สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 648 ต้องการแค่เย้นหว่านเท่านั้น
บทที่ 648 ต้องการแค่เย้นหว่านเท่านั้น
ตอนที่กงจืออวีวางยานั้น ก็ไม่ได้เหลือช่องทางหนีได้เลย
เธอได้สรุปแล้วว่าโห้หลีเฉินกินยานี้เข้าไปแล้วก็จะไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจทนจนต้องมีอะไรกับเย้นโน่
เรื่องเป็นไปเช่นนี้ ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์เป็นไปตามที่วางไว้
สีหน้าของโห้หลีเฉินเคร่งขรึมทันที
ตอนที่ดื่มไวน์กันอยู่นั้น เขาก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าไวน์แก้วนี้ไม่ใช่ไวน์ธรรมดาทั่วไป แต่ไม่คิดเลยว่ากงจืออวีจะลงมือถึงขั้นเด็ดขาดขนาดนี้ ไม่แก้พิษก็เท่ากับตาย?
ถ้าเขายังคงดื้อด้านที่จะอยู่กับเย้นหว่านอีก งั้นกงจืออวีก็ยินยอมที่จะเอาชีวิตของเขา
ไม่เสียแรงเลยที่เป็นนายหญิงผู้ทรงอำนาจของตระกูลเย้น วิธีการช่างโหดร้ายทารุณมาก
“หลีเฉิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรื่องพรหมลิขิตวาสนาของคุณกับเย้นหว่านก็เป็นไปไม่ได้ คุณอย่าทำให้ตนเองลำบากไปเลย ให้ฉันได้ช่วยคุณเถอะนะ….”
เย้นโน่ลุกขึ้นจากโซฟา ด้วยสีหน้าท่าทางอันงดงาม และเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของโห้หลีเฉิน
เธอยกมือขึ้น พลางสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา
ช่างเย็นเหลือเกิน
ราวกับท่ามกลางในทะเลเพลิงนั้น พลันผุดภูเขาน้ำแข็งขึ้น จนทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก
เขาถูกวางยา เธอเป็นยาแก้พิษที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
น้ำเสียงของเย้นโน่อ่อนโยนดั่งน้ำไหลริน งดงามราวกับนางปีศาจ
“ยอมรับฉัน ก็จะสบายตัวขึ้นแล้ว ….”
ยามเมื่อถูกย่างอยู่ท่ามกลางกองเพลิง ในเวลานี้ คำว่าสบายนั้น มันช่างชวนหลงใหลเช่นนี้
แววตาของโห้หลีเฉินทอประกายเล็กน้อย พร้อมทั้งมีอาการพร่ามัวเล็ดลอดออกมา
สติสัมปชัญญะ ใกล้จะขาดลงทุกที
เย้นโน่เดินหน้าต่อไม่ยอมลดละ จากนั้นก็เอาร่างกายที่แต่งตัววาบหวาม แนบชิดกับโห้หลีเฉิน
“เอาฉันเถอะนะ”
เอาฉัน
ร่างกายเริ่มจะควบคุมไม่อยู่แล้ว พลันมีอาการกระตุ้นตั้งแต่แรก จนทำให้เบ้าตาของโห้หลีเฉินแดงฉาน
ในใจนั้น มีแต่ความรังเกียจไปทั่ว
แถมขยะแขยง
เขาพยายามอยู่ให้ไกลกับผู้หญิงประเภทนี้ นอกจากเย้นหว่าน
“เชอะ ก็แค่ตายเท่านั้นเอง”
โห้หลีเฉินเดินถอยหลังอย่างแรงๆ ฝีเท้าแข็งทื่อ แค่สีหน้าท่าทางนั้นมาดมั่นเต็มเปี่ยม
เขาเดินถอยหลังไปทีละก้าว เพื่อจะได้เว้นระยะให้ห่างจากเย้นโน่
“ไปบอกกงจืออวีด้วยนะ เย้นหว่านเป็นลูกสาวของเธอ ถ้าเธอไม่เห็นด้วย ฉันก็จะไม่แย่งตัวไปจากเธอ เพราะว่าฉันรักเย้นหว่าน ที่ฉันมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะว่าเย้นหว่าน ไม่งั้น ก็เอาชีวิตของฉันไปเลย เพื่อจะได้จบๆ กันไป”
เมื่อพูดจบ โห้หลีเฉินก็เปิดประตูห้องน้ำ จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในทันที
จากนั้น ก็มีเสียงล็อกประตูดัง “คลิก”
เย้นโน่ได้สติทันที พร้อมทั้งรีบตามไป ทว่าจะดื้อรั้นใช้เรี่ยวแรงขนาดไหนไม่สามารถเปิดประตูห้องน้ำได้
เวลานั้นเอง เธอก็เริ่มกระวนกระวายแล้ว
เธอเคาะประตูอย่างร้อนรน พร้อมทั้งตะโกนเสียงดัง
