สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 573 ต้องกลับมาให้ได้
บทที่ 573 ต้องกลับมาให้ได้
เลือดสดๆ พลันไหลทะลักออกมาทันที
ปากแผลเริ่มปริออก แผลเหวอะหวะแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยลิ่มเลือด
ดวงตาเย้นหว่านแดงฉาน ทว่าทำได้แค่กัดฟันทนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลหยดลงมา
เธอไม่อาจทำให้น้ำตารื้นจนพร่ามัว จนขัดขวางตอนเธอกำลังทำแผลให้เขาอยู่
กู้ซึงขมวดคิ้วไว้แน่น พร้อมทั้งจ้องมองเย้นหว่านอย่างทนไม่ไหว
เขาพูดเสียงทุ้มต่ำมาก “ทายาให้เขา จากนั้นฉันจะเขียนเอาไว้ข้างๆ ให้กับคุณ”
“ตกลง”
สติของเย้นหว่านเคร่งเครียด จากนั้นก็เริ่มตั้งสติสมาธิและเริ่มจัดการแผลให้โห้หลีเฉิน
ยิ่งเธอจัดการ และละเอียดรอบคอบเร็วขึ้นเท่าไหร่ ความทุกข์ทรมานของโห้หลีเฉิน ก็สามารถลดความทุกข์ทรมานลงไปเล็กน้อย
ทุกการกระทำ กู้ซึงก็คอยจ้องมองเขาอย่างจริงจังมาโดยตลอด จนกระทั่งคอยประคองและพลิกลำตัวของโห้หลีเฉิน เขาเองก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แม้แต่น้อย
เย้นหว่านคิดว่าบางทีเขาอาจจะยกภาระทุกอย่างให้เธอเป็นคนจัดการจริงๆ ทั้งหมด ดังนั้นเลยไม่ได้คิดมากอะไร
เมื่อเห็นว่ารอยแผลเหวอะหวะที่อยู่บนตัวของโห้หลีเฉิน จนทำให้เธอไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นมากมายนัก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดแล้ว เย้นหว่านเหนื่อยจนเหงื่อไหลไคลย้อย มือทั้งสองข้างสั่นเทาอย่างอ่อนแรง ถึงได้จัดการบาดแผล ทั้งภายในและภายนอกของโห้หลีเฉินได้ทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าโห้หลีเฉินถูกเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่แล้ว และยังคงนอนนิ่งสงบอยู่บนเตียง น้ำตาที่ก่อตัวเอ่อล้นอยู่เต็มเบ้าตา จนในที่สุดถึงได้ ทนไม่ไหวจนมันหยดลงมา
เธอกอดขาทั้งสองข้าง พร้อมทั้งสะอึกสะอื้นไม่หยุด
เธอคาดหวังให้เขามีชีวิตรอดต่อไป แต่ไม่คิดเลยว่า การที่เขามีชีวิตรอดจากความตายนั้น ถึงได้รอดชีวิตได้อย่างยากลำบาก แถมขมขื่นถึงเพียงนี้
การบาดเจ็บอันแสนสาหัสถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่การไม่ใส่ใจในการดูแลอย่างทะนุถนอม ไม่รู้ว่าจะประสบกับเคราะห์กรรมเท่าไหร่ อนาคต จะมีส่งผลกระทบไปมากน้อยถึงเพียงใด
เธอปวดใจแทนเขา หัวใจอันแสนปวดร้าวนั้นมันเต้นอย่างเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
กู้ซึงยืนจ้องมองเย้นหว่านอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งพูดปลอบโยนไปด้วย “เสี่ยวหว่าน ยังดีที่เขายังมีชีวิตรอดกลับมา ไม่ใช่เหรอ?”
