สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 639 วาสนามีฟ้าคอยกำหนด
อยู่ตรงหน้าเขา เธอไม่ควรทำตัวเหมือนปลากระดี่ได้น้ำเลย
เขาเห็นแล้วจะต้องรู้สึกเกลียดมากๆอีกแน่เลย
กู้จื่อเฟยรีบเก็บรอยยิ้มไว้ แววตาเปลี่ยนมามืดมนอีก เธอนั่งอยู่บนที่นั่ง ก้มหน้าไว้อย่างเก้งก้าง
ดูแล้วเหมือนหมาน้อยที่ท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก
แต่ทั้งตัวกลับมีความห่างเหินที่เด่นชัดฟุ้งกระจายอยู่
เย้นโม่หลินรู้สึกอึดอัดใจมาก หงุดหงิดจนอยากพูดอะไรหน่อย แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรเลย
กู้จื่อเฟยที่เป็นแบบนี้ทำให้เขาจนปัญญาสุดๆ เขายิ่งไม่รู้ควรจะเข้าใกล้เธอยังไง
“พี่ เป็นอะไรคะ?”
เย้นหว่านขึ้นเครื่องตามมาทีหลัง รู้สึกได้อย่างแหลมคมว่าบรรยากาศบนเครื่องผิดปกตินิดหน่อย
เย้นโม่หลินอึ้งเล็กน้อย จากนั้นได้เก็บอารมณ์ไว้ในทันที และพูดอย่างเฉยเมย “เปล่า ไม่มีอะไร”
ระหว่างพูด เขาก็ได้นั่งลงมายังที่นั่งที่อยู่แถวนั้น เป็นที่ที่ไกลจากกู้จื่อเฟยที่สุด
เย้นหว่านมองเย้นโม่หลิน จากนั้นได้หันไปมองกู้จื่อเฟยอีก สุดท้ายได้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เขาสองคนเป็นไปไม่ได้แล้วจริงๆเหรอ?
แค่คิดก็รู้สึกเศร้าแล้ว
“วาสนามีฟ้ากำหนด คุณอย่ากังวลเลย”
ฝ่ามือใหญ่ของโห้หลีเฉินกดไหล่ของเย้นหว่านไว้ เสียงทุ้มต่ำคอยพูดอยู่ข้างหูเธอ
วาสนามีฟ้ากำหนดเหรอ?
จะสามารถอยู่ด้วยกันหรือเปล่า หรือว่าถูกกำหนดว่าไร้วาสนาต่อกัน มันก็เป็นโชคชะตาของเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยแล้ว
คนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
เย้นหว่านเข้าใจเหตุผลนี้ดี จึงได้พยักหน้าอย่างจนปัญญา
แล้วแต่วาสนาเถอะ
เฮลิคอปเตอร์บินไปยังตระกูลเย้นโดยตรง
เฮลิคอปเตอร์ของกู้ซึงมาถึงก่อนพวกเขาก้าวหนึ่ง เย้นหว่านถึงบ้านก็ได้รับข่าวดีนี้เลย ทันใดนั้นเธอกับกู้จื่อเฟยได้วิ่งไปที่ลานบ้านของเย้นหว่าน ไปหากู้ซึงแล้ว
ผู้หญิงทั้งสองสีหน้าตื่นเต้นและดีอกดีใจ ได้จูงมือกันวิ่งไปแล้ว
ทิ้งให้ผู้ชายอกสามศอกสองคนยืนอยู่สนามหญ้า เส้นผมถูกสายลมพัดจนยุ่งเหยิง
โห้หลีเฉินมองเงาของเย้นหว่านด้วยสายตาลถ่มลึก สีหน้าแววตาเศร้าหมอง
เย้นโม่หลินมองเขา แล้วพูดหยอกล้อ “อิจฉาเหรอ?”
โห้หลีเฉิน “……”
เขาเม้มริมฝีปากที่สวยงามไว้ ไม่คิดจะตอบคำถาม
เย้นโม่หลินได้พูดต่ออีก “ว่าไปแล้ว ตอนแรกครอบครัวเราก็รู้สึกชอบกู้ซึงแล้ว ถ้าเป็นกู้ซึง พวกเราต่างก็สนับสนุนให้เขาแต่งงานกับเย้นหว่าน”
แววตาของโห้หลีเฉินอ่อนไหวเล็กน้อย ทีนี้ถึงหันไปมองเย้นโม่หลิน เขาพูดอย่างชิวๆ “ชอบกู้ซึง?”