“โห้หลีเฉิน คุณอย่าทำอย่างนั้นเลย คุณรีบออกมาเถอะ แรงของยาในร่างกายของคุณมันยิ่งทวีคูณแรงขึ้นเรื่อยๆ จนคุณจะรับสภาพไม่ไหว”
ประตูห้องน้ำที่ถูกปิดตายอยู่นั้นไม่มีการขยับเขยื้อนแม้สักนิด จากนั้น ด้านในพลันมีเสียงน้ำไหลลงมา
อาจจะเป็นเพราะ โห้หลีเฉินใช้น้ำเย็นอาบ
เย้นโน่ไม่อาจรับความพ่ายแพ้ได้ ในใจยิ่งร้อนรนมากขึ้น
ยาชนิดนี้รุนแรงมาก ก่อนหน้านี้กงจืออวีก็เคยพูดให้เธอฟังแล้ว
การใช้น้ำเย็นนั้นไม่ได้เกิดผลดีแต่อย่างใด มากที่สุด ก็แค่รักษาสติสัมปชัญญะของเขาไว้ได้สักพัก
“โห้หลีเฉิน รีบเปิดประตูสิ การที่คุณอดกลั้นเอาไว้ มันจะทำร้ายร่างกายของคุณ อีกเดี๋ยวยามันจะแรงมากกว่าเดิม คุณก็จะทนไม่ไหว จนสิ้นสติสัมปชัญญะ แล้วคุณก็จะออกมาหาฉันแต่โดยดี แล้วทำไมตอนนี้คุณต้องมาทรมานตนเองด้วยล่ะ?”
เย้นโน่พยายามตะโกนเรียกอย่างรีบร้อน เพราะกลัวว่าร่างกายของโห้หลีเฉินจะหมดสิ้นสภาพแล้วจากไป
เพราะว่านี่คือว่าที่สามีของเธอในอนาคต!
โห้หลีเฉินแทบไม่ได้สนใจเธอสักนิด
ในห้องน้ำนั้น มีเสียงสายน้ำที่ไหลรินไม่ขาดสาย
พร้อมทั้งให้เย้นโน่แหกประตะโกน เคาะประตูอยู่ด้านนอกไปเรื่อย เขาก็ไม่เปิดประตูสักนิด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมของเย้นโน่ที่รอให้โห้หลีเฉินออกมานั้น ยิ่งรอนานเข้า ความมั่นใจของเธอก็ยิ่งหมดหวังเรื่อยๆ
เพราะว่าโห้หลีเฉินไม่ยอมออกมา
เมื่อมองเวลาแล้ว ผ่านไปสองชั่วโมงครึ่งแล้ว
ยาชนิดนี้ถ้าผ่านไปสามชั่วโมงยังไม่ได้แก้พิษ โห้หลีเฉินก็คงต้องตายแน่นอน
สีหน้าของเย้นโน่เปลี่ยนไปทันที พร้อมทั้งความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง แม้ว่าเธอจะแหกปากตะโกนจนเสียงหายก็ตาม ในห้องน้ำก็มีแต่เสียงน้ำไหล ดังออกมานอกห้อง
ตกลงว่าโห้หลีเฉินเป็นหรือตาย หรืออยู่ในสภาพไหน ก็ไม่รู้ทั้งสิ้น
หรือว่า บางที การที่เขาใช้น้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิลง จนทำให้ตนเองตัวแข็งตายไปแล้ว?
เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายแค่คนเดียวจะมีความสามารถในการอดทนอดกลั้นจนสามารถควบคุมฤทธิ์ยาอันแรงกล้าตัวนี้ได้
“โห้หลีเฉิน โห้หลีเฉิน! คุณเป็นอย่างไรบ้าง คุณตอบฉันกลับมาสักหน่อยได้ไหม”
เย้นโน่พยายามเคาะประตู และชนประตู
แต่ก็ไม่มีผลอะไรสักอย่าง
ใจเธอเริ่มกระวนกระวายหนักกว่าเก่า
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับโห้หลีเฉินจริงๆ และสาเหตุเป็นเพราะเธอ เย้นหว่านคงไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคุณหนูในตระกูลเย้นก็ตามที แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าคุณหนูของนายหญิงได้
เย้นโน่เริ่มกระวนกระวายจริงๆ
ขาทั้งสองข้างของเธอเริ่มอ่อนระทวย พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ “คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ ฉันจะไปเรียกให้คนมาช่วยคุณเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปเรียกคนมาเดี๋ยวนี้ คุณอดทนเอาไว้นะ”
พูดไป เย้นโน่ก็วิ่งออกไปด้านนอก
โห้หลีเฉินใช้น้ำเสียงแหบพร่าพูดออกมาจนดังออกมาด้านนอก “ถ้าคุณกล้าไปเรียกคนมา ฉันจะฆ่าคุณก่อน”
ฝีเท้าของเย้นโน่หยุดทันที
โห้หลีเฉินยังไม่ตาย!
