สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 630 เป็นหมัน
บทที่ 630 เป็นหมัน
ราวกับรับรู้ความสงสัยของหยูซือห้าน ท่านอาวุโสผมสีเงินพูดออกมาตรงๆ “นายเป็นทายาทที่ฉันอบรมเลี้ยงดูมา”
ดังนั้น วิธีการลงมือของเขาสูงส่งกว่าหยูซือห้านมากนัก จนสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของเขาเป็นอย่างดี
นัยน์ตาเฉียบคมของหยูซือห้านพลันเปล่งประกาย
เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนชักใยควบคุมอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าตอนนี้ท่านอาวุโสผมสีเงินเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเขา เขาจำต้องอดทนเอาไว้
ในใจหยูซือห้านไม่ได้ดีใจ แต่กลับไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็กดเบอร์โทรศัพท์โทรออกไปทันที
พอรับสายแล้ว หลังจากรู้ว่าเป็นหยูซือห้าน ก็ดีใจมาก
หยูซือห้านออกคำสั่ง “เรียกทุกคนมารวมตัว พร้อมรับคำสั่งตลอดเวลา แกให้คนสนิทคนอื่นๆอีกหลายคน มาที่นี่ปลอดภัยเพื่อความปลอดภัย ฉันมีภารกิจที่จะสั่งให้พวกแกทำ”
“คุณชาย คนอื่นสามารถเข้ารับภารกิจได้ทันที แต่ว่าผมอาจจะยังไม่ได้”
หยูซือห้านย่นคิ้ว “สาเหตุอะไร”
“กู้ซึงนะสิ เขาวางแผนฆ่าตัวตาย เกือบก็จะตายอยู่แล้ว….”
“ให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด!”
หยูซือห้านตะโกนทันที สีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
ตอนนี้กู้ซึงเป็นไพ่เด็ดที่อยู่ในมือของเขา
คนนั้นพูดว่ามา “ผมจะพยายามขัดขวางอย่างเต็มที่ แต่ว่าตอนนี้เขาร้องขอความตายอย่างรุนแรงมาก ดังนั้นผมเลยต้องอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าเขาเอาไว้ถึงจะได้”
ตอนที่พูดนั้น น้ำเสียงของคนผู้นี้เห็นชัดว่าแหบพร่าเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าทนทุกข์ทรมานมาแล้วหลายวัน
ท่ามกลางสถานการณ์อันกดดันเช่นนี้ การได้เผชิญหน้ากับคนที่ร้องขอความตาย มันง่ายมากที่จะปรากฏช่องโหว่
ในใจของหยูซือห้านรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก พูดว่า “ฉันจะมาเดี๋ยวนี้”
ท่านอาวุโสผมสีเงินขมวดคิ้วถาม “สภาพร่างกายของนายในเวลานี้ก็ย่ำแย่มากแล้ว ไม่เหมาะที่จะเดินทางไกล”
“กู้ซึงจะตายไม่ได้ ผมไม่ไปผมก็ไม่วางใจ อีกอย่าง ก็ไม่ได้ไกลมากนัก พวกของโห้หลีเฉินคงคิดไม่ถึง ว่าผมจะเอากู้ซึงไปซ่อนไว้ข้างตัว ซ่อนในที่ที่อันตรายที่สุด”
ท่านอาวุโสผมสีเงินตกใจ “อยู่แถวๆนี้ พวกของเย้นโม่หลินต้องปูพรมค้นหาไปทั่วแล้ว ทำไมถึงหาไม่เจอ”
หยูซือห้านแววตาดุร้าย ใบหน้าดูพอใจซะเหลือเกิน
“นั่นก็เป็นเพราะว่าถิ่นของผม อยู่ใต้ดิน”
พวกเขาปูพรมค้นหาอยู่บนภาคพื้นดินยันท้องฟ้าก็ตาม แต่โลกใต้ดินนั้น ให้ค้นหาสิบรอบก็หาไม่เจอ
แววตาของท่านอาวุโสผมสีเงินมีความประหลาดใจ พูดอีกว่า
“ฐานทัพของนายมันปลอดภัยไหม ตอนนี้แกหนีไปแล้ว แต่อีกหนึ่งชั่วโมงทางตระกูลเย้นก็คงจะรู้เข้า ตระกูลเย้นจะส่งคนมาจับนายไปทั่ว การออกค้นหาตัวนายมันคงจะสำคัญมากกว่ามาหากู้ซึงเสียอีก”
