สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 690 ชายหญิงห้ามใกล้ชิดกัน
บทที่ 690 ชายหญิงห้ามใกล้ชิดกัน
เวนเดลล์หัวเราะแล้วพูด “ดูสิ ผมบอกแล้วว่าคุณเย้นไม่เป็นอะไร ไปเถอะๆ พวกเรากลับ”
พูดพลางส่งสัญญาณให้โห้หลีเฉินเดินตามไปด้านใน
โห้หลีเฉินสงสัย เขาจ้องเย้นหว่านเขม็ง ในแววตามีความรู้สึกมากมาย แต่ต้องพยายามกลบเกลื่อนเอาไว้
จากนั้น เขาเบี่ยงเบนความสนใจ โดยการมองไปทางผู้หญิงสองคนที่ลงมือกับเย้นหว่าน
“พวกเธอ ประคองเธอเข้าไป”
เสียงของเขาทั้งดุดันและเย็นชา และแฝงไปด้วยความกดดันเล็กน้อย “เบาๆ หน่อย ถ้าทำหล่อนเจ็บ ฉันจะตัดมือพวกเธอ
ทั้งสองกลัวจนหน้าซีด แล้วรีบตอบรับ
“ค่ะๆๆ ”
เย้นหว่านรู้สึกแปลกแต่อธิบายไม่ถูก
ผู้หญิงสองคนนี้น่าจะเป็นคนแถวบ้าน ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเวนเดลล์ ถึงแม้ว่าโห้หลีเฉินจะดุดันขนาดไหน แล้วทำไมผู้หญิงสองคนนี้ต้องยอมและทำตามเขา?
ทำไมแปลกแบบนี้นะ
เย้นหว่านยังคิดไม่ออก แต่ผู้หญิงทั้งสองได้เดินเข้ามา ประคองแขนทั้งสองข้างของเธอไป
ครั้งนี้ อ่อนโยนลงมาก
แต่ในใจของเย้นหว่านยังคงรังเกียจพวกเธอ แต่ยังไงก็ต้องเลิกฝืนเพราะแผลบนร่างกาย จึงยอมให้พวกเธอลากเข้าไปแต่โดยดี
โห้หลีเฉินจ้องมาที่เย้นหว่านด้วยแววตาลุ่มลึก แล้วกำชับด้วยความไม่วางใจ
“ระวังหน่อย”
“อือ” เย้นหว่านพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
จากนั้น ก็เห็นว่าโห้หลีเฉินและเวนเดลล์เดินนำเข้าไปด้านใน
ร่างสูงใหญ่ของเขาช่างดูน่ากลัว
เย้นหว่านมองเขานิ่งๆ แทบจะเหม่อลอย เธอคิดว่า อย่างน้อยโห้หลีเฉินยังอยู่ข้างเธอ เข้าไปด้านในเป็นเพื่อนเธอ
ก่อนหน้านี้ เขาทั้งปกป้องเธอด้วยความระมัดระวัง
ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้เธอรู้สึกไม่ชินเลย
“แย่จริงๆ เลย พี่ชายดีกับเธอขนาดนี้ ยังจะกล้าอีก? ”
คุณนายลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วด่ากราดเย้นหว่าน
แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและขยะแขยง
เย้นหว่านสงสัย เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ต่อให้เป็นพี่ชาย ก็ต้องดีต่อน้องสาวไม่ใช่เหรอ?
ทำไมเมื่อมาถึงเธอ แล้วถึงกลายเป็นเรื่องดูถูกดูแคลนไปได้ล่ะ?
นี่มันตรรกะอะไรกัน?
เย้นหว่านเกลียดคุณป้าคนนี้มาก ไม่ได้สนใจอะไรเธอมาก ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน
คุณนายลุกขึ้นมา แล้วถุยน้ำลายอย่างไม่พอใจ
“ผู้หญิงตอแหล ชั้นต่ำจริงๆ ”
เดินมาตรงหน้าเย้นหว่าน “……”
ทนไว้ คิดซะว่าไม่ได้ยิน
เพราะเจ็บเท้ามาก เย้นหว่านไปได้สักพัก ก็กลับมาที่เรือน
โห้หลีเฉินยืนอยู่ที่หน้าเรือน ถือขวดยาอยู่ในมือ รอเธออยู่นั่นเอง
ความขมขื่นในใจของเย้นหว่าน เมื่อเจอกับเขา ก็จางลงไป
ถึงแม้ว่าเขาจะไปก่อน นั่นก็ไปหยิบยาให้เธอใช่ไหม?
“พวกเธอออกไปก่อน”
โห้หลีเฉินกล่าวกับหญิงสาวทั้งสอง
ทั้งสองปล่อยมืออจากเย้นหว่าน แล้วเดินออกไป
โห้หลีเฉินที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้ดึงม่านของห้องรับแขกออก จากนั้นพูดกับเย้นหว่าน “นี่ มานี่มา”
เขายืนทื่ออยู่ทีหน้าประตู เปิดผ้าม่านให้เธอ แต่ไม่มีท่าทีที่จะเข้ามาประคองเธอ
เย้นหว่านรู้สึกงอนเบาๆ
เธอเม้มปาก กัดฟัน อดทนต่อความเจ็บที่เท้า แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป
โห้หลีเฉินที่ยืนอยู่หน้าประตู ปล่อยผ้าม่านในมือลง แล้วรีบตามเข้าไป
ต่อมา เย้นหว่านรู้สึกร่างกายหนักอึ้ง
โห้หลีเฉินก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอน
เย้นหว่านมองเขาด้วยความแปลกใจ “นายทำอะไร? ฉันเดินเองได้”
เมื่อกี้ไม่กอดเธอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมากอด?
