สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 696 หึงแล้วเหรอ
บทที่ 696 หึงแล้วเหรอ
เห็นเจ้ากรมเพ่ยเร่งรัดอย่างร้อนใจ เวนเดลล์เกรงว่าพอโห้หลีเฉินไม่พอใจก็จะปฏิเสธ รีบช่วยพูดว่า
“คุณโห้ คุณรีบไปเถอะ มีเรื่องอะไรให้ฉันมาทำก็ได้”
ชะงักไปเล็กน้อย เขากดเสียงต่ำ พูดอีกประโยคหนึ่งข้างๆโห้หลีเฉิน “เจ้าหญิงไม่มีความอดทน อย่าให้เธอรอนาน”
ได้ยินคำพูดของเวนเดลล์ เสียงเต้นรัวไม่เป็นจังหวะในใจของเย้นหว่านดังขึ้นมา
ความไม่สบายใจภายในใจพลุ่งพล่านขึ้นมาทีละชั้นๆ ทำให้เธอร้อนใจอย่างมาก อยากจะทำอะไรสักอย่าง
เธอกัดฟัน มองตรงๆไปที่โห้หลีเฉิน
คิ้วของโห้หลีเฉินค่อยๆขมวด ลังเลสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดกับเย้นหว่านด้วยเสียงขรึมว่า
“คุณค่อยๆทานข้าวอยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมให้เวนเดลล์ส่งคุณกลับไปด้วยตัวเอง ดีมั้ย”
แม้ว่าเพิ่งจะเคยเตือนแล้ว แต่ว่าความคิดของคนที่นี่ หญิงรับใช้ไม่เป็นมิตร เขาไม่วางใจให้หญิงรับใช้ดูแลเย้นหว่านอีก
ดังนั้นตอนแรกคิดว่าจะรอให้เย้นหว่านกินข้าวเสร็จแล้ว ไปส่งเธอกลับห้องด้วยตนเอง
มือที่จับตะเกียบของเย้นหว่าน เกร็งแน่นขึ้นมาทันที
คิดว่าตอนนี้โห้หลีเฉินต้องไปทานอาหารเป็นเพื่อนกับเจ้าหญิงอะไรนั่น อาหารที่อุดมสมบูรณ์ตรงหน้า ก็หมดความอยากอาหารไปทันที
ในใจเธอตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก คำพูดที่หลุดจากปากออกมา แทบจะไม่ผ่านสมองเลย
“ไม่ต้อง”
พอสิ้นเสียง เย้นหว่านชะงัก
โห้หลีเฉินก็ชะงัก
เย้นหว่านเป็นคนที่เชื่อฟังรู้ว่าอะไรควรไม่ควร มีความเป็นห่วงเป็นใยอย่างมากมาตลอด ตอนนี้เขาจะไปทำธุระ เธอกลับบอกว่าไม่ต้อง
สายตาลึกล้ำของโห้หลีเฉินมองไปยังเย้นหว่าน กลับไม่มีท่าทีลังเลเลยสักนิด พยักหน้าอย่างรักใคร่
“ได้”
ในชั่วพริบตา เขาก็พูดกับเจ้ากรมเพ่ยด้วยท่าทีหนักแน่นว่า “คุณกลับไปก่อน เดี๋ยวผมมา”
เจ้ากรมเพ่ยตาเบิกโตทันที แทบจะคิดไม่ถึงเลยว่า เพราะการเร่งรัดของพวกเขา โห้หลีเฉินไม่เพียงไม่รีบตามเขาไปทันที แม้แต่ท่าทีก็ยังเปลี่ยนเป็น เดี๋ยวไป!
