สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 747 ผู้อยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้เขาอยากจะให้เย้นหว่านตายจริง ๆ แต่มาตอนนี้ ถูกโห้หลีเฉินทำให้ตกใจอย่างนี้ เขาไหนเลยจะยังมีความกล้าอยู่อีก
เขาแทบจะไม่สนใจความเจ็บปวดอีก แล้วพยุงร่างที่สั่นเทาของตัวเองขึ้นมา รีบเดินโซซัดโซเซไปที่ห้องพักของเจ้าหน้าที่
ห้องพักของเขาผู้ติดกับห้องพักของโห้หลีเฉิน มันเลยทำให้เขาลงมือได้สะดวก
เขาเจาะรู้เล็ก ๆ ตรงแผ่นไม้ จากนั้นปล่อยงูเข้าไป
โชคดีที่เป็นเพราะหลังจากบรรลุแผนชั่วที่ปล่อยงูเสร็จแล้ว เพื่อที่จะได้นำงูกลับมาทำลายหลักฐานนั้น เขายังได้เตรียมสิ่งของที่เอาไว้ล่องูมาอีกด้วย
เพียงไม่นาน ก็เห็นงูจงอางตัวนั้นเลื้อยออกมาจากรู
ชายหนุ่มรีบจับงูตัวนั้นเอาไว้ แล้วก็ถอนหายใจ
โชคดีที่งูตัวนี้ยังทำไม่สำเร็จ เย้นหว่านยังไม่ตาย ไม่อย่างนั้นละก็ถึงเขาจะมีอีกกี่ร้อยชีวิตก็คงไม่พอให้ตาย
ส่วนภารกิจของเขานั้น…
เขามีความรู้สึกตึงเครียดและไม่ปลอดภัยอยู่บ้าง เมื่อเก็บกวาดเสร็จแล้ว ก็ค่อย ๆ แอบออกไปจากการทรวงการต่างประเทศ
โห้หลีเฉินกลับมาทำงานที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง
นิ้วมือเคาะที่แป้นพิมพ์ด้วยความรวดเร็ว ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจออย่างไม่ละสายตา ดูราวกับได้ป้องกันเรื่องราวรอบด้านทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทว่าเขากลับเฝ้ามองชายที่เข้าออกอยู่อย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด
เม้มริมฝีบางเล็กน้อย ดูเย็นชาอย่างถึงที่สุด
ชายคนนั้นประคองตัวกับกำแพงมาตลอดทาง แล้วเดินโซซัดโซเซออกมาจากการทรวงการต่างประเทศในค่ำคืนที่มืดมิดนั้น ได้แอบเข้าไปที่พระที่นั่งของเจ้าหญิง
หลังจากที่ทหารเฝ้าประตูได้เข้าไปรายงานแล้ว เขาจึงรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ซาอินติยังคงไม่ได้นอนหลับ นั่งแต่งตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในห้องโถงใหญ่ แล้วมองชายหนุ่มด้วยความคาดหวังเล็กน้อย
ก่อนจะถามว่า “ลงมือแล้วหรือยัง?”
เธอรอข่าวดีมาตลอดทั้งคืน
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความขื่นขม นำถึงที่ใส่งูในมือวางลงบนพื้นตรงหน้า
เขาตอบกลับอย่างอ่อนระโหยโรยแรงว่า “เจ้าหญิงโปรดอภัย กระผม…กระผมทำไม่สำเร็จ”
“อะไรนะ?!”
ซาอินติโกรธจนลุกขึ้นยืน แก้วที่อยู่ในมือถูกเธอบีบจนเกือบจะแตกอยู่แล้ว
เธอมีสีหน้าที่ดุร้าย “แค่แอบเอางูเข้าไปไวในห้องของเย้นหว่าน ต่อให้กัดเธอตายก็ไม่มีใครรู้ ทำไมถึงยังไม่สำเร็จอีก?”
