สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 58 คู่รัก
บทที่ 58 คู่รัก
หน้าของ เย้นหว่านแดงก่ำ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในที่นี่ ต่างเงียบและให้ความสนใจบรรยากาศระหว่างโห้หลีเฉิน และ เย้นหว่าน
ถึงแม้ว่าต่อหน้าพวกเขาจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นทำให้ทุกคนสงสัย
ผู้บริหารอาวุโสคนนึงประเมินในใจการแล้วจึงยกแก้วไวน์ขึ้นมา และเดินไปหาเย้นหว่าน
“คุณเย้น ขอแสดงความยินดีกับคุณที่ได้ที่หนึ่งด้วยนะ แก้วนี้ดื่มฉลองให้คุณ”
ดื่มฉลองอีกแล้ว!
เย้นหว่านมองแก้วไวน์แล้วรู้สึกขนลุก แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้
เธอได้แต่ยิ้มแล้วหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชนแก้วกับผู้ชายคนนั้น
ในเวลานี้ ก็มีมือขาวข้างนึงยื่นมาจับแก้วตรงหน้าเธอ
โห้หลีเฉินกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในนี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ในเมื่อ เย้นหว่านเป็นผู้เข้าแข่งขัน ก็ควรที่จะให้เย้นหว่านเป็นฝ่ายชวนดื่มแก้วนี้ เย้นหว่านเธอดื่มเพื่อทุกคนสักแก้วสิ”
ให้เธอดื่มฉลอง หรือว่าให้เกียรติทุกคน ไวน์หนึ่งแก้วก็สามารถจัดการวงล้อของดื่มฉลอง
เย้นหว่านเข้าใจความหมายที่โห้หลีเฉินจะสื่อ ในใจก็รู้สึกอบอุ่น
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนฉันเสมอมา แก้วนี้ฉันดื่มเพื่อทุกท่านค่ะ”
เย้นหว่านลุกขึ้นยืน และยกแก้วขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับสูง แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยืนขึ้นให้เกียรติ และชนแก้วกับเย้นหว่าน
ทุกคนเคยสงสัยมาก่อนและตอนนี้ก็มั่นใจว่าระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแน่ๆ มิฉะนั้นชายผู้สูงศักดิ์อย่างโห้หลีเฉินจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร
หลังจากที่ทุกคนได้พูดคุยกับเย้นหว่าน อยู่สักพัก ก็ใกล้จะถึงเวลาที่เย้นหว่านต้องกล่าวคำอำลาแล้ว
“ทุกท่านรับประทานให้อร่อยนะคะ ฉันต้องกลับห้องแล้วค่ะ”
เย้นหว่านยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกไป
เธอพึ่งจะเดินออกมา โห้หลีเฉินก็เดินตามออกมาโดยที่ไม่สนใจสายตาของทุกคน
ทันทีที่โห้หลีเฉิน เดินออกไป ภายในงานเลี้ยงก็เริ่มคึกคักขึ้นมา
“มีใครรู้บ้างว่า คุณโห้กับเย้นหว่านเป็นอะไรกัน?”