“วางใจได้ ปลอดภัยแน่นอน ในเมื่อจะออกไปเก็บกวาดกู้ซึง ผมก็สามารถรักษาตัวที่ฐานทัพได้ ยิ่งปลอดภัยขึ้น”
ทำงานก็ต้องใช้เทคนิคความสามารถที่ฝึกอย่างเคยชิน
สีหน้าของหยูซือห้านมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ในหัวสมองนั้น คิดวิธีการหลายสิบกว่าวิธีที่จะจัดการล้างแค้นโห้หลีเฉินอย่างไรดี
ท่านอาวุโสผมสีเงินได้ยินคำพูดนี้ เหมือนจะวางใจได้ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่นั่งอยู่ด้านข้างสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็หันมองกระจกด้านนอกที่มีภาพทิวทัศน์ และถนนหนทาง ผ่านไปเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย
……
เวลานี้เอง ห้องโถงบ้านตระกูลหยู
ผู้นำตระกูลหยูกับท่านผู้อาวุโสของตระกูลหยูต่างก็นั่งเรียงตามลำดับ เหมือนมีเพียงตำแหน่งของท่านอาวุโสใหญ่เท่านั้นที่ยังเว้นว่างอยู่
เย้นโม่หลิน เย้นหว่านและโห้หลีเฉิน ก็นั่งหลังเหยียดตรง
เวลานี้เอง สายตาทุกคน หรือความประหม่า หรือตื่นเต้น หรือไม่ประสงค์ดีต่างจับจ้องมาที่ป่ายฉี เพื่อรอให้เขาประกาศผลตรวจออกมา
ป่ายฉีตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแต่ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกอะไร จากนั้นก็อ้าปากพูดด้วยความสงบนิ่ง
“ผลออกมาแล้ว โห้หลีเฉินเขา….”
“ขอโทษด้วย ผมมาสายแล้ว!”
ประตูให้ที่ถูกปิดอยู่พลันถูกผลักเปิดมาจากด้านนอก ใบหน้าของท่านอาวุโสผมสีเงินมีแต่เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา เดินเข้ามาด้วยอาการหอบหายใจ
ข่าวคราวที่พูดเหมือนติดค้างถูกตัดบท หยูฉู่สองเริ่มไม่ถูกใจอยู่เล็กน้อย พูดเสียงเคร่งขรึม
“ยังไม่ได้เริ่มพูดเลย เดินมานั่งก็ถูกแล้ว”
“ใช่ๆ
ท่านอาวุโสผมสีเงินถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที เพิ่งออกมาจากที่จองจำของหยูซือห้าน เขาก็วิ่งเหยาะๆออกมา ช้าบ้างเร็วบ้าง ในที่สุดก็สามารถมาทันเวลา
แบบนี้ก็ดี
สายตาคมกริบของเขาจ้องมองมาทางป่ายฉีอย่างดูถูก การที่มีเขาอยู่เช่นนี้ ยามเมื่อประกาศออกมาต่อหน้าทุกคนว่าโห้หลีเฉินไม่ได้เป็นหมัน เรื่องที่หลอกลวงผู้คนตระกูลหยู แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นจริงขนาดนั้นแล้ว
ถ้าเขาพูดเปิดโปงเรื่องการหลอกลวงของพวกป่ายฉีในตอนนั้น ตระกูลเย้นเสียเปรียบ เขาค่อยร่วมมือกับท่านผู้นำ เข้าไปช่วยเหลือหยูซือห้านก็จะมีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
คนที่เขาอบรมเลี้ยงดูมา ไม่ใช่คนที่อยู่จะอายุสั้น
หลังจากที่โดนคนตัดบทแทรกขึ้นมา ป่ายฉีกวาดตามองท่านอาวุโสผมสีเงินแวบหนึ่งด้วยความรังเกียจ
สีหน้าของหยูฉู่สองมีความขัดเขินเล็กน้อย บนใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้ พูดอย่างเป็นมิตรว่า
“คุณป่ายฉี เชิญพูดต่อ”
เย้นหว่านนั่งตัวตรง ด้วยความตื่นเต้นก็เลยจับมือโห้หลีเฉินเอาไว้แน่น
ความรู้สึกในตอนนี้ มันหนักใจมากกว่าตอนดูคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นร้อยเท่า
ป่ายฉีพูดอีกมาเพียงไม่กี่คำ ว่าผลลัพธ์มันคืออะไร ก็สามารถกำหนดชีวิตของโห้หลีเฉินไปทั้งชีวิต!
