สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 683 เธอหวังอะไร
บทที่ 683 เธอหวังอะไร
ในที่สุดโห้หลีเฉินก็ลุกขึ้นยืน
ทันใดนั้นร่างสูงก็เข้ามาประชิดเย้นหว่าน มองเธอจากด้านบน แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เผด็จการเป็นอย่างมาก
“ถ้าเกิดว่าไม่ขี่หลัง งั้นฉันอุ้มเธอเดินไปก็ได้”
เย้นหว่านตากลมด้วยความประหลาดใจ
แขนของเขายังบาดเจ็บอยู่เลย อุ้มอะไรกัน?
แล้วอีกอย่างการอุ้มท่าเจ้าหญิงนั้นใช้แรงมาก เหนื่อยมากที่สุดแล้ว
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่ยากจะปฏิเสธของโห้หลีเฉินนั้น เย้นหว่านก็รู้ว่า เรื่องนี้ เธอจำเป็นต้องฟังเขา
เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเขาตัดสินใจไปแล้ว เธอก็ไม่สามารถรั้งเขาได้หรอก
ยังไงซะเขาก็มีพลังเยอะแยะ การที่จะอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เย้นหว่านกัดฟันอย่างสับสน แล้วก็พูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า
“ถ้ายังงั้นก็แบกฉันแป๊บหนึ่งก็ได้ ฉันจะพักแป๊บเดียว แล้วค่อยลงมาเดินต่อ”
“อืม”
โห้หลีเฉินตอบด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ แล้วก็คุกเข่าลงตรงหน้าเย้นหว่านอีกครั้ง
เย้นหว่านใส่เสื้อผ้าหนามาก แล้วก็ปีนขึ้นไปด้านหลังของโห้หลีเฉินอย่างเงอะงะ
โห้หลีเฉินยื่นมือมาจับเย้นหว่านไว้ หลังจากมั่นใจว่าเธออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วนั้น ถึงได้ลุกขึ้น
วินาทีที่ลุกขึ้นนั้น สีหน้าเขาก็ซีดลงในทันที
มีอาการเจ็บแปลบที่หลัง
หลังที่บาดเจ็บของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กระดูกหักไม่ใช่เรื่องที่รักษาให้หายได้ง่ายขนาดนั้น
ตอนนี้เขาแบกเย้นหว่าน เท่ากับว่ากำลังแบกรับเกิดลิมิตไป
แต่ว่าเขาเชื่องช้าเพียงแค่ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้น แล้วโห้หลีเฉินก็ก้าวไปด้านหน้าอย่างเฉียบขาด เดินไปทางด้านหน้า
บาดเจ็บแล้วมันยังไงกันล่ะ?
ผู้หญิงของเขาเหนื่อยมากแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องแบกเธอสิ
โห้หลีเฉินแบกเย้นหว่าน เหยียบย่ำไปบนพื้นหิมะ เดินไปข้างหน้าทีละก้าว
ด้านหลังเขาทิ้งรอยเท้ายาวไว้ ค่อนข้างที่จะลึก
แผ่นหลังของโห้หลีเฉินนั้นกว้างมาก เหมือนกับเตียงใหญ่ที่อบอุ่น ทำให้เธอนอนอยู่บนนั้นได้อย่างสบาย
ก้าวเท้าของเขานั้นมั่นคง ไม่สั่นเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เธอหลับไปอย่างสบายใจ
เหมือนกับว่าผ่านไปสองสามวินาที ความง่วงของเย้นหว่านนั้นก็ล้นหลาม เธอไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป หลับตาลงแล้วก็หลับไป
ตรงหน้านั้น มีเสียงที่ทุ้มต่ำของโห้หลีเฉินดังขึ้น “เย้นหว่าน ตอนนี้ยังหลับไม่ได้นะ”
เสียงของเขาเข้มและชัดเจน เหมือนกับนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นกะทันหัน เย้นหว่านที่พึ่งจะหลับตาลง ก็ตกใจจนลืมตาขึ้นมาทันที
แต่ว่าความง่วงนั้น ยังคงโหมซัดเข้ามา