เธอไม่ได้นอนทั้งคืน ก็เพื่อรอข่าวดีเรื่องการตายของเย้นหว่าน ไม่ใช่เพื่อรอได้ยินคำว่าล้มเหลว
ชายหนุ่มตกใจจนร่างสั่นเทิ้ม แล้วรีบพูดว่า
“หลังจากที่ผมเตือนเย้นหว่านแล้ว ก็นึกว่าเธอจะจากไปเอง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะหันไปฟ้องโห้หลีเฉิน โห้หลีเฉินก็เลยกระทืบกระผมอย่างโหดร้าย หนำซ้ำยังเตือนกระผมอีกว่า…”
เพียงแค่นึกภาพในตอนนั้น ชายหนุ่มก็ยิ่งตัวสั่นสะท้านรุนแรงมากขึ้นไปอีก “เขา เขาบอกว่า เย้นหว่านเป็นของรักของหวงของเขา ถ้าใครกล้าแตะเธอแม้แต่นิดเดียวหรือทำร้ายเธอแม้แต่ปลายเล็บ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเขา เขาจะฆ่าให้ตาย”
ประโยคนี้ ไม่ใช่แค่เอ่ยเตือนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการข่มขู่อย่างแท้จริง
ประโยคนี้ ยิ่งไม่ต่างอะไรกับคนรักเลย
เขาไม่ใช่แค่เตือนชายคนนี้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ว่าใครก็ตาม ที่คิดจะทำร้ายเย้นหว่าน ล้วนถือว่าเป็นศัตรูกับเขา เขาก็จะฆ่าคนคนนั้นทิ้งเสียโดยไม่คิดค่าตอบแทน!
ฉับพลันนั้นซาอินติก็มีใบหน้าที่ขาวซีด นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม หัวใจก็พลันรู้สึกตื่นตระหนกเต้นระรัวอยู่หลายครั้ง
ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลก ๆ ว่าคำพูดของโห้หลีเฉินนี้ ไม่ได้บอกให้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แต่เป็นการเตือนเธอเสียมากกว่า
ต่อให้เธอจะเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ถ้าหากเธอฆ่าเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็จะไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่นอน
“เจ้าหญิง ทรงเป็นอะไรไปเพคะ?”
จู่ ๆ นางข้าหลวงมองเห็นสีหน้าของซาอินติดูเปลี่ยนไปอย่างมาก มือนั้นสั่นเล็กน้อย จึงได้สอบถามอย่างเป็นกังวล
ซาอินติทำราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น สายตาจ้องมองไปที่ตรงหน้า รู้สึกตื่นตระหนกและซับซ้อนอย่างยิ่ง
แต่ไรมาเธอก็ฆ่าคนตามอำเภอใจ อยากให้ใครตาย คนนั้นก็ต้องตาย
นับตั้งแต่ที่เริ่มตัดสินใจว่าจะให้เย้นหว่านตาย เธอก็เห็นเย้นหว่านเป็นแค่ศพหนึ่งไปแล้ว
แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกหวั่นไหวบ้างแล้ว
ถ้าฆ่าเย้นหว่านแล้ว เธอจะได้ผู้ชายที่เธอต้องการจริง ๆ เหรอหรือว่าจะได้ไม่คุ้มเสียกันแน่และยังต้องกลายเป็นศัตรูอาฆาตกับโห้หลีเฉินอีก…
เย้นหว่านไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปตอนไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองนอนหลับไปนอนเท่าไหร่ ตอนที่เธอตื่นขึ้นมารู้สึกแค่ว่าหลังมือตึง ๆ และเจ็บเล็กน้อย
เธอยังคงนอนฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่และหลับอย่างนี้ไปตลอดทั้งคืน
ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างได้เริ่มสว่างแล้ว
เย้นหว่านค่อย ๆ ขยับมือ คลายอาการเหน็บชาเพราะเลือดไหลเวียนไม่สะดวก ลืมตาขึ้น ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล
ท่วงท่าเดียวกับเมื่อวาน การเคลื่อนไหวเหมือนเดิม เขายังคงหน้าอยู่ด้านหน้าคอมพิวเตอร์และจ้องมองแป้นพิมพ์
ดวงตาคู่สวยคู่นั้น มีเส้นเลือดแดงเล็กน้อย หนำซ้ำที่ขอบตายังมีรอยคล้ำอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
นี่ไม่ได้นอนทั้งคืนจริง ๆ เหรอ
ฉับพลันนั้นเย้นหว่านก็รู้สึกปวดใจ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือที่เคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุดนั้นของเขาไว้
โห้หลีเฉินชะงักไปสักพัก แล้วเงยหน้ามองเย้นหว่าน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แสนรักใคร่เอ็นดู
เขาเอ่ยถาม “ตื่นแล้วเหรอ?”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ค่อนข้างแหบแห้งอยู่หลายส่วน
ซึ่งเป็นอาการที่เห็นได้ชัดเวลาที่ต้องอดหลับอดนอน
เย้นหว่านรู้สึกปวดใจและกุมมือของเขาไว้แน่นขึ้นอีก “เหนื่อยไหม?”