เย้นหว่านมองดูรอบๆ เธอเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ที่นี่ไม่มีใครนอกจากเขา
แต่ว่าเขาไม่เข้าใจ โห้หลีเฉินกอดเธอ ทำไมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย?
ในขณะที่กำลังคิด โห้หลีเฉินก็ได้วางเย้นหว่านลงบนเตียงนอน
เขานั่งย่อตรงหน้าเธอ จ้องไปที่ข้อมือของเธอ และข้อเท้าบวมๆ ของเธอ
“ขอโทษ…”
เขาใช้มือจับไปข้อเท้าบวมๆ ของเธอ พูดบางอย่างเสียงเบาเหมือนกระซิบ
เธอได้ยินแล้ว แต่รู้สึกว่าตัวเองฟังผิดไป
ในใจของเย้นหว่านเหมือนมีหินทับไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ และสับสนมากกว่า
เธอจ้องมองโห้หลีเฉินแล้วถามขึ้น
“หาเมล็ดแมกโนเลียเจอรึยัง? ”
ในใจมีคำพูดมากมาย แต่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น
โห้หลีเฉินอึ้งไปสักพัก ในใจของเขาอ่อนยวบยาบ แต่กลับรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น
เขาพยักหน้า “รู้แล้วว่ามันอยู่ไหน ช่วงนี้ฉันกำลังหาวิธีได้มันมาอยู่เธอรอก่อนนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย้นหว่านที่อารมณ์ขุ่นมัวก็สดใสขึ้นมา
เรื่องที่ไม่มีความสุข ไม่สบายใจ พลันมลายหายไปทันที
เธอดีใจจนกุมมือของเขาเอาไว้ “ดีจังเลย! เรามาครั้งนี้คุ้มค่ามาก”
เมื่อมีเมล็ดแมกโนเลียแล้ว ยาแต่ละชนิดก็เหมือนปรุงสำเร็จไปแล้ว 1 ใน 3
เวลายังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ
เย้นหว่านก็มั่นใจกับการตามหายาต่อไปมากยิ่งขึ้น
โห้หลีเฉินสีหน้าเคร่งเครียด
เขาพูดเสียงเข้ม “ทำเธอลำบากแย่เลย”
จากทุ่งหิมะ จนตอนนี้ ตลอดทางที่ผ่านมาเย้นหว่านต้องลำบากเพราะเขา
เย้นหว่านส่ายหน้า บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ลำบาก แค่ได้ช่วยชีวิตนาย ฉันก็มีความสุข”
ถึงแม้จะทรมานจากทุ่งหิมะ เกือบจะเสียชีวิตเพราะความเจ็บปวด ตอนนี้คิดย้อนไป มันช่างควรค่าจริงๆ
โห้หลีเฉินแววตาเป็นประกาย เม้มปากแน่น
เขาถอนหายใจออกทีหนึ่ง
“ช่วงนี้เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ฉันได้เมล็ดแมกโนเลียจะมารับเธอไป”
เขาพูดพลางเปิดขวดยาที่อยู่ในมือ แล้วล้างแผลให้เธอ
เจ็บเล็กน้อย เย้นหว่านกัดฟันอดทน
เธอพูด “มีอะไรให้ช่วยไหม? ”
“อยู่เฉยๆ ก็พอ สภาพของที่นี่ไม่เหมือนกับฉัน เธอยังไม่ชิน ทางที่ดีอย่าออกไปไหน”
โห้หลีเฉินสั่ง
คิดถึงเมื่อกี้แค่อยากจะไปซักผ้า ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เย้นหว่านก็เข้าใจสภาพของที่นี่ดี ว่ามันช่างยากที่จะเข้าใจได้
เธอไม่รู้สึกดีกับที่นี่เลย และไม่อยากออกไปด้วย
เธอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ได้ ฉันฟังนาย”
มองดูโห้หลีเฉินที่เช็ดแผลให้เธอ เธอจึงพูดขึ้น “ใช่แล้ว ทำไมนายถึงบอกว่าฉันเป็นน้องสาวของนายเหรอ? ”
โห้หลีเฉินชะงักไป
แววตาของเขาหมองลงชั่วครู่ แล้วกลับมาประกายอีกครั้ง
เศร้าลงไปไม่กี่วินาที โห้หลีเฉินก็เริ่มพูดขึ้น
“เย้นหว่านฉัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ ณ ตอนนี้ ผ้าม่านของประตูถูกเปิดออกคุณนายเข้ามาโวยวาย
เธอเห็นท่าทางที่โห้หลีเฉินกำลังทายาให้เย้นหว่าน บนใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
เธอพูดออกมาเสียงดัง
“คุณโห้ ชายหญิงห้ามใกล้ชิดกัน เรื่องนี้ไม่ควรเป็นหน้าที่ของคุณ เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่า”