เย้นหว่านกัดฟัน พยายามฝืนตัวเองให้ตื่น “อืม ฉันไม่หลับ”
หลับไปท่ามกลางหิมะแบบนี้ ง่ายมากที่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ความรู้ทั่วไปนี้ เธอเองก็รู้เหมือนกัน
แต่ว่า เธอเหนื่อยจริงๆ
เหมือนกับว่ารับรู้ได้ถึงสถานการณ์ของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินพูดขึ้นอีกครั้งว่า
“เย้นหว่าน เธอคิดว่าประเทศเบียนหนานจะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตแบบไหนกันเหรอ? ”
ประเทศเบียนหนาน
คำคำนี้เป็นคำที่เย้นหว่านแคร์มากที่สุดในหลายวันนี้แล้ว
เธอฝันว่า เมื่อไหร่ที่ตื่นขึ้น ลืมตาขึ้นมาก็จะได้เจอกับประเทศเบียนหนานในตำนาน
พอพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าสนใจนั้น เย้นหว่านก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตั้งใจตอบโห้หลีเฉิน
“น่าจะทั่วไป ประเทศเล็กๆ ที่ปิดแบบนี้ น่าจะเป็นระบบศักดินาที่ล้าหลัง และก็อาจจะจนมาก บางทีถ้าเราไปแล้ว อาจจะได้เห็นสังคมราชวงศ์ที่มีจักรพรรดิและเจ้าหญิงหรือไม่? ”
โห้หลีเฉินก้าวไปด้านหน้าอย่างมั่นคง และพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ก็เป็นไปได้”
เย้นหว่านตาเป็นประกาย “ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าเราไปถึงจะถูกมองว่าเป็นคนนอกรีต,นอกรีตนอกรอยรึเปล่า? หรือว่า พวกเขาต้องคุกเข่าให้จักรพรรดิหรือไม่? ”
ในศตวรรษที่ 21 ไม่มีประเพณีในการคุกเข่า
ยิ่งไปกว่านั้นเย้นหว่านแม้แต่คิดก็คิดไม่ออกว่า การที่โห้หลีเฉินคุกเข่าให้คนอื่นนั้นมันจะเป็นยังไง?
คนคนนั้น ต่อให้เป็นจักรพรรดิของประเทศ ก็ไม่สามารถได้รับมันหรอกมั้ง
“แต่ว่า ในต่างประเทศที่ห่างไกลแบบนี้ คงไม่ได้มีประเพณีโบราณเหมือนของราชวงศ์จีนหรอก ต่อให้จะมีราชวงศ์จริงๆ ก็น่าจะเป็นแค่หัวหน้าเผ่าหรืออะไรสักอย่าง”
พอเย้นหว่านได้พูดถึงเรื่องนี้ ความคิดก็กลายเป็นคึกคัก แล้วก็พูดด้วยท่าทางที่กระปรี้กระเปร่า
“แต่ว่าฉันหวังว่า ที่นั่นจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีเสรีภาพที่เท่าเทียมกันของประชาชน เหมือนกับ Black Panter ในเรื่อง The Avengers อะไรแบบนั้น ประเทศเล็กๆ ที่ต้องปิดประเทศก็เพราะว่าเทคโนโลยีก้าวหน้ามาก แถมยังมีสมบัติล้ำค่าอย่างแร่ไวเบรเนี่ยม กลัวว่าคนต่างชาติจะจ้องตาเป็นมัน ก็เลยปิดประเทศเอาไว้
ความจริงแล้ว กลับเป็นประเทศที่อยู่เย็นเป็นสุข ชีวิตดีมากประเทศหนึ่ง”
พอได้ยินเย้นหว่านพูดจุ๊บจิ๊บๆ โห้หลีเฉินกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่นิดเดียว มุมปากของเขากลับคลี่ยิ้มที่มีความสุขออกมา
เธอสามารถพูดได้เยอะขนาดนี้ แสดงว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเดิมมาก
เขาก็พูดตามเธอว่า
“ทำไมเธอถึงหวังว่าจะเป็นประเทศแบบนั้นล่ะ? เพราะว่าเธอชอบ The Avengers เหรอ? ”
ถึงแม้ว่าโห้หลีเฉินจะไม่เคยดู แต่เขาก็รู้ว่า นี่มันน่าจะเป็นหนังที่เย้นหว่านชอบดู
“อืม”
