สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 66 ทำเรื่องอะไรบางอย่าง
บทที่ 66 ทำเรื่องอะไรบางอย่าง
“ผมเชื่อเธอครับ”
โห้หลีเฉินพูดด้วยเสียงขรึม สี่พยางค์ง่ายๆ แต่กลับมีความแน่วแน่ในการปกป้อง
มองไปที่ชายหนุ่มข้างกายที่สูงเป็นสง่า เย้นหว่านดูเหมือนว่าพบที่พึ่งแล้ว อยู่ภายใต้ความเป็นปรปักษ์ของผู้คนมากมายอย่างนี้ ก็รู้สึกถึงความอุ่นใจ
กู้เฮ่อจูนอับอายขายหน้าจนแทบจะทนไม่ไหว กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
“แค่กแค่ก……”
ในตอนนี้เอง เสียงไออ่อนแรงส่งมาจากบนเตียง ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
“แม่ แม่ฟื้นแล้ว?”
เฝิงเสวียนหลันล้อมขึ้นไปด้วยความเป็นห่วงทันที ในใจก็คือพึงพอใจ
จูเหลียนอีงจะต้องโกรธแน่นอนเมื่อเห็นเย้นหว่าน เธอโมโหและขับไล่คน เย้นหว่านก็จะต้องออกไป แม้แต่เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ก็สามารถทำให้เป็นโมฆะได้
ถ้าอย่างนั้นโห้หลีเฉินก็จะต้องติดร่างแหด้วยเช่นกัน ลูกชายของเธอก็มีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากมันแล้ว
โห้หลีเฉินก็เดินไปที่ข้างเตียงทันที แล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย มีความนุ่มนวลในน้ำเสียงที่หาได้ยาก
“คุณยาย คุณยายรู้สึกยังไงบ้าง?”
เย้นหว่านยืนอยู่รอบนอก ไม่ได้เดินเข้าไปด้วย กำลังคิดอยู่ว่าจะต้องออกไปก่อนหรือไม่
ยังไงคุณยายโห้โกรธจนเป็นลมล้มพับก็เป็นเพราะเธอ แน่นอนว่าตอนนี้ก็คงไม่ต้องการพบเจอเธอ
เปลือกตาของจูเหลียนอีงขยับๆ แล้วถึงเปิดขึ้นช้าๆ
เธอมองโห้หลีเฉินไปมา แล้วเอ่ยปากถาม: “เสี่ยวหว่านล่ะ?”
โห้หลีเฉินยังไม่ทันตอบ กู้เฮ่อจูนก็พาคนสองคนไปล้อมอยู่รอบเตียง บังเย้นหว่านไว้อย่างพอดี
เขาพูดขึ้น: “เธอน่าจะอยู่ที่บ้านมั้ง แม่ แม่ก็อย่าเป็นห่วงจนโมโหเพราะเรื่องของเธอเลย”
“ไม่เป็นห่วงได้หรือ? หล่อนเป็นหลานสะใภ้ของฉัน”
จูเหลียนอีงกอบกุมมือของโห้หลีเฉิน มองไปที่เขา เอ่ยพูดคำสั่งสอนอย่างจริงใจ
“เฉิน เสี่ยวหว่านเป็นเด็กดีคนหนึ่ง หล่อนไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นแน่นอน เธอต้องเชื่อหล่อนนะ”
ได้ยินสิ่งที่คุณยายโห้พูด เย้นหว่านถึงกับตะลึง อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าสิ่งแรกที่คุณยายโห้ทำเมื่อตื่นขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าก็คือการปกป้องเธอ
เบ้าตาของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย ความอบอุ่นรินรดในจิตใจ
ความซับซ้อนพาดผ่านดวงตาของโห้หลีเฉิน เขากุมมือของจูเหลียนอีงเอาไว้ พยักหน้าหงึกๆ
“คุณยายสบายใจได้ ผมเชื่อเธอ”
“อย่างนั้นก็ดี อย่างนั้นก็ดี”
จูเหลียนอีงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และยิ้มอย่างชื่นใจ
จากนั้น เธอก็ก้มหน้าลง น้ำเสียงดุดัน “จะต้องตรวจสอบให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งเอกสารปริศนา นี่มันคือความคิดเลวๆอะไรกัน? ต้องการจะทำร้ายคนของตระกูลโห้ของฉัน จะต้องให้มันได้ชดใช้!”