“นอกจากเป็นคู่หมั้นของคุณโห้ที่ครอบครัวหาไว้ให้แล้ว พวกเราก็ไม่เคยได้ยินว่าคุณโห้มีผู้หญิงอื่นเลย”
“กล่าวคือความสัมพันธ์ของเย้นหว่านกับคุณโห้ไม่เหมือนกันแน่ๆ หลังจากนี้ พวกเราก็ถือว่าไม่ช่วยเธอ ก็ทำให้เธอลำบากไม่ได้แล้ว”
……
เมื่อเย้นหว่านเดินออกมาจากห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที
งานเลี้ยงทำให้เธอเหนื่อยและวิงเวียนศีรษะมาก
เธอเดินเซไปเซมา พยายามมองหาห้องพักของตัวเอง แต่ห้องทุกห้องดูคล้ายกันไปหมดเลย
เธอจำเลขห้องไม่ได้
ปวดหัว
เย้นหว่านทั้งรู้สึกกลัดกลุ้มใจทั้งอึดอัด เท้าทั้งสองข้างเดินไขว้กันไปมา แล้วจู่ๆก็เท้าเคล็ด
“โอ๊ย”
เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะหกล้ม เธอก็ตกใจมากจนหลับตาปี๋
ขณะนั้น แทนที่จะล้มลงกับพื้น เธอกลับล้มลงไปในอ้อมแขนแกร่งอันอบอุ่น รู้สึกถึงลมหายใจที่อยู่ใกล้ชิดกัน
ยังคุ้นเคยอย่างมาก
เย้นหว่านรีบลืมตาขึ้นก็เจอกับใบหน้าอันหล่อเหลาที่ทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจของโห้หลีเฉิน
หัวใจเต้นแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ ใบหน้าของเย้นหว่านแดงก่ำ
“คุณโห้ ขอบคุณค่ะ ”
โห้หลีเฉินมองเธอ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฉันเคยบอกแล้ว ต้องขอบคุณด้วยการกระทำจริงๆ”
แบบนี้นับว่า เย้นหว่านเป็นหนี้บุญคุณเขาอีกรอบแล้ว
เย้นหว่านเกรงใจและอายเล็กน้อย บุญคุณครั้งนี้ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันจะทดแทนให้วันหลัง”
“โอเค”
โห้หลีเฉินดูเหมือนจะอารมณ์ดี
เย้นหว่านมองเขาอย่างไม่สบายใจ เธอยังคิดหาวิธีที่จะขอบคุณเขาไม่ได้
แล้วก็เขายังกอดเธออยู่
เย้นหว่านพยายามลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขา ในตอนนี้เธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอยู่ไม่ไกลนัก
“คุณเคยได้ยินไหมว่า เย้นหว่านเป็นแค่มือใหม่และหล่อนไม่ได้มีประสบการณ์การออกแบบ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถออกแบบงานที่ดีได้แบบนี้ พูดได้ว่าดังข้ามคืนเลย ”
“เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? มีคนช่วยหล่อนอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า? ”
“ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ผู้ช่วยหล่อนน่าจะเก่งมากๆ…..”
ผู้หญิงสองคนพูดคุยกำลังเดินมาทางนี้
เย้นหว่านแอบลอบมองผ่านไหล่ของโห้หลีเฉินอย่างรวดเร็ว ก็รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นดีไซเนอร์ของคลาส
เธอก็ตัวแข็งทื่อไปในทันที ตอนนี้เธอกับโห้หลีเฉินยังคงคลุมเครือ หรือว่าพวกเขาทั้งจะมองออก
ต่อไปถ้าไม่พูดลับหลังว่ามีใครคอยช่วยเหลือ และพูดว่าเธอถูกกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของโห้หลีเฉิน
แทบจะไม่ได้คิดอะไรเลย เย้นหว่านซบหน้าลงในอ้อมกอดของโห้หลีเฉิน
ผู้หญิงที่เพิ่งจะดิ้นรนต่อสู้ กอดเขาแน่น ร่างสูงของโห้หลีเฉินตัวแข็งทื่อเล็กน้อยและก้มมองอย่างรวดเร็ว
เขาก้มมองหัวเล็ก หยอกล้อเสียงเบา
“เป็นอะไรไป ให้กอดไปส่งไหม? ”
ทันใดนั้นหน้าของเธอก็เห่อร้อนขึ้นมา “ถ้างั้น ช่วยบังให้ฉันหน่อยค่ะ”
ผู้หญิงทั้งสองคนสังเกตเห็นว่ามีคู่รักคู่หนึ่งอยู่ไม่ไกล จึงเร่งฝีเท้าและกระซิบกัน
“พวกเรารีบเดินกันเถอะ มีคู่รักอยู่ตรงนั้น”
พวกเขารู้สึกเลี่ยนและเป็นก้างขวางคอต้องรีบเดินจากไป
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หูของเย้นหว่านก็แดง
จับมือของโห้หลีเฉินก็ร้อนมากเหมือนภูเขาไฟลูกใหญ่
เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้หญิงสองคนนั้นแล้ว เย้นหว่านจึงรีบดันตัวออกจากโห้หลีเฉิน “ขอโทษค่ะ……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงอีกคนดังแว่วมา
“มู่จื่ออี้ ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ฉันจะไปหยิบยาแก้แฮงค์มาให้เย้นหว่านจริงๆค่ะ เลยให้เธออยู่ห้องน้ำ”
ทันใดนั้นเธอก็ตัวแข็งทื่อ และก็ทิ้งตัวซบหัวลงไปในหน้าอกของโห้หลีเฉินอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่ต้องแอบดูก็รู้แล้วว่าคนที่เขาจะต้องเผชิญหน้าคือ มู่จื่ออี้และดีไซน์ที่พึ่งจะพาเธอไปห้องน้ำ
เธอกลุ้มใจมาก ทำไมระหว่างทางต้องพบเจอผู้คนเยอะขนาดนี้?