ดีที่ว่า หนีรอดจากความตายมาอย่างหวุดหวิด แถมยังมีชีวิตรอดกลับมา
ความโชคร้ายที่อยู่ในความโชคดี
เย้นหว่านแสบจมูก เธอพูดจาอย่างสะอึกสะอื้น “กู้ซึง พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ ไปหาป่ายฉี”
ป่ายฉีเป็นคนที่สามารถช่วยโห้หลีเฉินให้รอดชีวิต
เธอมิอาจอดทนต่อไปเพิ่มอีกหนึ่งวัน กับการที่เขาต้องมานอนอยู่เช่นนี้
แววตาของกู้ซึงสับสน ทว่าก็หยักหน้าตอบรับอย่างแน่วแน่
“เชื่อฉัน พรุ่งนี้ข่าวต้องกระจายข่าวออกไป ถึงตอนนั้น รออยู่ที่นี่ก็พอ ให้พวกเขามาช่วยก็พอแล้ว”
อาศัยความรวดเร็วของเย้นโม่หลิน เย้นหว่านก็คงไม่ต้องทนรออยู่นานสักเท่าไหร่
เพราะว่านี่เป็นความหวังเพียงอย่างเดียวของพวกเขา
ในใจของเย้นหว่านนั้นรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย พลางกัดฟันไว้ แถมจ้องมองโห้หลีเฉินตาไม่กะพริบ ด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าเต็มสองตา
ความถวิลหาอย่างสุดซึ้ง
กู้ซึงเอาแต่จ้องมองเย้นหว่านอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตาอันลึกซึ้งพลันปรากฏความขื่นขมออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งอาการหมดความอดทน
เขาพูดเสียงต่ำ
“คุณอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนกับเขา พักผ่อนเร็วๆ ฉันจะออกไปแล้ว”
พูดจบ เขาก็เดินออกไป พร้อมทั้งเอามือปิดประตูอย่างแผ่วเบา
เย้นหว่านก้มหน้าก้มตาสบตาโห้หลีเฉิน หลังจากร้องไห้จนเสียงแหบพร่า แล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น
“โห้หลีเฉิน พวกเราใกล้จะออกไปจากที่นี่แล้ว คุณวางใจได้เลย ป่ายฉีต้องรักษาคุณให้หายดี ส่วนผลกระทบที่จะตามหลังอะไรพวกนั้นก็คงไม่มีแน่”
“คุณรีบตื่นขึ้นมาเร็วๆ ฉันรอคุณอยู่”
“คุณยังเห็นใจฉันไหม? ฉันเห็นแผลของคุณแล้วฉันทั้งกลัว ทั้งลำบากใจ คุณรีบตื่นขึ้นมาเร็ว อย่าทำให้ฉันต้องมาลำบากใจอยู่ตลอดอีกเลย ได้ไหม?”
เธอจ้องมองเขา พร้อมทั้งพูดพร่ำเสียงเบา จากประโยคหนึ่งไปอีกประโยคหนึ่ง
แสงจันทร์สาดส่องกระทบลงบนร่างกายของชายหนุ่ม ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เปลือกตายังคงปิดแน่น ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
ห้องอันคับแคบจนเสียงมันดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้อง มีแต่เสียงแหบพร่าของเย้นหว่าน
ทว่า มีสิ่งที่เย้นหว่านมองไม่เห็นก็คือ นิ้วมือที่อยู่อีกฝั่งของโห้หลีเฉินนั้น นิ้วก้อยเริ่มขยับเล็กน้อยจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้
……
เย้นหว่านนอนหลับอยู่ด้านข้างโห้หลีเฉิน พร้อมทั้งบ่นพึมพำอยู่ข้างหูเขา บ่นไปเรื่อยเปื่อยจนนอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมานั้น กู้ซึงเป็นคนปลุกเธอให้ตื่น
กู้ซึงเอาข้าวต้มสองถ้วยที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกับข้าวอย่างง่ายๆ วางบนโต๊ะตัวเล็กๆ ในห้อง
เขาพูดว่า “ฉันทำอะไรไว้ให้กินนิดหน่อย คุณกินก่อนเลย เดี๋ยวค่อยเอาไปป้อนให้โห้หลีเฉินสักหน่อยก็พอ ในห้องครัวมีข้าวกับผักที่เตรียมไว้ให้แล้ว ตอนกลางวันคุณต้องลงมือทำเอง”
จากนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่ กู้ซึงถามกลับอย่างเป็นห่วง “คุณทำกับข้าว เป็นอยู่ใช่ไหม?”
“ทำเป็น”
เย้นหว่านพยักหน้าให้ เมื่อว่าคิดอะไรออก พลางถามกลับด้วยความสงสัยทันที “คุณต้องออกไปตอนนี้เลยเหรอ?”
เพราะว่าในห้องมีข้าวต้มแค่สองถ้วยเท่านั้นเอง
กู้ซึงพยักหน้าให้ “อืม ใกล้ถึงเวลาที่ฉันนัดกับพวกเขาเอาไว้แล้ว ฉันจำต้องออกไปติดต่อคนแล้ว”
ความเป็นความตาย มันอยู่ที่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่าจะสำเร็จหรือไม่
พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยแบบไม่รู้ตัว
เธอจ้องมองกู้ซึงเอาไว้ พลางถามกลับทันที “เรื่องนี้ต้องใช้เวลาออกไปทำนานเท่าไหร่ เมื่อไหร่คุณถึงจะกลับมา? คืนนี้ จะกลับมาได้ไหม?”
