สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 69 รู้สึกไม่มีหน้าพบคนแล้ว
บทที่ 69 รู้สึกไม่มีหน้าพบคนแล้ว
เย้นหว่านคิดไม่ถึงว่าแค่เงินค่าขนมตัวเดียวก็สามารถดึงเอาเหตุผลเหล่านี้ออกมาได้ เธอใช้ความคิดๆ แล้วเปิดปากพูด:
“แต่ว่าก่อนที่จะเข้ามา โห้หลีเฉินบอกว่าถ้าฉันแพ้ก็นับเป็นของเขา”
“นี่เป็นเรื่องที่เขากระทำออกมา”
จูเหลียนอีงยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้น มองไปที่เฝิงเสวียนหลันอย่างตำหนิ “ตอนนี้ก็เล่นไพ่กันดีๆ ไม่ต้องกังวลแล้วใช่ไหม?”
เฝิงเสวียนหลันใบหน้าแข็งเล็กน้อย และยิ้มอย่างอับอาย
“ฉันก็เป็นห่วงพวกเขาคู่รักหนุ่มสาว ยังไงหลีเฉินก็หมั้นเป็นครั้งแรก เป็นกังวลว่าเขาจะไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติต่อหญิงสาวอย่างไร”
“บางทีเขาอาจจะโอ๋สาวน้อยได้ดีกว่าเธอเสี่ยวหว่านเธอว่าใช่หรือไม่?”
จิ้งชิวยิ้มและพูดต่อประโยค มองไปที่เย้นหว่านอย่างคลุมเครือ
เย้นหว่านตระหนักว่าเกมนี้ไม่ใช่การเล่นไพ่อะไรกันเลย แต่เป็นช่วงเวลาแห่งการซุบซิบกันของสามนางหกแม่(กลุ่มผู้หญิง หรือใช้อธิบายถึงอาชีพของอิสตรีในวงการยุทธภพ)
เธอไม่รับมือก็ไม่ได้
เย้นหว่านหยิบไพ่ไปด้วยและพูดตอบด้วยรอยยิ้ม “เขาดีกับฉันจริงๆ”
“พวกเธอหมั้นกันนานขนาดนี้แล้ว เขาเคยพาเธอออกไปเที่ยวไหม?”
เฝิงเสวียนหลันถามอย่างไม่เป็นทางการ
เย้นหว่านตอบตามความเป็นจริง: “เคยออกไปเที่ยวสองครั้ง ครั้งหนึ่งไปที่ตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่ว และอีกครั้งออกทะเล”
จูเหลียนอีกฟังคำพูดนี้แล้ว ก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
เฝิงเสวียนหลันกลับเงยหน้ามองไปที่เย้นหว่าน สายตาที่เฉียบคมมีความพินิจพิเคราะห์
“หลีเฉินไม่ชอบสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุด ตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่วมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำไมเขาถึงไปที่นั่น?
แน่นอนว่าคือการไปเลือกดอกไม้
แต่เย้นหว่านไม่สามารถพูดแบบนี้ได้ ลังเลชั่วครู่ เธอก็พูดขึ้น:
“อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเคยเผลอพูดกับเขาว่าฉันชอบดูดอกไม้มั้งคะ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เพื่อเพิ่มความรู้สึกสมจริง เธอกล่าวเสริมว่า “พวกเราใช้เดินเที่ยวหนึ่งวันในตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่ว โห้หลีเฉินเขายังกินอาหารที่แผงลอยริมถนน ซึ่งดึงดูดสาวๆหลายคนล้อมดู”
เสียง”ปัง” เฝิงเสวียนหลันนำไพ่นกกระจอกในมือกระแทกลงบนโต๊ะ
เธอจ้องไปที่เย้นหว่าน และทำหน้าขรึม “เย้นหว่าน ทำไมเธอต้องพูดโกหกด้วย?”
เย้นหว่านตกตะลึง และลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย ถูกเปิดเผยแล้วใช่ไหม พวกเขารู้อยู่แล้วว่าโห้หลีเฉินไปเพื่อเลือกดอกไม้ เลยพาเธอไปที่ตลาดดอกไม้ด้วย?
