สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 643 ต้องการอะไรนะ
บทที่ 643 ต้องการอะไรนะ
ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ของโห้หลีเฉิน ยิ่งต้องไปสถานที่อันตราย แต่เธอกลับมานั่งรอคอยอยู่ที่บ้านเฉยๆ อย่างสบายใจเฉิบ ให้เธอคิดยังไงเธอก็ลำบากใจอยู่ดี
ทำไม่ได้อยู่แล้ว
เธออยู่บ้านต้องบ้าไปแน่ๆ
สายตาของเย้นหว่านทอประกาย ผ่านไปชั่วครู่ เธอได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรงๆ จากนั้นก็กอดแขนของโห้หลีเฉินให้อยู่ในอ้อมอกทันที
เธอได้แต่กัดฟันพูด “ฉันไม่มีทางเป็นตัวถ่วงของพวกคุณแน่นอน! ฉันจะดูแลตนเองให้ดี!”
เย้นโม่หลินได้แต่ขมวดคิ้ว “เสี่ยวหว่าน ….”
“ฉันไม่ให้โห้หลีเฉินออกไปเผชิญหน้ากับอันตรายคนเดียวแน่ ทำเช่นนั้นมันก็คือเป็นการฆ่าตัวฉันเองด้วย! ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันต้องไป พวกคุณทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!”
เย้นหว่านกัดฟันพูดทีละคำ พูดออกมาได้อย่างหนักแน่นเต็มเปี่ยม
เธอกอดแขนของโห้หลีเฉินเอาไว้แน่น ทำท่าหวาดกลัวเหมือนของจะหายไปเช่นนั้น จนแสดงอาการกระวนกระวายจนไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
แววตาโห้หลีเฉินเคร่งขรึมลง แถมยังมีความรู้ปวดใจและสับสนตอนมองมาที่เย้นหว่าน
ฝ่ามือใหญ่ของเขาตบมือเล็กๆ ของเธอ พร้อมทั้งพูดปลอบใจอย่างอบอุ่น
“เรื่องนี้กลับมาแล้วค่อยคุยกัน ผมขอจัดคนไปดูทางก่อน เรื่องรถก็ต้องพัฒนาระบบให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก จนสามารถแน่ชัดว่าสถานการณ์สามารถทำให้คุณปลอดภัย แล้วผมจะพาคุณไปด้วย”
ความหมายคือ ถ้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าปลอดภัย แล้วมันยังอันตรายมากเป็นพิเศษ เขาก็จะไม่พาเธอไป
จากนั้นตนเองก็จะไปเผชิญหน้ากับความอันตรายงั้นเหรอ?
ในใจของเย้นหว่านหวาดหวั่นมากเป็นพิเศษ เบ้าตาแรงร้อนผ่าวเล็กน้อย สถานที่อันตรายขนาดนั้น จะให้เธอยืนมองอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้ไปแบบนั้นเหรอ?
เธอไม่อยากให้เขาไปจริงๆแล้ว ทว่าการไปประเทศเล็กๆ อย่างประเทศเบียนหนานนั้น มันเป็นเพียงโอกาสเดียวที่สามารถทำให้โห้หลีเฉินมีชีวิตรอด
เย้นหว่านกัดฟันเอาไว้ พร้อมทั้งพูดอย่างหนักแน่น “โห้หลีเฉิน คุณเคยตกลงกับฉันไว้แล้ว ว่าจะให้ฉันไปหาตัวยากับคุณด้วย คุณอย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะ”
“ฉันเชื่อว่าคุณต้องจัดการเตรียมตัวทุกอย่างได้อย่างปลอดภัยดี ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น สามารถดูแลความปลอดภัยของทุกคนด้วยเช่นกัน”
โห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่านที่แววตาน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งอาการพยายามกลั้นอาการร้องไห้เอาไว้ จนเขาเจ็บปวดใจอย่างแรง
เขาอยากให้เธอมีชีวิตที่มีความสุขและสุขสงบที่สุด แต่มันยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวและคอยกังวลมากมายถึงเพียงนี้
เขาเม้มริมฝีปากบาง พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตกลง ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
พยายาม ในสถานการณ์ยามนี้ มันเป็นคำสัญญาที่มีขีดจำกัดที่สุดแล้ว
ในใจของเย้นหว่านก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เช่นเดิม แต่ก็ไม่อาจจะไปขอร้องให้เขาให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
เธอได้แค่รอคอย รอคอยให้โห้หลีเฉินจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว และก็ทำให้เธอสามารถไปด้วยได้
ทว่าในใจของเธอนั้นทั้งหวาดกลัวทั้งสับสน กลัวว่าเขาแค่พูดออกมาจากปากเท่านั้น เพื่อเป็นการจงใจไม่ให้เธอไป
ป่ายฉีใช้สายตาอันสับสนจ้องมองเย้นหว่าน จากนั้นก็เปิดปากพูดทันที
“โห้หลีเฉิน ทั้งๆ ที่นายรู้สภาพตอนเข้าไปในประเทศเล็กๆ ของประเทศเบียนหนานงั้นก็แชร์พวกเอกสารสักหน่อย ฉันกับคุณชายเย้นก็จะพยายามช่วยจัดการ”
หยุดไปชั่วครู่ จากนั้นป่ายฉีก็หันไปมองเย้นหว่าน พร้อมทั้งพูดทันที “ตลอดการเดินทาง ถ้าพาเสี่ยวหว่านไปได้ ก็พาตัวเธอไปด้วยกัน”
เย้นโม่หลินหันไปมองป่ายฉีด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย ท่ามกลางสถานการณ์อันตรายขนาดนั้น การที่เย้นหว่านไม่ไปนั้นถือว่าดีที่สุดแล้ว แล้วทำไมเขาถึงเห็นด้วยที่ให้เย้นหว่านไปด้วยล่ะ?