แต่เธอก็ไม่ทันได้ดีใจอะไรมาก พร้อมทั้งรีบวิ่งมาตรงด้านหน้าประตูห้องน้ำทันที
พร้อมทั้งพูดอย่างรีบร้อน “โห้หลีเฉิน คุณไม่ได้เป็นอะไรแล้ว งั้นรีบเปิดประตูเถอะ ตอนนี้มันสองชั่วโมงครึ่งแล้ว อีกสักเดี๋ยว ระบบร่างกายของคุณก็จะล้มเหลวแล้ว”
“ฉันพูดแล้ว ยอมตาย”
คำพูดของโห้หลีเฉินเน้นทุกคำ พร้อมทั้งมุ่งมั่นอย่างไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
ถ้าเย้นโน่ไปเรียกคนมา ก็จะช่วยกันพังประตูเข้ามา เขาก็คงหมดหนทางในการต่อสู้แล้ว จนไม่สามารถรู้ว่าจะถูกให้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยตอนนี้ เขายังสามารถอดทนจนวินาทีสุดท้าย
เย้นโน่ตกใจจนหน้าซีดเผือด พลันลื่นไถลนั่งกองอยู่กับพื้น
เธอพูดสะอึกสะอื้น “คุณยอมตาย แต่ไม่ยอมที่จะแตะต้องตัวฉันเหรอ? ฉันมันต่ำต้อยขนาดนั้นเลยจนทำให้คุณรังเกียจฉันถึงเพียงนี้?”
“คุณจะเป็นอย่างไร มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินเบามากเต็มที ในน้ำเสียงแหบพร่านั้นสั่นเทาไม่หยุด “ไม่ใช่เย้นหว่าน ฉันไม่ต้องการ”
เย้นโน่นอนพาดอยู่ที่พื้น ใบหน้าซีดเผือด
และก็ไม่มีความกล้าหาญที่จะดื้อด้านอีก
เธอยิ้มไปร้องไห้ไปด้วย “แค่ว่าคุณไม่ได้ตัวเย้นหว่าน คุณก็จะตาย คุณก็จะตาย มันคุ้มไหมล่ะ?”
คุ้มไหมล่ะ?
ในห้องน้ำ ไม่มีเสียงตอบรับใด มีแต่เสียงน้ำไหลซู่ซ่าไม่ขาดสาย
ความเงียบงัน เหมือนเป็นคำตอบที่หนักแน่นที่สุดแล้ว
คุ้ม
——
“ว๊าย!”
เย้นหว่านฝันร้าย พร้อมทั้งเบิกตาโต
หน้าผากของเธอผุดเม็ดเหงื่อเย็นๆ ออกมาเต็มไปทั่ว ใบหน้าซีดเผือด สีหน้าท่าทางตกใจอยู่ตลอดเวลา
ผ่านไปชั่วครู่ สายตาของเธอถึงเรียกรวมตัวได้ เมื่อมองเห็นภาพเบื้องหน้าว่าคือฝ้าเพดานห้องแล้ว ถึงได้ค่อยๆ ดึงสติกลับได้
มันก็แค่ฝัน
“ตกใจแทบแย่”
เธอได้แต่ตบบริเวณหัวใจของตนเองที่เพิ่งผ่านพ้นความน่ากลัวนั้นมา สัญชาตญาณพลันยื่นมือออกไปกอดคนที่อยู่ข้างกาย
ทว่าเมื่อยื่นแขนออกไปแล้ว บริเวณด้านข้างมีแต่ความว่างเปล่า
แล้วคนล่ะ?
เย้นหว่านตะลึงไปชั่วครู่ พลันยื่นมือออกไปลูบคลำ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของผ้านวม
โห้หลีเฉินไม่อยู่
เธอตกใจจนตื่นจากอาการงัวเงียได้ทันที พร้อมทั้งลุกขึ้นนั่งจากนั้นก็ยืน พลันเปิดโคมไฟหัวเตียง พริบตาเดียวไฟก็สว่างไปทั่วทั้งห้อง
เธอจ้องมองด้านข้างกาย
ไม่มีคน
ในห้องก็ดูเวิ้งว้างว่างเปล่ามาก ไม่มีแม้แต่เงาของโห้หลีเฉิน
เมื่อมองเวลา นี่มันดึกมากแล้ว แล้วทำไมเขาไม่อยู่ในห้องล่ะ?
ในใจของเย้นหว่านนั้น พลันมีความรู้สึกไม่สบายใจผุดขึ้นมาอย่างแรงกล้า