เพราะว่าด้านนอกทุกหย่อมหญ้าต่างต้องการจับตัวเขา ถ้าเขาออกไปแถมใช้เวลานาน มันยิ่งอันตรายมาก
แววตาของกู้ซึงหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่เสียงตอบ
ความสงสัยอันหนักหน่วงที่อยู่นัยน์ตาของเขา มันทำให้เย้นหว่านเกิดความรู้สึกไม่สุขใจขึ้นมาทันที
เธอรีบเปิดปากพูดอย่างรีบร้อน “จะเกิดอันตรายเกิดขึ้นใช่ไหม? คุณไม่มีความมั่นใจอยู่มากอยู่ใช่ไหม?”
“ฉันมีความมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ที่สามารถติดต่อเย้นโม่หลินได้ คุณวางใจได้เลย” กู้ซึงพูดด้วยอารมณ์หนักแน่น ทว่าถึงอย่างไรเย้นหว่านก็ไม่อาจสงบจิตสงบใจได้
เธอรีบพูดทันควัน “งั้นคุณล่ะ?”
กู้ซึงเม้มริมฝีปากเอาไว้ สีหน้าท่าทางนิ่งขรึม จากนั้น บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่ปล่อยไปตามสบายแบบนั้นออกมา
แถมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ก็ต้องมีอันตรายนิดหน่อยอยู่แล้ว ฉันได้วางแผนหนีเตรียมการไว้แล้ว จะไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่ แต่ก็อาจจะมีบ้างที่โดนจับได้”
มีโอกาสจับได้อยู่นิดหน่อยเหรอ?
หรือว่ามีความเป็นไปได้ที่จะโดนจับเยอะกันแน่?
หัวคิ้วของเย้นหว่านขมวดแน่นขึ้น “กู้ซึง คุณมีเรื่องอะไรที่ปกปิดฉันอยู่หรือเปล่า?”
คุณจงใจเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายอยู่ใช่ไหม?
“จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรล่ะ?”
กู้ซึงตอบเย้นหว่านทันควันแบบไม่ต้องคิดเลย แถมปรากฏรอยยิ้มถากถางบนใบหน้าของเขา
“นี่คุณมองฉันเหมือนว่าฉันเป็นพวกเสียสละขนาดนั้นเลยสิ ไม่สนใจความเป็นความตายเลยคิดจะเสียสละชีวิตของตนเอง ให้เป็นวีรบุรุษเพื่อช่วยพวกคุณงั้นเหรอ?”
เย้นหว่าน “….”
กู้ซึงพูดต่อ “คุณอย่าคิดมากอีกเลย สถานการณ์ในตอนนี้ แค่ออกนอกประตูไปก็มีแต่ความอันตรายรอบด้าน แต่พวกเราก็ไม่อาจจะเก็บตัวนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ อยู่ที่นี่รอฉันกลับมา ถ้าฉันไม่ได้กลับมา ก็ไม่ต้องรีบร้อนไป ขอแค่รอให้ข่าวที่แพร่สะพัดไป เย้นโม่หลินมาถึงแล้ว เราก็จะมีทางรอดแล้ว”
“แต่ว่าคุณ …”
เย้นหว่านยังอยากพูดอะไรบางอย่างต่อ ทว่าถูกคำพูดอันหนักแน่นของกู้ซึงพูดตัดบทขึ้นมาก่อน
“เย้นหว่าน คุณต้องดูแลตนเองให้ดี ชีวิตของโห้หลีเฉิน ตอนนี้อยู่ในมือของคุณแล้ว คุณต้องจดจำไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม คุณต้องหนักแน่นเอาไว้”
เย้นหว่านจ้องมองใบหน้าอันจริงจังของกู้ซึงที่อยู่ด้านหน้าอย่างตกตะลึง ทันใดนั้นรู้สึกว่าแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
จากนั้น เขาก็ทำท่าเหมือนพวกนักเลงอันธพาลต่อหน้าต่อตาเธอ ทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคน
ทว่าเมื่อผ่านเรื่องนี้แล้ว คุณชายใหญ่ผู้ซึ่งไม่เคยสัมผัสกับความทุกข์ร้อนฐานะดีมาโดยตลอด แต่กลับเข้าครัวไปนั่งต้มข้าวต้มแถมทำกับข้าวออกมาให้อีก ก่อนหน้านี้ยังเป็นคนที่ไม่รู้จักแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้สามารถจัดการทำความสะอาดบาดแผลพร้อมทั้งพันได้อย่างเสร็จสรรพได้อย่างคล่องมือ
กู้ซึง ท่ามกลางการใช้ชีวิตด้วยความยากเย็นแสนเข็ญที่สะสมมา จนทำให้เขาเติบโตขึ้นแล้ว
เขาพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อขนาดนี้ เธอก็ไม่มีเหตุผลจำต้องอ่อนแอ และท้อถอยอีกต่อไป
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างสุดแรง เพื่อตอบกลับเขา
“ฉันจะรอคุณกลับมาอยู่ที่นี่ คุณทำงานเสร็จแล้ว ต้องกลับมานะ”