เย้นหว่านพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า “ถ้าเกิดว่าเป็นประเทศแบบนั้นล่ะก็ ประชากรที่อยู่ในนั้นก็คงจะคบค้าสมาคมได้ไม่ยาก แถมยังต้อนรับและช่วยเหลือบุคคลภายนอกอีก พวกเราอยากได้เมล็ดแมกโนเลีย ก็จะสบายขึ้นเยอะมากๆ ”
สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ก็คือจุดมุ่งหมายของการเดินทางในครั้งนี้
โห้หลีเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาก็ดูอ่อนโยนลงอย่างช่วยไม่ได้
เธอเนี่ยนะ จะให้เขาไม่รักได้ยังไงกัน
แม้แต่ในจินตนาการ ก็ยังไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องของเขาเป็นเรื่องแรก
โห้หลีเฉินหาเรื่องมากคุยกับเย้นหว่านตลอดทั้งทาง
โดยที่ไม่รู้ตัว ก็เดินออกมาได้ไกลมากแล้ว
เย้นหว่านได้พักผ่อน ก็รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นแล้ว แล้วเธอก็ลงมาเดินเอง
ก็แบบนี้ พอเหนื่อยทั้งทางก็ให้โห้หลีเฉินแบกพักหนึ่ง แล้วก็เดินต่อไปอีกนิดด้วยตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ เย้นหว่านก็ยืนกรานที่จะเดินด้วยตัวเองหลายวัน
แต่ว่าปัญหาใหม่ ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
แม้ว่าอาหารแห้งที่พวกเขานำมากินใช้อย่างประหยัดมาก แต่พวกเขาก็กินจนหมด
แม้ว่าตอนแรกโห้หลีเฉินไม่ได้ประมาณการว่า พวกเขาจะตกอยู่คนเดียวในหุบเขาลึกของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะเช่นนี้ แยกออกจากผู้คน
แล้วอีกอย่าง ทางเดินหิมะที่เดินมามากกว่าสิบวันนั้น มันอ้างว้างปราศจากผู้คนเลย
หนาวและเหนื่อย ยังทนได้
แต่มันก็ไม่มีอะไรให้กินบนหิมะเหล่านี้ พลังงานในร่างกายไม่สามารถเติมเต็มได้ ผลสุดท้าย ถ้าไม่หนาวตายก็หิวตาย
แต่ในถิ่นทุรกันดารนี้ ไม่มีอะไรให้กินเลย
มองดูสีหน้าที่ลำบากของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็พยายามฝืนยิ้ม แล้วพูดว่า
“พวกเราก็แค่หิวแค่สองมื้อเท่านั้นเอง ไม่แน่ว่า อีกสองวันพวกเราอาจจะหาประเทศเบียนหนานเจอแล้วก็ได้”
นี่คือความฝันของเธอ แต่ว่าในสิบกว่าวันแห่งความทรมานนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นการเพ้อฝันที่เป็นไปไม่ได้
ประเทศเบียนหนาน มันไกล และไกลกว่าที่พวกเขาคิดมากๆ เลย
โห้หลีเฉินมองไปที่หน้าปัดนาฬิกา แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า
“อีกไม่ไกลแล้ว”
เขามองเย้นหว่าน ลูบใบหน้าที่เยือกเย็น “อดทนอีกสองสามวัน ได้ไหม? ประเทศเบียนหนาน ใกล้จะถึงแล้วจริงๆ ”
ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อก่อน ดวงตาของเย้นหว่านคงเต็มไปด้วยความสุข แล้วถามว่า จริงเหรอ?
แต่ว่าตอนนี้ เธอก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วพยายามฝืนยิ้ม
“โอเค ฉันจะไปกับนาย”
เดินมานานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ถึงประเทศเบียนหนานสักที เมื่ออาหารหมดแล้ว ก็จะถึงพอดีเลยรึเปล่า?
บางเวลา เธอก็เข้าใจชัดเจนว่า มันเป็นเพียงแค่คำโกหกที่สวยงามที่ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อเพียงเท่านั้น
เธอก็ไม่มีทางไปเปิดโปงอย่างไม่เข้าใจเรื่องราวหรอก