฉันตั้งใจให้คนไปเอายาดีๆ มาโดยเฉพาะเลย เมื่อเปลี่ยนยาแล้ว อย่างก็สามารถรับประกันว่าใช้ได้ 3 วัน”
เย้นหว่านเริ่มสงสัย หลังจากพรุ่งนี้ได้กระจายข่าวออกไปแล้ว พวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อรอให้ด้านนอกเริ่มก่อความวุ่นวายขึ้น แล้วออกไปช่วยเหลืออีกครั้ง
การอยู่ในห้องตลอดเวลา ก็สามารถเปลี่ยนยาให้โห้หลีเฉินอยู่ตลอดเวลา แล้วทำไมตั้งเฉพาะเจาะจงไปเอายาที่สามารถอยู่ได้นานมาด้วยล่ะ?
เธอรู้สึกตงิดใจ เหมือนว่ากู้ซึงยังมีเรื่องอื่นอีก ที่กำลังปกปิดเธอเอาไว้อยู่