และทัศนคติที่เปลี่ยนไปนี้ หรือเพราะผู้หญิงที่ทานอาหารร่วมโต๊ะคนนี้เหรอ
เจ้ากรมเพ่ยมองไปยังเย้นหว่านอีกครั้ง ในแววตามีการประเมินอยู่พอสมควร
ร่างสูงใหญ่ของโห้หลีเฉินก้าวมาข้างหน้าทันที บังตรงหน้าของเย้นหว่านไว้ กั้นสายตาของเจ้ากรมเพ่ยไว้
สีหน้าท่าทางของเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เจ้ากรมเพ่ย เชิญ”
ออกคำสั่งโดยตรงเลย
ท่าทางระวังตัวนั้น ยิ่งทำให้มุมปากของเจ้ากรมเพ่ยเบะขึ้น เขาก็แค่มองนิดมองหน่อยเท่านั้น หรือว่ายังจะสามารถกินแม่คนนี้เข้าไปได้หรือไง
งี่เง่า ให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนเดียวมากขนาดนี้เชียว
ภายในใจมีความไม่พอใจ แต่ด้วยตำแหน่งสถานะของโห้หลีเฉินตอนนี้ เจ้ากรมเพ่ยก็ยังคงต้องรักษารอยยิ้มอ่อนๆไว้
“ในเมื่อคุณโห้ต้องเตรียมตัวอีกครู่หนึ่ง อย่างนั้นผมก็จะรอคุณที่ด้านนอกนะครับ”
พูดจบ เจ้ากรมเพ่ยก็ไม่รอให้โห้หลีเฉินโต้ตอบหรือสั่งการอะไรอีก หันหน้าเดินออกไปข้างนอกเลย
น่าขัน เจ้าหญิงทรงบัญชามาแล้วว่าให้มารับคน ถ้าเขากลับไปเอง จะไม่ต้องถูกลงโทษด้วยวิธีห้าม้าแยกศพหรือ
แต่ว่าไปช้าขนาดนี้ เขาเกรงว่าคงต้องเจอกับสายตาเยือกเย็นของเจ้าหญิง
เจ้ากรมเพ่ยจากไปแล้ว โห้หลีเฉินหันมามองเย้นหว่าน ยื่นมือไปคีบอาหารที่เธอชอบกินให้เธอ
“กินเถอะ ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
เย้นหว่านจ้องมองโห้หลีเฉิน แก้มแดงเล็กน้อย รู้สึกผิดอยู่บ้าง
เมื่อครู่เธอไม่สบายใจ พูดไปเพียงสองคำ เขาก็ปฏิเสธเจ้ากรมเพ่ยอย่างเด็ดขาด ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอกินข้าว
ผู้ชายคนนี้ ให้ความสำคัญกับเธอ เธอก็ไม่โกรธแล้ว
เธอพูดพึมพำ “คุณไปทำธุระเถอะ อย่าให้คนอื่นรอนานเกินไป”
หากเจ้าหญิงเกิดกริ้วอะไรขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ เธอก็ไม่อยากจะทำให้โห้หลีเฉินพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ที่นี่ไม่เหมือนกับข้างนอก โห้หลีเฉินนอกจากตนเองแล้ว ก็ไม่มีกำลังสนับสนุนอื่น ผิดใจกับเจ้าหญิงขึ้นมาก็หัวเดียวกระเทียมลีบ
เห็นเย้นหว่านท่าทางเปลี่ยนเป็นเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใย โห้หลีเฉินยิ้มอย่างจนปัญญา
เขานั่งข้างๆเธอไม่ขยับเขยื้อน แล้วก็คีบอาหารให้เธออีก
“เย้นหว่าน ต่อหน้าผม คุณไม่ต้องฝืนอะไรที่ลำบากใจตัวเอง ผมชอบดูคุณทำและพูดอะไรด้วยความเป็นตัวของตัวเอง”
ไม่ต้องการ ก็คือไม่ต้องการ
อย่างนั้นเขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ
จ้องมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หัวใจของเย้นหว่านก็อดไม่ได้ที่จะเต้นเร็วขึ้นสองสามครั้ง ความหวานเติมเต็มหัวใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ สงบสุข
ระหว่างโห้หลีเฉินกับเธอ ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำ ฝืนตัวเองให้มีความคิดทัศนคติตรงกัน
ภายในใจเย้นหว่านสงบแล้ว จึงได้เอ่ยถามความสงสัยที่วนเวียนในใจออกมา
“บอกฉันได้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังทำธุระเรื่องอะไรอยู่”
คำพูดภายในใจ ในที่สุดก็ได้ถามออกมา
