สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 575 แผนการของกู้ซึง
บทที่ 575 แผนการของกู้ซึง
ทำอย่างไรดี?
ตอนนี้กู้ซึงก็ไม่ยอมกลับมา เธอคอยเฝ้าโห้หลีเฉินอยู่ที่นี่คนเดียว แถมหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีทางที่ตนเองจะสามารถต่อกรกับผู้ชายหลายๆ คนนั้น
แต่เธอก็ไม่อาจนั่งรอความตายได้
เย้นหว่านมองไปตรงประตูอย่างตื่นเต้น แล้วรีบหันตัว พร้อมทั้งวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกลับเข้าไปในห้องนอน พร้อมทั้งปิดประตูทันที
ตอนที่กู้ซึงออกไปนั้นก็เคยพูดแล้ว ถ้ามีเรื่องหนักหนาสาหัสเกิดขึ้น ก็สามารถหนีเอาตัวรอดจากทางด้านหลังของตู้เสื้อผ้าที่ซ่อนประตูเล็กๆ อยู่
เธอเดินไปที่ขอบเตียง พร้อมทั้งจ้องมองโห้หลีเฉินอย่างสับสน
สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้อ่อนล้ามาก ทางที่ดีที่สุดคืออย่าขยับเขยื้อน ค่อยๆ รักษาให้หาย
แต่ ….
“โห้หลีเฉินได้ยินที่ฉันพูดอยู่ไหม? ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณต้องอดทนเอาไว้ เราต้องหนี”
เย้นหว่านกระซิบพูดเสียงทุ้ม น้ำเสียงดูเคร่งขรึม
สถานการณ์ที่อยู่ด้านหน้านั้น พวกเขาไม่อาจให้หยูซือห้านจับตัวไป ไม่งั้นสภาพของโห้หลีเฉินในเวลานี้ ต้องเสียชีวิตแน่ๆ
เธอต้องพาโห้หลีเฉินหนี บางทียังมีโอกาสหนีรอด
“ปึง ปึง ปึง!”
มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
เวลาของเย้นหว่านเหลือไม่เยอะแล้ว เลยไม่กล้าถ่วงเวลา
เธอใช้ความเร็วที่สุดในการกวาดยาเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นก็นั่งคุกเข่าลงตรงขอบเตียง จากนั้นก็ดึงแขนของเขา พร้อมทั้งประคองเขาอย่างระมัดระวัง
กระนั้นการออกแรงของเธอนั้นก็ระมัดระวังเป็นพิเศษ การขยับตัวของโห้หลีเฉิน มันกระทบกระเทือนไปยังบาดแผล จนผ้าก๊อซพันแผลชุ่มไปด้วยเลือด
เย้นหว่านจ้องมองเลือดที่ซึมไหลออกมาตรงด้านหน้า เบ้าตาของเธอบวมลำบากใจในทันที
นิ้วมือของเธอ สั่นเทาเล็กน้อย
“พังประตู!”
บริเวณประตู เหล่าผู้ชายเคาะประตูจนไม่เห็นผล อดทนแล้วจนหมดความอดทนจนต้องเริ่มใช่วิธีหยาบช้าแทน
ประตูเหล็กบานนั้นไม่ได้มีการซ่อมแซมมานานแล้ว มันยังเก่ามากอีกด้วย การโดนเตะไปทีเดียวพลันมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดส่ายไปส่ายมาจนมีเสียงใกล้จะล้ม
ไม่ผิดไปตามคาด มันส่ายไปไม่เกินสองสามครั้งก็ถูกเปิดออกอย่างทนไม่ไหว
หน้าผากของเย้นหว่านผุดเม็ดเหงื่อเล็กๆ ออกมา พลางกัดฟันเอาไว้ มันยากนักกับการที่ต้องประคองโห้หลีเฉินขึ้นมา
เขารูปร่างสูงใหญ่ น้ำหนักตัวก็มาก แถมตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด ฉะนั้นน้ำหนักตัวทั้งหมดก็ทิ้งมาที่ร่างกายของเย้นหว่าน
น่องขาของเย้นหว่านสั่นเทาไม่หยุด ราวกับว่าทนสภาพไว้ไม่ไหว
เธอกัดฟันแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมทั้งอาศัยความมั่นใจของตนเอง ถึงไม่ล้มลง เธอประคองโห้หลีเฉิน พร้อมทั้งขยับตัวเดินมุ่งหน้าอย่างยากลำบาก
ในเวลาเดียวกัน พลันมีเสียงดัง “เพล้ง” ประตูถูกถีบจากด้านนอก
พวกผู้ชายเดินเข้ามาด้วยท่าทางอาจหาญอย่างไม่เกรงกลัว
พร้อมทั้งตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียงดังลั่น “ไม่มีคน”
“ห้องนั้นประตูมันปิดอยู่ รีบไปดูเร็ว!”