น้ำเสียงของเฝิงเสวียนหลันดุดัน “หลีเฉินไม่เคยกินยี่หร่ามาตั้งแต่เด็ก และแผงขายของริมถนนสิ่งขาดไม่ได้ที่สุดก็คือยี่หร่า เธอกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขากินอาหารแผงลอยริมถนน“
“แต่ว่าเขากินแล้วจริงๆนะ กินด้วยกันกับฉัน”
เย้นหว่านรีบร้อนอธิบาย โห้หลีเฉินกินอาหารแผงลอยริมถนน และเธอก็ไม่ได้โกหก
แต่เฝิงเสวียนหลันแสดงออกว่าไม่เชื่ออย่างชัดเจน
อีกสองคนก็มองไปที่เธออย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าเรื่องที่โห้หลีเฉินกินอาหารแผงลอยริมถนน ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อ
เย้นหว่านรู้สึกใจเสียอย่างมาก แต่เดิมคิดว่าจะพูดให้เรื่องสมจริงนิดหน่อย เพื่อให้คุณยายโห้วางใจได้บ้าง คิดไม่ถึงว่าพูดมากผิดมาก อย่างไรก็กลายเป็นจุดอ่อนของคนอื่นแล้ว
เธอคิดแล้วคิด จากนั้นนำโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นรูปภาพออกมา
“ฉันไม่ได้โกหกจริงๆ นี่คือตอนที่อยู่ที่ตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่ว โห้หลีเฉินเป็นคนถ่ายให้ฉัน”
เฝิงเสวียนหลันเหล่มองไปที่รูปถ่าย และพูดเยาะเย้ย: “รูปเดี่ยวของเธอเพียงแค่ใบเดียว ก็พูดว่าหลีเฉินเป็นคนถ่ายให้เธอ? เธอคงไม่ใช่ว่าโกหกทั้งหมดนะ หลีเฉินไม่เคยไปที่ตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่วกับเธอเลย”
หยุดไปชั่วครู่ น้ำเสียงของเฝิงเสวียนหลันเต็มไปด้วยการกล่าวโทษ
“เย้นหว่าน เธอกับหลีเฉินเป็นว่าที่สามีภรรยากัน แต่พวกเธอออกไปเที่ยว เธอถึงขนาดต้องพูดเท็จเพื่อโกหก ทำไมต้องทำอย่างนี้?”
แม้ว่าเธอจะกำลังตั้งคำถาม แต่เหตุผลคือข่มคน ไม่มีอะไรมากไปกว่าก็เพียงแค่ไม่กี่อย่างนั้น
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม ล้วนเสียเปรียบต่อโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านขาดไม่มั่นใจ ลังเลชั่วครู่ และเปิดรูปภาพอีกใบออกมา เป็นรูปที่เธอแอบถ่ายโห้หลีเฉิน
เธอวางมือถือราบลงและเอาให้พวกเขาดู แก้มแดงเรื่อไม่เป็นตัวเอง
“นี่คือที่ฉันถ่ายให้โห้หลีเฉิน”
พื้นหลังของรูปถ่ายทั้งสองล้วนเป็นทะเลดอกไม้เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าอยู่ที่เดียวกัน
เฝิงเสวียนหลันตกตะลึงไปชั่วขณะ และไม่มีอะไรจะพูด
เธอคิดไม่ถึงว่าเย้นหว่านจะสามารถเอารูปภาพของโห้หลีเฉินออกมาได้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนดีถึงขั้นไปเที่ยวตลาดขายดอกไม้เมิ่งโล่วด้วยกัน
เธอรู้สึกขายหน้าอยู่บ้าง พึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าหลีเฉินจะกินอาหารแผงลอยอย่างนั้น เขาไม่เคยแตะต้องยี่หร่าในอาหารของเขาเลย“
เย้นหว่านเองก็คิดไม่ตก ไม่ใช่แค่ตอนที่กินอาหารแผงลอยริมถนนครั้งนั้น แต่ว่ายังมีการลองชิมอาหารอีกหลายครั้งหลังจากนั้น มีอาหารหลายอย่างที่ใส่ยี่หร่า แต่ว่าเธอเลือกให้โห้หลีเฉิน และเขาก็กินด้วย
เธอยังไม่เคยค้นพบด้วยซ้ำว่าเขาไม่ชอบกินยี่หร่า
จูเหลียนอีงยิ้มปริ่ม มองดูแววตาของเย้นหว่านแล้วก็ยิ่งรักและเมตตา นึกเอ็นดูแล้ว