ก่อนหน้านี้ไม่รู้อะไรเลย ไม่เข้าใจอะไร ได้ยินคำซุบซิบนินทาอะไรก็คิดฟุ้งซ่าน ทำให้เธอกังวลไม่สบายใจ
เธอไม่อยากคาดเดาอะไรต่างๆนานากับโห้หลีเฉิน เธออยากให้เขาบอกเธอด้วยตนเอง ให้เธอสบายใจ
สายตาโห้หลีเฉินเคลื่อนไหวเล็กน้อย
ตอนนี้ หญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆมาตลอดเตรียมตัวจะเดินไป ก็แย่งพูดขึ้นมาอย่างมีลับลมคมใน
“เพื่อเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็ให้คุณโห้อยู่ด้วย เย้นหว่านคุณนี่ช่างดื้อรั้นจริงๆ ตอนนี้คุณโห้เป็นคนที่เจ้าหญิงพอพระทัย เรื่องที่ทำก็แน่นอนว่าต้องเป็นการแสดงความรักกับเจ้าหญิง ถ้าเป็นเพราะคุณทำให้เจ้าหญิงทรงกริ้ว คุณก็ต้องเป็นนักโทษแล้ว”
พอพูดประโยคนี้ เย้นหว่านก็เบิกตาโตอย่างตกใจ
แสดงความรักกับเจ้าหญิงเหรอ
ใจที่สงบเมื่อครู่ของเธอ ก็ร้อนรนขึ้นมาทันที มองโห้หลีเฉินอย่างตื่นตระหนก
ใบหน้าหล่อเหลาของโห้หลีเฉิน นิ่งขรึมอยู่ชั่วครู่ เหมือนกับอากาศก่อนที่จะเกิดลมพายุฝน
เขาเม้มริมฝีปากบาง กดดันเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธโดยตรง
เย้นหว่านก็รู้จักโห้หลีเฉินดี ท่าทีไม่พูดไม่จาของเขานี้ ยิ่งทำให้คำพูดของหญิงรับใช้ มีความน่าสงสัยขึ้นมาไม่น้อย
ทันใดนั้นใจของเธอก็ว่างเปล่า แปลกใจทั้งเสียใจอีกด้วย
ดังนั้นมิน่าเล่าเจ้าหญิงจึงได้เตรียมอาหารชั้นเลิศไว้ให้เขา……
เวนเดลล์เห็นท่าไม่ดี ก็รีบขู่ตะคอกว่า
“หญิงรับใช้คนนี้ ใครใช้ให้เธอมาพูดพล่ามอะไร เก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้ว ก็รีบไสหัวออกไป อย่ามายืนเกะกะขวางทางอยู่ที่นี่ ”
พูดพลาง เวนเดลล์ก็สาวเท้าเดินออกไปข้างนอกพลาง
หญิงรับใช้ถูกดุก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบหยิบของเดินออกไปเลย
ลูกสาวสองคนลูกชายสองคน ก็ถูกพาออกไปด้วย
ภายในห้องอาหารขนาดใหญ่ ตอนนี้ก็เหลือเพียงเย้นหว่านและโห้หลีเฉิน
เย้นว่านนั่งตัวแข็งทื่อ ในใจเย็นเฉียบ พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร
โห้หลีเฉินถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี “เย้นหว่าน ผมไม่ได้รักกับเจ้าหญิง”
อธิบายแล้ว
ก้อนหินก้อนใหญ่ที่กดทับอยู่ภายในใจของเย้นหว่านขยับเขยื้อน สายตาเปล่งประกายหันไปมองเขา
หัวใจหนักอึ้ง ราวกับยายามสะกดกลั้นอารมณ์อะไรบางอย่างไว้ที่สุด
“งั้นทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้น ทำไมเจ้าหญิงต้องรอคุณกินข้าวด้วย”
สมแล้วที่ว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงน่ากลัว
เธอแค่เพียงได้ยินว่าเจ้าหญิงรอโห้หลีเฉินกินข้าวด้วย ก็ไม่เคยอึดอัดและไม่สบายแบบนี้มาก่อน
ความจริงแล้วโห้หลีเฉินกับเจ้าหญิง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย
เห็นท่าทางถามซักไซ้ของเย้นหว่าน มุมปากโห้หลีเฉินก็ยกขึ้น
เขายื่นมือกดที่ศีรษะเธอ ถามอย่างหยอกเล่นว่า
“หึงแล้วเหรอ”
น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่อย่างนั้น ดูเหมือนอยู่ๆอารมณ์จะเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาแล้ว
เย้นหว่านนิ่งอึ้ง
เขากลับดีใจเหรอ
แล้วนี้คือประเด็นสำคัญเหรอ!
เธออารมณ์เสียหน้าบึ้ง “เปล่าเสียหน่อย”