นั่นเป็นห้องของเย้นหว่านพอดี
หนึ่งในชายหนุ่มนั้นรีบก้าวเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน จากนั้นก็ผลักประตูเข้ามาอย่างอาจหาญ
สายตาอันเฉียบแหลมของเขามองเข้ามาด้านในห้อง
ก็มองเห็นภายในห้องเล็กๆ มียาเวชภัณฑ์วางไปทั่ว ในถังขยะ มีทั้งผ้าก๊อซและทิชชูที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งเดินก้าวอาดๆ มายังเตียง พลางยื่นมือออกไปลูบคลำผ้านวม
ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาตรงประตู พลางพูดขึ้น “ห้องอื่นก็ไม่มีคน ตรงนี้ของแกล่ะ?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “ผ้านวมยังอุ่นอยู่ คงเพิ่งจะหนีไป”
“หนีไป? พวกเราได้ปิดชั้นนี้ไปแล้ว ไม่มีคนเดินออกไปได้”
“ห้องนี้ต้องมีทางออกอื่นแน่!”
ชายหนุ่มเหล่สายตาอันเฉียบคมกวาดตามองรอบๆ ทั่วทั้งห้อง และพูดน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ที่นี่มีคนได้รับบาดเจ็บ อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นพวกของเย้นหว่าน บอกกับเบื้องบนไป อีกฝ่ายน่ามีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นผู้ต้องสงสัย รีบปิดละแวกนี้ ทันที”
ในตู้เสื้อผ้า เย้นหว่านที่กำลังเปิดประตูบานเล็กๆ เพื่อเตรียมจะหนีออกไป เมื่อได้ยินประโยคนี้
ในใจของเธอตื่นเต้นทันที
ปิดล็อกเหรอ?
เช่นนั้นเธอจะพาตัวโห้หลีเฉินออกไปได้อย่างไรเล่า
ต้องรีบแล้วแหละ ใช้โอกาสตอนที่พวกเขายังไม่ได้ล็อกดาวน์ทั้งเมือง รีบออกไปจากที่นี่ถึงได้รอด
เธอไม่กล้าถ่วงเวลาอีกแล้ว พลางประคองตัวโห้หลีเฉินอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งค่อยๆ ขยับตัวออกไปอย่างยากลำบาก
เย้นหว่านเพิ่งจะจากไปไม่นานนัก ในห้องเล็กๆ ของเธอนั้น ก็มีคนเข้ามาเยอะแยะ
ในห้องนั้นมีบุคคลมืออาชีพมาโดยเฉพาะ พร้อมทั้งจัดการตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดรอบคอบ พร้อมทั้งเอายาเวชภัณฑ์ที่เหลืออยู่และรอยเลือดทำการวิเคราะห์ทันที และยังหาประตูเล็กที่ถูกซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้าเจออย่างรวดเร็ว
คนกลุ่มหนึ่ง กำลังวิจัยเรื่องยาเวชภัณฑ์
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง แกะรอยช่องทางเดินที่เย้นหว่านเดินออกไป พร้อมทั้งตามรอยทันที
ปกติแล้วเย้นหว่านประคองโห้หลีเฉินเอาไว้ก็เดินไม่เร็วอยู่แล้ว อาศัยก้าวเดินเลียบบันไดลงไปอย่างยากลำบาก แม้ว่ายังเดินไปไม่ถึงชั้นหนึ่ง ก็ได้ยินบันไดที่อยู่เหนือศีรษะมีเสียงฝีเท้าย่ำมาอย่างเร่งรีบ
ไม่ต้องคาดเดาเลย ต้องเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาจับตัวเธอแน่นอน!