โห้หลีเฉินกวาดตามองป่ายฉีเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่
จากนั้นก็ตอบรับทันที “ตกลง”
เมื่อสิ้นเสียง โห้หลีเฉินก็โทรศัพท์ออกไป เพื่อให้คนส่งเอกสารให้
ไม่นานนัก เอกสารก็ถูกส่งมา
โห้หลีเฉิน เย้นโม่หลิน ป่ายฉี ทั้งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน พร้อมทั้งพูดคุยและวิจัยเรื่องเอกสารข้อมูลอันน่าสับสนพวกนั้นทั้งๆ ที่เย้นหว่านอ่านไม่ออกด้วยซ้ำ
เย้นหว่านมีใจอยากที่จะเข้าร่วมด้วย แต่ดูก็ไม่ออกฟังก็ไม่เข้าใจ ทำได้แค่ยืนมองคนสามคนพูดพร่ำเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นไปเรื่อยทั้งๆ ที่มันเป็นคำศัพท์เฉพาะทางที่เธอฟังไม่เข้าใจ
ทั้งการจัดการ ทั้งการติดตั้ง ….
ตอนแรกเย้นหว่านก็ฝืนตั้งใจฟัง แต่พอตอนหลัง ยิ่งฟังก็ยิ่งเหนื่อยล้าเต็มทน จนสุดท้ายทนไม่ไหวแล้วก็นั่งฟุบหลับอยู่บนโซฟา
ผ่านไปนานพอควร น้ำเสียงที่สามหนุ่มพูดคุยกัน ก็หยุดลงทันที
แววตาของพวกเขาจ้องมองเย้นหว่านอย่างสับสน
เย้นโม่หลินสีหน้าท่าทางดูเคร่งขรึม ขมวดหัวคิ้วพร้อมทั้งพูดต่อ “ถนนมันอันตราย แม้ว่าเราจะจัดการได้อย่างเหมาะสมสักเท่าไหร่ ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้”
ส่วนเขา ไม่อนุญาตให้เย้นหว่านเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นแม้แต่ปลายก้อย
แววตาโห้หลีเฉินจ้องมองเย้นหว่านอย่างเคร่งขรึม รัศมีที่แผ่ออกมาจากร่างกายดูเคร่งขรึมมาก
เย้นโม่หลินเริ่มพูดต่อ “โห้หลีเฉิน แกวางแผนไว้ว่าอย่างไร?”
ที่เขาพูดถือว่ายังไม่ลงความเห็น ว่าท้ายที่สุดแล้วจะพาเย้นหว่านไปไหม เพราะนั่นเป็นการตัดสินใจของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง ผ่านไปชั่วครู่ ถึงได้อ้าปากพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ฉันจะพยายามลองดูอีกครั้ง ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จะให้เย้นหว่านรออยู่ที่บ้าน”
แม้ว่าจะโดนเธอโทษเป็นฟืนเป็นไฟก็ตามที แต่ว่าเขาก็ไม่อาจให้เธอตกอยู่ในอันตรายได้
สีหน้าของเย้นโม่หลินถึงได้ดูดีขึ้นมาหน่อย
ทว่าป่ายฉีขมวดคิ้วแน่น พลันพูด “ไม่พาเสี่ยวหว่านไปด้วย คงต้องวุ่นวายกันไปใหญ่”
เย้นโม่หลินสงสัย “หมายความว่ายังไง?”