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้กำลังจะจบลงทั้งอย่างนี้ เฝิงเสวียนหลัน ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง กัดฟันแล้วพูดว่า:
“แม่ แม่ก็อย่าปกป้องหน้าตาของหลีเฉินเลย ถ้าไม่ใช่เพราะรูปถ่ายสุดจะทนพวกนั้น แม่ก็ไม่ต้องโกรธจนล้มป่วย นี่คือแม่เชื่อเย้นหว่านที่ไหนกัน”
“ใครว่าฉันโกรธจนล้มป่วยเพราะรูปไม่กี่ใบพวกนั้น”
ทันใดนั้นเสียงของจูเหลียนอีงก็ดังรุนแรงขึ้นไม่น้อย “พวกเธอรู้หรือไม่ว่าคืนนี้เป็นรอบสุดท้ายของการแข่งขันการออกแบบเครื่องแต่งกายOvi แต่ว่าเย้นหว่านกลับละทิ้งการแข่งขัน เด็กคนนั้นจะต้องถูกคนข่มขู่อย่างแน่นอน ถึงได้ล้มเลิกความฝันของตัวเอง“
จูเหลียนอีงพูดแล้ว ก็ส่งเสียงถอนหายใจ ในน้ำเสียงแสดงออกถึงความเอาใจใส่และเป็นกังวลจากใจ
“ตอนนี้เด็กคนนั้นคงจะเสียอกเสียใจอยู่แน่นอน ฉันเป็นห่วงจริงๆว่าเธอจะสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่“
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับความสบายใจของเย้นหว่าน หญิงชราถึงได้เลือดลมไม่ไหลเวียน เป็นลมล้มพับไป
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ถึงเพิ่งตระหนักขึ้นมาได้ พวกเขาเข้าใจผิดเย้นหว่านแล้ว ต่างก็มีความละอายใจอย่างมาก
“คุณยายสบายใจได้ เธอดีมาก”
โห้หลีเฉินพูดด้วยเสียงเบา จากนั้น เขาก็กวักมือให้เย้นหว่าน “มานี่”
เย้นหว่านรีบเดินเข้าไป ยืนอยู่ข้างๆโห้หลีเฉิน มองไปที่คุณยายโห้ พูดออกมาด้วยความทราบซึ้ง
“คุณยาย ขอบคุณคุณยายที่เชื่อหนูนะคะ”
เมื่อจูเหลียนอีงเห็นเย้นหว่าน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอปรากฏตัวอยู่ที่นี่
เมื่อมองไปยังคนสองคนที่ยืนเคียงข้างกัน ก็เข้าใจแล้วว่าเป็นโห้หลีเฉินที่พาเธอมา
นางจูงเย้นหว่านให้เธอนั่งลงมาข้างเตียง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ใจดี
“เธอเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลโห้ ยายต้องเชื่อเธออย่างแน่นอน ยายหวังเพียงว่า เธอกับโห้หลีเฉินสามารถอยู่ด้วยกันดีๆ เพิ่มเด็กอ้วนตัวใหญ่ให้กับตระกูลของพวกเราโดยเร็ว”
เด็กอ้วนตัวใหญ่? เกรงว่าเธอและโห้หลีเฉินคงไม่มีโอกาสนี้
เย้นหว่านกลับไม่ได้เผยอะไรออกมา ค่อยๆก้มหัวลง ดูลำบากใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นเย้นหว่านเขินอาย จูเหลียนอีงกลับหัวเราะอย่างชอบใจ
จากนั้นนางก็พูดกับกลุ่มคนรอบๆเตียงว่า:
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว พวกเธอก็กลับกันไปก่อนเถอะ ฉันจะคุยกับเสี่ยวหว่านสักสองสามประโยค”
ทุกคนไม่มีความคิดเห็นใดๆ เตือนหญิงชราไม่กี่ประโยคให้ระวังสุขภาพร่างกายเหล่านี้ ทั้งหมดก็จากไป
ตอนที่เฝิงเสวียนหลันเดินผ่าน มองเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินไปมาอย่างไร้ร่องรอย ความมืดมนและชั่วร้ายที่ลึกลงไปในตาที่เกิดขึ้น
ภายในห้องโล่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่ยังอยู่ข้างเตียง