“คนที่เข้ากับเย้นหว่าน ชนะฝีมือการยิงปืนและแข่งรถกับหยูซือห้านคือฉันนะ”
มุมปากของโห้หลีเฉินเผยรอยยิ้มออกมา
สีหน้าของเย้นโม่หลินกลับหมอง ตอนนั้นเขาหยั่งความคิดเห็นของโห้หลีเฉิน มาจนถึงตอนหลังที่เห็นกู้ซึงเข้าตา ทั้งกระบวนการนั้น ที่จริงคนที่เข้าตาจริงๆคือโห้หลีเฉิน
ให้ตายสิ
เย้นโม่หลินหน้าหม่นหมอง และพูดอย่างแข็งกระด้าง “สุดท้ายนายก็ไม่ใช่กู้ซึง จะสามารถผ่านด่านของพ่อแม่เสี่ยวหว่านหรือเปล่าค่อยว่ากันเถอะ!”
พ่อแม่เอ็นดูเย้นหว่านขนาดนั้น ไม่มีทางให้อภัยโหเหลีเฉินง่ายดายขนาดนั้นหรอก
โห้หลียิ้มอย่างเรียบเฉย สีหน้าแววตาคือท่าทีที่อยากได้ต้องได้
เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยวิ่งจนกระหืดกระหอบ ในที่สุดก็วิ่งมาถึงห้องนอนของกู้ซึง
เขายังคงพักอยู่ที่ห้องนอนในลานของเย้นหว่านอีกเช่นเคย นาทีนี้กำลัง……
ตอนที่เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยเห็นสถานการณ์ในห้องชัดเจนแล้ว ทั้งสองต่างก็แข็งทื่อไว้ มุมปากกระตุกอย่างแรง
เห็นแค่กู้ซึงนอนอยู่บนเตียง หน้าผากมีผ้าก๊อซสีขาวพันอยู่ บนใบหน้าก็มีแผลเล็กๆอยู่สองแผล สีหน้าค่อนข้างซีด แต่แววตาท่าทางกลับมีความสุขได้ใจมาก แววตายิ่งแล้วใหญ่ได้เปล่งประกาย
สายตาเร่าร้อนของเขากำลังจ้องเสี่ยวฮวนที่ยืนอยู่ขอบเตียงด้วยสีหน้าลำบากใจ มือที่มีผ้าก๊อซพันไว้ครึ่งหนึ่งกำลังจูงมือของเสี่ยวฮวนไว้
โทนเสียงของเขาอ้อมค้อมและหยอกเย้า “นางฟ้าน้อย เส้นลายมือของเธอดีมาก ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะได้แต่งงานกับลูกคนรวย มือของเธอก็นุ่มมาก เกิดมาไม่ควรจะทำงานลำบากลำบนเลย ควรจะเป็นคุณหญิงคุณนายคอยเสพสุขถึงจะถูก……”
เย้นหว่าน “……”
กู้จื่อเฟย “……”
เพราะฉะนั้น กู้ซึงนี่คือกำลังหยอกเย้าแม่บ้านหญิง แต๊ะอั๋งเสี่ยวฮวนอยู่เหรอ?
จิตใจของเขาช่างกว้างเหือนแม่น้ำเลยจริงๆนะ
“กู้ซึง นายพอได้แล้ว! อย่าโปรยเสน่ห์ไปทั่ว และอย่ารังแกเสี่ยวฮวนเลย”
กู้จื่อเฟยตะคอกอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
ตอนที่เป็นสันดานของกู้ซึงแล้ว ความกังวลและความร้อนรนทั้งหมดได้กลายเป็นความรังเกียจอย่างสิ้นเชิง
ทีนี้กู้ซึงถึงสังเกตเห็นว่ามีคนมาแล้ว เขามองไปตามเสียง ตอนที่เห็นเย้นหว่าน แววตาได้กระตุกอย่างแรง
แววตาของเขามีความซับซ้อนแว็บผ่าน แต่ไม่นานก็ได้ซ่อนเร้นไว้
เขาฉีกมุมปากแล้วยิ้ม “ฉันถูกขังมานานขนาดนั้น ไม่ได้เห็นผู้หญิงแม้แต่คนเดียว ตอนนี้อุตส่าห์ออกมาได้ ก็ต้องรีบกินอาหารคาวหน่อยสิ”
ระหว่างพูด เขาก็ได้จับมือของเสี่ยวฮวนอีก และพูดเหลาะแหละ “เสี่ยวฮวนฮวน เธอเองก็ยินยอมให้ฉันดูเส้นลายมือใช่มั้ย?”