“หุบปาก ต้องเกิดเรื่องอะไรกับเธอ ผมไม่น่าไว้ใจคุณเลย”
มู่จื่ออี้ต่อว่าด้วยความโมโห และเขาก็รีบเร่งฝีเท้า แต่พอมองเห็นว่ามีคนสองคนยืนกอดกันอยู่ไม่ไกล ก็หยุดนิ่งอยู่กับที่
เขาหลิ่วตามองคนทั้งสองและรู้สึกราวกับว่าคุ้นเคย
ผู้หญิงข้างๆถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ไม่ไปแล้วเหรอ? คุณมองอะไร พวกเขาก็เป็นคู่รักแค่นั้น หรือว่าคุณรู้จัก?”
เย้นหว่านเป็นกังวลว่ามู่จื่ออี้จำเธอไม่ได้ใช่ไหม?
เธอกอดกับโห้หลีเฉินแน่นขนาดนี้ จะอธิบายยังไงดี?
เพียงแค่หกล้มและล้มมาในอ้อมแขนและยังไม่ทันได้ลุกขึ้นหรอ? ผีตัวไหนจะเชื่อ
ขณะคิด เธอยังคงซบอยู่หน้าอกของโห้หลีเฉิน เหมือนกับเจ้าเต่าตัวน้อย
โห้หลีเฉินก้มมองหัวเล็กในอ้อมอกมาตลอด และดวงตายิ้มเปล่งประกาย
เขาเอื้อมมือออกไปจับหัวเล็กของเธอให้เงยหน้าขึ้น
“ในเมื่อเขาสงสัย งั้นพวกเราก็มาแสดงละครให้สมจริงไปเลย”
พูดแล้ว ริมฝีปากบางก็กดลงบนริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่ทันที
“ฮึ่ม”
ดวงตาของ เย้นหว่านเบิกกว้างด้วยความตกใจ ราวกับว่าตัวจะระเบิด ในหัวรู้สึกสับสนมาก
เขา เขาทำไมจูบฉันตรงนี้?!
มู่จื่ออี้และเพื่อนร่วมงานของเธออยู่ไม่ไกล ถ้าหากว่าพวกเขาเห็นก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ต่อให้เธอมีร้อยปากก็ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน
ภายในใจ เย้นหว่านสับสนวุ่นวาย แขนแกร่งของโห้หลีเฉินโอบรอบเอวเธออยู่ แขนอันทรงพลังไม่ยอมให้เธอสามารถต่อต้านใดๆ แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันจนแทบจะรวมกันเป็นร่างเดียว
ริมฝีปากเกี่ยวรัดกัน ร้อนแรงแผ่วเบา
ในตอนแรกเย้นหว่านเวียนศีรษะหน้ามืด แต่ความคิดก็หายไปทันที สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในหัวตอนนี้รสจูบที่ทำให้หัวใจสั่นไหว