เย้นหว่านตกใจจนหน้าซีดเผือด ใต้เท้าเริ่มก้าวพลาดลอยบนอากาศ คนทั้งตัวที่พาโห้หลีเฉินมาด้วย จนเกือบตกบันไดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เย้นหว่านตกใจจนหน้าถอดสี
ตรงนี้ยังเหลือบันไดอีกสามขั้น ถ้าเธอตกบันไดลงไปก็แค่เจ็บเท่านั้นเอง แต่ร่างกายของโห้หลีเฉินมีบาดแผลเต็มตัว การที่เขาล้มลงไป นั่นไม่ใช่เอาชีวิตของเขาไปด้วยหรอกเหรอ
วินาทีนั้น เย้นหว่านตกใจจนใกล้จะสิ้นสติแล้ว
เธอไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว ทำได้แค่กอดโห้หลีเฉินเอาไว้แน่น แล้วก็ได้คิดว่าก็ตกบันไดไปแบบนี้แหละ เอาตัวเองลงก่อน เพื่อจะได้เอาตัวเองไปเป็นเสื่อรองตัวให้กับโห้หลีเฉิน
เสียงดังใกล้เข้ามาแล้ว เย้นหว่านตัวเย็นเฉียบ พร้อมทั้งร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว
นิ้วมือของโห้หลีเฉิน สั่นระริก
ทั้งสองคนแนบชิดกัน ตอนที่กำลังจะกลิ้งหล่นลงพื้นนั้น เวลานั้นเอง อยู่ดีๆ ก็มีคนพุ่งตัวออกมาจากประตูหนีไฟที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็คว้าตัวของเย้นหว่านจากทางด้านหลัง
เขากระซิบเสียงทุ้ม “โอ้โห ดีที่ว่าฉันมาได้ทันเวลาพอดี ไม่งั้นคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”
ร่างกายของเย้นหว่านไม่ง่ายเลยที่จะทรงตัวได้ อาการช็อกยังไม่หายดี ก็รีบหันไปมองโห้หลีเฉินทันที
เขาถูกเธอกอดเอาไว้แน่น มีเพียงร่างกายที่เอนแนบมาชิดกับลำตัวของเธอเท่านั้น แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เธอถึงได้ถอนหายใจโล่งอก
เธอรีบยืนทรงตัวอย่างรีบร้อนพร้อมทั้งประคองโห้หลีเฉินเอาไว้ ก็เห็นว่า คนที่มารับตัวของเธอไว้นั้น ก็ยืนอยู่อีกฝั่งอย่างแข็งขันทันที พร้อมทั้งประคองโห้หลีเฉินเอาไว้
สติของเย้นหว่านเริ่มวูบวาบ พลางเอ่ยว่า “เมื่อครู่ขอบคุณมากนะ”
อีกนิดเธอกับโห้หลีเฉิน ก็จะล้มลงจนสิ้นท่าแล้ว
ผู้ชายที่ใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นแต่ดูสะอาดสะอ้าน สีหน้าเคร่งขรึมพุ่งตัวมาจากด้านบนแล้วมองมา แล้วพูดว่า
“คุณเย้น ไม่มีเวลามาคุยมาก คุณรีบไปกับฉันเร็ว”
เขารู้จักเธอ?
ดูจากท่าทางแล้ว คงเข้ามาช่วยเหลือ
ก่อนหน้านี้เย้นหว่านคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกู้ซึงกับคนจรจัด พลันเข้าใจทันที คนคนนี้น่าจะเป็นคนจนจัดคนหนึ่ง หรือว่าเป็นคนที่กู้ซึงได้จัดเตรียมไว้ละแวกนี้ เลยเข้ามาช่วยเหลือตามสถานการณ์
เย้นหว่านพลันพยักหน้าทันที “ตกลง”
เธอกับคนจรจัดคอยประคองโห้หลีเฉินกันคนละข้าง ความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาก และงัดตัวของโห้หลีเฉินมุ่งเดินลงไปด้านล่าง
ตอนเดินลง คนจรจัดก็พูดขึ้น
“กู้ซึงให้ฉันคอยมาเฝ้าละแวกนี้ ถ้าเจอเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้น ให้เขามาช่วยคุณทันที ฉันรู้เส้นทางลับเส้นเล็กๆ เราสามารถอาศัยถนนเส้นเล็กหนีไปจากที่นี่ คุณไปกับฉันก็พอแล้ว”
ที่แท้ก็เป็นคนของกู้ซึง
ในใจของเย้นหว่านเริ่มซาบซึ้ง เลยเบาใจไปไม่น้อย
การมีคนเข้ามาช่วย แถมยังรู้ทางอีก การหลบหนีของเธอในเวลานี้มีความเป็นไปได้สูงมาก
ขอแค่ไม่ถูกจับตัวไป ก็ถือว่ายังมีโอกาสอยู่
คนจรจัดมีชื่อว่าโรเจส เขามีความคุ้นเคยกับที่นี่มาก เมื่อลงมาถึงบันไดขั้นแรกก็พาตัวเย้นหว่านออกไปทางเดินอีกทาง การเดินคดไปคดมาเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา จนสามารถทิ้งเสียงฝีเท้าที่อยู่ด้านหลังดังอยู่ไกลๆ