หญิงชรามองทั้งสองคนไปมา สีหน้าท่าทางค่อยๆจริงจังขึ้น
นางพูดขึ้น: “คืนนี้คนนิรนามที่ส่งรูปถ่ายมา ไม่เพียงแต่มอบรูปถ่ายเหล่านั้นของเย้นหว่านกับมู่จื่ออี้เท่านั้น แต่ยังบอกด้วยว่า……”
หยุดไปชั่วครู่ สายตาเฉียบคมของหญิงชราก็จับจ้องมองดูโห้หลีเฉิน
“พวกเธอหมั้นกันปลอมๆ”
นางค่อนข้างรู้จักหลานชายของตัวเองดี เรื่องหมั้นปลอมๆอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้
เย้นหว่านในใจสะดุ้ง มีอาการกระวนกระวายใจในทันที
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะคิดว่าคุณยายโห้เป็นเพียงคนแก่ที่สูงวัยแล้วคนหนึ่ง แต่ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ในคืนนี้ ท่านสามารถเดาสาเหตุที่เธอละทิ้งการแข่งขันได้อย่างถูกต้อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่คนแก่ธรรมดาๆ
เย้นหว่านกระพริบตาปริบๆ ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรใดๆ มองไปทางโห้หลีเฉินด้วยสัญชาตญาณ
สีหน้าท่าทางบนใบหน้าของโห้หลีเฉินไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาเอื้อมมือออกไปดึงเย้นหว่านมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง
และพร้อมกับคำสาบานที่หนักแน่น “คุณยาย ผมจะสู่ขอเธอแน่นอน”
เย้นหว่านตกตะลึงนิ่งงัน หัวใจเหมือนถูกทุบด้วยค้อนเล็กๆ สั่นสะเทือนไปหมด
จูเหลียนอีงมองตรงไปที่ทั้งสอง ความชาญฉลาดที่ส่องแสงวิบวับในตา ราวกับว่าต้องการมองทะลุตรงไปถึงจิตวิญญาณของโห้หลีเฉิน และแยกแยะว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จ
ครู่ต่อมา บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั้นก็แย้มรอยยิ้มใจดีอีกครั้ง
“แน่นอนว่ายายเชื่อในตัวพวกเธอ ด้วยเหตุนี้พวกเธอคงไม่โกหกยายแก่ๆคนนี้หรอก”
มองดูใบหน้าคาดหวังอย่างจริงใจของคุณยายโห้ คลื่นแห่งความรู้สึกผิดในใจปรากฎอยู่ในดวงตา
ดวงตาของเธอกระพริบปริบๆ ไม่อาจทำใจสบตาท่าน
โห้หลีเฉินกลับทำตัวสบายๆ เม้มริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา “ไม่อย่างแน่นอน”
จูเหลียนอีงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นก็มองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง แล้วพูดกับเย้นหว่าน:
“เสี่ยวหว่าน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เธอกลับไปก็ไกล คืนนี้ก็นอนอยู่ที่นี่เถอะ”
เย้นหว่านไม่เคยคิดจะพักค้างคืนที่บ้านของตระกูลโห้ จึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “นี่คงไม่ค่อยเหมาะ……”
“เธอและเฉินเป็นว่าที่สามีภรรยา พักอยู่บ้านของสามีในอนาคต เป็นเรื่องปกติมาก”
จูเหลียนอีงพูดดักทุกคำพูดของเย้นหว่านแล้ว “อย่าเกรงใจ เธอก็คิดเสียว่าที่นี่ก็คือวิลล่าส้ายน่า ทั้งหมดก็คือบ้านของเฉิน”
เย้นหว่านแก้มแดงเรื่อทันที คุณยายโห้รู้ถึงขนาดที่ว่าเธอเคยพักอยู่ที่วิลล่าส่วนตัวของโห้หลีเฉิน
และสิ่งที่ท่านพูดนั้น คลุมเครืออย่างมาก ราวกับว่าเธอกับโห้หลีเฉินอาศัยอยู่ด้วยกันในวิลล่าส้ายน่า และทำอะไรๆอย่างไรอย่างนั้น