ป่ายฉีมองมาที่โห้หลีเฉิน และก็หันมามองเย้นโม่หลิน หลังจากสงสัยไปชั่วครู่ ถึงได้เอ่ยปากพูด
“อาการป่วยของโห้หลีเฉินที่เกิดขึ้นสองโรคที่กำลังสลับสับเปลี่ยนในเวลานี้ ทว่าตอนนี้ปรับสภาพอยู่ในระดับปกติ ยังมีเหตุผลที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือก่อนหน้าที่อาการโรคจะกำเริบ มันได้เกี่ยวข้องกับเสี่ยวหว่านแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ เย้นโม่หลินทำหน้าเขียวปั๊ดทันที
ราวกับไม่ได้คิดอะไรเลย เขาคว้าคอเสื้อของโห้หลีเฉินเอาไว้ พร้อมทั้งง้างหมัดจะต่อยหน้าโห้หลีเฉิน
เขาโมโหจัดพลางพูดว่า “ไอ้เวร แกกล้าทำเรื่องพรรค์นั้นกับเสี่ยวหว่าน!”
ก่อนหน้านี้ เขาก็รู้ว่าโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านได้เสียกันมาตั้งหลายครั้ง แต่รู้ว่า โห้หลีเฉินกลับไม่เคยแตะต้องเย้นหว่านจริงๆ สักครั้ง
อาจจะเป็นเพราะว่าหลังจากที่โห้หลีเฉินได้รับบาดเจ็บแล้ว เลยไม่มั่นใจว่ามันใช้งานได้ไหม ก็เลยรู้สึกว่าตนเองต้องรักษาระยะห่างจากเย้นหว่านไว้
ทว่าไม่คิดเลยว่า โห้หลีเฉินจัดการกินเย้นหว่านไปตั้งแต่แรกแล้ว!
สีหน้าโห้หลีเฉินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ต้องปฏิเสธกับการที่เย้นโม่หลินเลยคว้าตนเองเอาไว้
เขาทำเสียงเข้มพลางพูดว่า “ฉันจะรับผิดชอบเธอเอง”
เย้นโม่หลินปะทุอารมณ์โกรธ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบกันแล้ว? ตอนนี้เขาก็เหมือนคนไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายวันไหน และยังไม่สามารถแน่ชัดได้ว่าจะสามารถรับผิดชอบได้ถึงขั้นไหน
“สมควรตายซะ! ถ้าไม่ใช่ว่ากลัวว่าเย้นหว่านเห็นแล้วจะปวดใจไป วันนี้ฉันคงฆ่าแกให้ตายห่าไปแล้ว”
เย้นโม่หลินโมโหจนกัดฟันแน่น ท่ามกลางความอดทนอดกลั้น ถึงได้ลดกำปั้นที่ชูตระหง่านลง
เขายอมปล่อยคอเสื้อโห้หลีเฉินลง จากนั้นก็หันมาพูดกับป่ายฉีอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
“พูดต่อ”
เมื่ออยู่ดีๆ เอ่ยถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านแล้ว ก็ต้องมีเนื้อหาต่อ
นัยน์ตาป่ายฉีทอประกายตอนที่จ้องมองเย้นโม่หลินที่ใกล้จะระเบิดเต็มที จากนั้นก็ถอยไปด้านหลังหลายก้าว พร้อมทั้งเว้นระยะห่างจากเขาอย่างปลอดภัย
เขากระวนกระวายมาก จากนั้นก็พูดต่อ คนที่ไม่ให้เย้นโม่หลินทำร้ายโห้หลีเฉิน ก็คงต้องทำร้ายเขาแน่ๆ
เย้นโม่หลินจ้องมองปฏิกิริยาของป่ายฉี ดวงตาเหล่ตามองอย่างอันตราย
“ป่ายฉี ถ้าแกกล้าพูดหาเรื่องอยากจะตาย ก็หุบปากไปซะ”
มุมปากป่ายฉีกระตุกขึ้น
เขารู้สึกว่าชีวิตตกอยู่ในอันตราย
ทว่าคำพูดนี้ก็ไม่พูดก็ไม่ได้อีก…
เขาเดินก้าวถอยหลังไปสองก้าว พร้อมทั้งพูดออกมาเร็วจี๋อย่างกับจรวด
“เวลาไม่มากพอแล้ว โรคของโห้หลีเฉินสามารถกำเริบได้ทุกเมื่อ อาการกำเริบออกมาแต่ละครั้งมันทั้งเจ็บปวดเจียนตาย ประเด็นหลักกว่านั้นคือมันจะทำให้ชีวิตของเขาที่มีอยู่ไม่เยอะลดน้อยถอยลงไปอีก”
“ถ้าอาการกำเริบสามถึงสี่ครั้งติด เขาก็จะตายทันที”
“แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไขได้ ก็คือต้อง ….”
ป่ายฉีใช้สายตาทอประกายจ้องมองมาที่เย้นโม่หลิน พลางกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมทั้งพูดเสียงอ่อย
“ต้องนอนกับเสี่ยวหว่าน จึงสามารถควบคุมอาการของโรคได้”