ก่อนหน้านี้ยังบอกจะใช้ผู้หญิงเป็นอาหารคาวอยู่เลย ตอนนี้ก็พูดสวยหรูว่าดูเส้นลายมือแล้ว เห็นเธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง?
เสี่ยวฮวนเหนื่อยใจจริงๆ
เธอฝืนยิ้มพร้อมพยักหน้า “ใช่ค่ะ ใช่”
จากนั้น ดวงตาแวววาวได้กะพริบตาปริบๆ มองไปขอความช่วยเหลือจากเย้นหว่าน
คุณหนูช่วยด้วยค่ะ ที่นี่มีอันธพาล
เย้นหว่านเพ่งมองกู้ซึง มองรอยยิ้มเหลาะแหละบนใบหน้าเขา แล้วมองผ้าก๊อซที่พันอยู่บนศีรษะเขา บนตัวสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย
แววตาเธอระยิบระยับ เดินไปหากู้ซึงด้วยฝีเท้าที่เชื่องช้ามาก
เสียงเบาๆออกมาจากปาก “คุณลำบากทนทุกข์แล้วค่ะ”
กู้ซึงแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง แววตาระยิบระยับ ต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ขี้เล่น “คุณสงสารผมใช่มั้ย? ถ้าสงสารจริงๆ งั้นก็มอบเสี่ยวฮวนฮวนให้ผมเถอะ ผมชอบเด็กคนนี้มาก”
เสี่ยวฮวนได้ยินคำพูดนี้แล้วตกใจจนหน้าซีด รีบขัดขืนออกจากมือของกู้ซึงแล้วหลบไปที่ด้านหลังของเย้นหว่าน
“คุณหนูคะ หนูเป็นคนของคุณหนู หนูจะปรนนิบัติคุณหนูทั้งชีวิตน๊า หนูไม่อยากไปจากคุณหนูค่ะ!”
เธออ้อนวอนด้วยความตื่นเต้น จับแขนเสื้อของเย้นหว่านไว้อย่างหวาดกลัว
กลัวเย้นหว่านจะมอบเธอให้กู้ซึงจริงๆ
ไม่ใช่รู้สึกว่ากู้ซึงแย่ แต่ฐานะอย่างเธอไม่กล้าเพ้อฝันว่าอีกากลายเป็นหงส์ แต่งงานเข้าบ้านกู้ซึงเป็นคุณหญิงคุณนายหรอก
เธอถูกมอบออกไป มากสุดก็เป็นแค่แฟนเก็บของคนอื่นตลอดชีวิต
เสี่ยวฮวนยอมเป็นคนรับใช้ทั้งชีวิต ก็จะไม่ทำตัวต่ำขนาดนั้นหรอก
เย้นหว่านมองเสี่ยวฮวนที่หน้าตาตื่นตกใจแล้วค่อนข้างจนปัญญา เธอพูดว่า “เขาแค่ล้อเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะเอาเธอไปจริงๆหรอก เธอออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวมีธุระแล้วค่อยเรียกเธอ”
“ค่ะ โอเคค่ะ”
เสี่ยวฮวนเหมือนถูกนิรโทษกรรม ได้วิ่งออกไปอย่างไว
กู้ซึงมองเย้นหว่านอย่างคับแค้นใจ “เสี่ยวหว่าน คุณปล่อยภรรยาผมหนีไป เตรียมจะชดใช้ผมยังไง?”
มองหน้าตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของกู้ซึง ในใจเย้นหว่านบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
เธอเดาได้ไม่ยาก กู้ซึงแกล้งทำหน้าแบบนี้ออกมา เผยสีหน้ารื่นรมย์และผ่อนคลายออกมา ก็เพื่อปกปิดความทุกข์ทรมานที่เขาได้รับก่อนหน้านี้
เย้นหว่านอยากถามเขามาก ว่าถูกหยูซือห้านปฏิบัติอย่างไง อยากเห็นกับตาว่าเขาได้บาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง
แต่มองรอยยิ้มที่ทะเล้นของกู้ซึงแล้ว เสียงของเธอติดอยู่ในลำคอ ยังไงก็พูดไม่ออก
เขาไม่อยากพูด เธอยิ่งไม่อยากให้เขาลำบากใจ เปิดแผลใจของเขาออก