เมื่อรับรู้ถึงความตื่นเต้นของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง จากนั้นก็พลิกมือเล็กๆของเธอกุมไว้แทน
“ไม่มีอะไร”
เขาปลอบโยนเสียงขรึม น้ำเสียงสุขุมน่าหลงใหลมันช่างไพเราะเสนาะหู
แต่ว่ามืออีกข้างหนึ่งของเขากำหมัดไว้แน่น จนแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกของเขาในตอนนี้อย่างแท้จริง
สายตาของป่ายฉีกวาดตามองไปโดยรอบ หลังจากที่มั่นใจว่าคนมากันครบแล้ว ก็คงไม่มีใครที่จะโผล่พรวดพราดออกมารบกวนกลางคันอีก ครั้งนี้เขาเลยค่อยๆพูดว่า
“แม้ว่ายานั่นจะไม่ได้ออกฤทธิ์เต็มที่ แต่ว่ายานั่นก็มีประสิทธิภาพที่รุนแรง ตอนนี้มันก็ทำลายระบบสืบพันธุ์ของโห้หลีเฉินไปทั้งหมดจริง”
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ราวกับโยนระเบิดปรมาณูหนึ่งลูก ลงไปในทะเลสาบอันนิ่งสงบ
วินาทีนั้น ก็ระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ผู้อาวุโสหลายคนลุกยืนขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว มองโห้หลีเฉินด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร! เลวทรามมาก!”
ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินนั่งตัวแข็งทื่อ แววตา ณ วินาทีนั้นมืดหม่นลงราวกับเหมือนจะมองไม่เห็นแสงสว่างเลยสักนิด
ตัวสั่นเทา รู้สึกหนาวสะท้าน
ฝ่ามือของโห้หลีเฉินพลันกำหมัดไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว จนนิ้วมือของเย้นหว่านที่เขากุมมือไว้ ทันใดนั้นก็มีความเจ็บปวดส่งออกมา
แต่ว่าที่เจ็บปวด มากกว่าเรื่องนี้ ราวกับว่าวินาทีนั้นของเธอถูกลากให้จมดิ่งเข้าไปในใจที่มีน้ำเย็นเฉียบ
ความหวัง โชคดีทั้งหมด ในเวลานี้ มันพังทลายเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นฟองสบู่
โห้หลีเฉินเป็นหมันจริงๆเหรอ!
ชั่วชีวิตนี้ของเขา ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อคนอีกแล้ว
คนที่มีชีวิตยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ชีวิตกลับต้องแบกรักความเสียใจขนาดนี้ เขาจะเสียใจอย่างไร
ทุกอย่างนี้ เป็นเพราะว่าเธอทั้งสิ้น
ในใจของเย้นหว่านเสียใจจนยากจะไหวราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ทับอยู่ หนักจนสามารถทำลายหัวใจของเธอให้แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ
แต่ตกลงแล้วความโชคดีที่อยู่ในใจ เย้นหว่านก็เคยคิดถึงผลลัพธ์นี้ หลังจากเจ็บปวดจนยากจะทนรับชั่วคราวแล้ว เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว คิดจะปลอบโยนโห้หลีเฉิน เพื่อให้เขาได้สบายใจ
เธอเตรียมที่จะอ้าปากพูด เวลานั้นเอง ท่านอาวุโสผมสีเงินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับหัวเราะร่าขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ท่ามกลางบรรยากาศทั้งกดดันและหดหู่ เสียงหัวเราะของเขาดังสะท้อนไปทั่ว จนแสบแก้วหู
เขาพูดอย่างเยาะเย้ยถากถาง “เป็นหมันจริงๆ! โห้หลีเฉิน แกพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลับมา แต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงสภาพร่างกายของตนเองได้ ชีวิตนี้ได้กำหนดไว้แล้วว่าไม่มีวาสนาจะได้เป็นผู้นำของตระกูลหยู! แกทำได้แค่ยอมรับการลงโทษ เป็นคนไร้ค่าไปทั้งชีวิต”
ส่วนหยูซือห้าน ในที่สุดก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว
ภายใต้ความรู้สึกดีใจและความยินดี ท่านอาวุโสใหญ่เลยไม่ได้คิดให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินเรื่องที่เย้นโม่หลินกับป่ายฉีวางแผนจะช่วยโกหกให้โห้หลีเฉิน เวลานี้กลับไม่ได้โกหกหลอกลวง ตกลงว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่