“ยังมีอะไรที่ไม่เชื่ออีก? หลีเฉินเด็กคนนั้น ชอบเสี่ยวหว่านไง
เธอชอบอะไร เขาก็จะไปเที่ยวเป็นเพื่อนเธอ
เธอชอบกินอะไร เขาก็จะกินเป็นเพื่อนเธอ”
จู่ๆเย้นหว่านก็ชะงักงัน หัวใจเหมือนถูกกระแทกอย่างแรงจากบางสิ่ง
คำพูดที่โห่หลีเฉินพูดเมื่อคืนนี้ เกิดขึ้นในใจของเธอ
เขาบอกว่า: คุณชอบอะไร ผมก็ชอบมันทั้งหมด
ไพ่แค่เกมเดียวเล่นจนเละเทะ มักจะเป็นเฝิงเสวียนหลัน ที่คิดหาวิธีถามสิ่งต่างๆมากมาย แต่โชคดีที่หลังจากนั้นเย้นหว่านก็ผ่านทุกอย่างไปได้แล้ว
เกมไพ่จบลงแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นที่โชคดี หรือว่าคุณยายโห้ที่นั่งอยู่ที่หน้า แล้วส่งการ์ดให้เธอ เย้นหว่านยังชนะเงินมานิดหน่อย
มักพูดกันว่า เซอร์ไพรส์ไร้ความเสี่ยง ผ่านไปอย่างปลอดภัย
ช่วงบ่าย ก็ใกล้จะได้เวลาออกเดินทาง
หลังจากที่เย้นหว่านกล่าวล่ำลาคุณยายโห้แล้ว ก็ไปที่ห้องเพื่อเอากระเป๋าเดินทาง
โห้หลีเฉินนั่งอยู่บนโซฟาในห้อง เงยหน้าขึ้นมองที่เธอ ดวงตาคมลึกเหมือนกับเปื้อนอะไรบางอย่าง
เย้นหว่านที่ถูกมองรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย “คุณโห้ ฉันควรต้องกลับไปแล้ว”
“มานี่”
เมินผ่านคำพูดของเธอ โห้หลีเฉินชี้ไปที่ที่นั่งข้างๆตัวเองซ้ำๆ ส่งสัญญาณว่าให้เธอมานั่งลง
“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
เย้นหว่านเดินเข้ามา กำลังจะนั่งลงบนโซฟาอีกตัวข้างๆเขา
ในเวลานั้นเอง โห้หลีเฉินยื่นมือออกมาอย่างกะทันหัน คว้าเข้าที่ข้อมือเธอ แล้วดึงเธอไว้ข้างกาย
ร่างกายของเธอนั่งลง เกิดความโน้มเอียงขึ้น จึงกระโจนไปบนตัวของโห้หลีเฉิน
เย้นหว่าน: “……”
เธอรีบลุกขึ้นนั่ง กระถดไปด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก และรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยเล็กน้อยกับโห้หลีเฉิน
สายตาเฝ้ารอของโห้หลีเฉินมองที่เธอ “ได้ยินมาว่าคุณมีรูปใบหนึ่งของผมอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ทำไมผมถึงไม่รู้ล่ะ?”
เย้นหว่านหน้าแดงด้วยความอับอาย แน่นอนว่าเขาไม่รู้ เพราะว่านี่คือการที่เธอแอบถ่าย
เธอกระพริบตาปริบๆไม่กล้ามองเขา
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากที่มีมุมโค้งจางๆ เขายื่นมือไปหาเธอ
“เอาโทรศัพท์มือถือให้ผม”
ให้เขาทำไมกัน?
เมื่อนึกถึงรูปภาพที่เธอแอบถ่าย โห้หลีเฉินถึงกับต้องการลบมันด้วยตัวเองเลย
เย้นหว่านแก้มก็ยิ่งแดงเรื่อ ยิ่งอับอายมากขึ้น หยิบมือถือออกมาอย่างแข็งกร้าวและยื่นให้เขา
โห้หลีเฉินรับโทรศัพท์มา ใช้ปลายนิ้วที่ขาวและเรียวยาวแตะบนหน้าจออยู่หลายที หลังจากนั้นถึงได้คืนโทรศัพท์ให้เย้นหว่าน
เย้นหว่านรับโทรศัพท์มือถือมาก็เหมือนกับถือเผือกร้อนๆไว้หนึ่งอัน
แอบถ่ายยังถูกคนรับรู้แล้ว มันน่าขายหน้าจริงๆ
โห้หลีเฉินมองที่เธอ เสียงทุ้มต่ำมีความรู้สึกหยอกล้ออยู่ในที
“ต่อไปถ้าอยากได้รูปถ่ายของผม ไม่ต้องแอบถ่าย ผมร่วมมือกับคุณได้”
ฮะ?
นี่เป็นการล้อเลียนเธออย่างแน่นอนใช่ป่ะ
เย้นหว่านรู้สึกไม่มีหน้าพบคนแล้ว ลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าเดินทางแล้วก็เดินออกไปข้างนอก