โห้หลีเฉินส่ายหน้า มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คน
“ไม่เหนื่อย”
อดหลับอดนอนมาทั้งคืนแล้ว ยังบอกว่าไม่เหนื่อยอีก นอกจากเป็นการปลอบใจแล้ว เกรงว่าคงจะไม่มีคำอธิบายอื่นอีก
ในใจของเย้นหว่านรู้สึกอัดอั้นตันใจและปวดใจอย่างสุดซึ้ง
เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “พักผ่อนสักหน่อยเถอะนะ ไม่นอนไม่ได้”
หลายวันมานี้ ใกล้จะพังในไม่ช้าก็เร็วแล้ว
ทว่าโห้หลีเฉินกลับพลิกมือกุมมือเล็กของเย้นหว่านไว้ แล้วจูบเบา ๆ
เสียงทุ้มต่ำของเขาปนไม่ด้วยรอยยิ้ม
“ใกล้จะหาเจอแล้ว หาเจอแล้วค่อยนอน ใกล้แล้ว”
เย้นหว่านอดไม่ได้ “แต่…”
“เย้นหว่าน เวลามันกระชั้นชิด ฉันต้องรีบแข่งกับเวลา เธอเป็นเด็กดีนะ เชื่อฟัง ยืนหยัดต่อไปอีกหน่อยดีไหม?”
เย้นหว่านเงียบสนิท
ทำไมถึงต้องบอกให้เธอยืนหยัดต่อไปอีกนิดล่ะ?
จากนั้น เธอก็ได้ยินโห้หลีเฉินพูดว่า “เวลาอยากมากที่สุดก็สองวัน ก็พอแล้ว ถ้าจะให้เร็วก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น เธอไม่ต้องกลับไปแล้ว อยู่รอฉันที่นี่ ฉันจะกลับไปด้วยกันกับเธอ”
พอได้ยินโห้หลีเฉินเตรียมการไว้อย่างนี้ หัวสมองของเย้นหว่านก็รู้สึกไม่แน่ใจ สักพักก็ดูราวกับเมฆหมอกนั้นได้จางหายไปแล้ว
เธอมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย แล้วถามด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า
“นายรู้หมดแล้วเหรอ?”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก ฝ่ามือใหญ่กุมมือเล็กของเย้นหว่านเอาไว้แน่น ราวกับท่าเรือที่เอาไว้หลบฝน
เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันเป็นผู้ชายของเธอ เรื่องที่เกี่ยวกับเธอ มีอะไรที่ไม่รู้บ้างล่ะ?”
เขาพูดได้อย่างมีเหตุผลมาก
น้ำเสียงที่ไร้เหตุผลนั้น กลับทำให้ความหวาดกลัวภายในจิตใจของเย้นหว่านนั้นกลายเป็นความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างฉับพลัน ทำให้เธอแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขา
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะปกป้องเธอให้ดีเสมอ
ขอบตาของเธอเริ่มแดงทันใดนั้นก็โผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สะอื้นว่า
“โห้หลีเฉิน โห้หลีเฉิน”
เธอเรียกชื่อของเขา คำพูดมากมายล้วนดูเหมือนเป็นที่รู้กันดีของทั้งสอง
เธอพบเจอกับอันตราย ถึงต้องมาอยู่ข้างกายเขา เขารู้ทุกอย่างหมดแล้ว เธอถูกข่มขู่ให้ตกใจ เธออยากแบกรับมันไว้คนเดียว แต่เขากลับเงียบเพื่อที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนพยาธิในท้องของเธอ รู้ถึงความไม่ปลอดภัยของเธอทุกอย่าง แล้วยังกางร่มคันใหญ่ที่แสนจะอุ่นใจมาให้
เมื่อได้อยู่ข้างกายเขา ต่อให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย เธอก็ไม่กลัวอีกแล้ว