สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 753 ปกป้องโดยไม่ลังเล
เย้นหว่านสูดมุมปากอย่างดุเดือด
ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ
ความวิตกกังวลในจิตใจของเธอหายวับไปทันที ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างเหลือเชื่อ แต่เธอก็รู้ว่าแม้หลายคนจะพูดเหมือนกัน เซอร์ยุนซีก็ยังคงยืนอยู่ข้างเธอ
แม้ปกติผู้ชายคนนี้จะทำอะไรเรื่อยเปื่อยและปัญญาอ่อนแล้วนำพามาซึ่งปัญหาเดือดร้อนมากมาย แต่ตอนนี้ การเชื่อและการปกป้องโดยไม่มีเงื่อนไขของเขา ทำให้หัวใจที่กำลังจะระเบิดของเย้นหว่านได้รับการปลอบประโลมขึ้นมาบางเบา
รัฐมนตรีอาวุโสที่ยืนอยู่ไม่ไกล ได้ยินคำพูดของเซอร์ยุนซีอย่างชัดเจน
ในใจเขาที่ยังมีร่องรอยแห่งโชคลาง ฉับพลันก็แตกละเอียดเป็นผุยผง
เขายิ่งเหลือเชื่อมากขึ้น เซอร์ยุนซีถูกน้ำยาเสน่ห์อะไรกันแน่ ถึงได้เลือกปกป้องเย้นหว่านโดยไม่ลังเล
ชายสองคนที่ควบคุมเย้นหว่านก่อนหน้านี้ ซึ่งถูกเซอร์ยุนซีเตะกระเด็นไปไกล ก็ยืนขึ้นอย่างขุ่นเคือง
พูดว่า “ท่านดยุก ให้เย้นหว่านมีชีวิตอยู่ มันเป็นความอัปยศของผู้ชายประเทศเบียนหนานเรา! ท่านไม่ควรปกป้องเธอแบบนี้ เธอมีแต่จะทำลายชื่อเสียงของท่าน”
พวกเขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทุกคำทุกประโยค รังเกียจเย้นหว่านจนเข้ากระดูกดำ
ยิ่งมุ่งมั่นอยากฆ่าเย้นหว่าน
พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศเบียนหนาน เป็นหนังหน้าไฟที่ปกปักรักษาระเบียบและกฎของประเทศเบียนหนาน ไม่สามารถทนเห็นเย้นหว่านเป็นตัวทำลายล้างทุกสิ่งไปต่อหน้าต่อตาได้
สีหน้าของเซอร์ยุนซีไม่พอใจหนักโดยทันที
แต่เมื่อเขามองไปที่เย้นหว่านกลับยิ้มอย่างอ่อนโยน ลูบหลังเธอเบาๆ และพูดว่า
“คุณยืนเองได้ไหม”
เย้นหว่านถูกบีบคอจนสูญเสียกำลัง ตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลง ถึงได้เพิ่งตระหนักว่าเธอพิงอยู่ในอ้อมแขนของเซอร์ยุนซีมาโดยตลอด
แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง รีบยืนตรงด้วยตัวเอง
เซอร์ยุนซีมองดูท่าทางเขินอายของเธอแล้วมุมปากก็ยกยิ้มอย่างมีความสุขมาก
พูดอย่างชื่นใจว่า “ยังไงต่อไปก็ต้องคุ้นชินอยู่แล้ว”
ในใจเย้นหว่านที่กำลังหวั่นไหว แทบจะหายไปในเวลาไม่กี่นาที
ผู้ชายคนนี้ไม่ควรมีปากจริงๆ
หลังจากเซอร์ยุนซีหยอกล้อเย้นหว่านและสนุกกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงที่มีชีวิตชีวาบนใบหน้าเล็กของเธอจนพอใจแล้ว ถึงได้หันกลับไปมองยังชายสองคนที่โวยวาย
ดวงตาที่เคยยิ้มแย้ม ชั่วพริบตาเดียวก็พลันเย็นชาราวกับอสุรกาย
รอบตัวเขาเต็มไปด้วยไอพิฆาต ก้าวทีละก้าว เหมือนเหยียบย่ำให้ทุกหนทุกแห่งมืดมิด เดินไปหาผู้ชายทั้งสองคน
บรรยากาศอันตรายอันทรงพลังทำให้ชายร่างสูงใหญ่สองคนตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
จิตใต้สำนึกสั่งให้พวกเขาก้าวถอยหลัง พูดอย่างสั่นเทาว่า “ท่านดยุก…”
“ให้เย้นหว่านมีชีวิตอยู่ มันเป็นความอัปยศของพวกแกงั้นเหรอ”
เซอร์ยุนซีย้ำสิ่งที่พวกเขาพูดนิ่งๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นเหมือนหมอกควันที่น่าหวาดผวา
เขาก้าวไปทีละก้าว “พวกแก มีคุณสมบัติอะไรไปเกี่ยวข้องกับเย้นหว่าน”
คำพูดดูถูกนั่นทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างตกใจและตกตะลึงที่เห็นไอพิฆาตไปทั่วกายเซอร์ยุนซี ราวกับว่าโลกจะถูกทำลายในชั่วพริบตา
นี่หมายความว่า ที่แท้แล้วพวกขุนนางและสตรีผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ ในสายตาของท่านดยุก ไม่มีสถานะเทียบเท่าเย้นหว่านเลยงั้นเหรอ
การดูถูกจากก้นบึ้งของหัวใจ ราวกับว่าแม้แต่ยกรองเท้าให้เย้นหว่านพวกเขาก็ไม่คู่ควร
ชายสองคนที่ถูกกดดันยิ่งหน้าซีดด้วยความกลัว ในใจนึกอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าในใจของท่านดยุก เย้นหว่านเป็นสิ่งที่อยู่สูงที่สุดไร้ใดเทียบ ไม่ยินยอมให้ลบหลู่ ไม่ยินยอมให้ดูหมิ่น
ชายทั้งสองคนเหงื่อออกหน้าผากราวกับสายฝนตก เผชิญกับความกลัวตายตรงหน้า ในที่สุดก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ฟุ่บ!” คุกเข่าลงกับพื้น ก้มหัวขอความเมตตา
“กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมผิดไปแล้ว ท่านดยุกได้โปรดไว้ชีวิต…”
“ท่านดยุกทรงไว้ชีวิตพวกกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมไม่กล้าอีกแล้ว…”
พวกเขารู้ดีว่า เมื่อสิ่งที่ตนสัมผัสได้คือก้นเสือเมื่อนั้นก็ต้องตาย
ท่านดยุกเป็นอิสระและไม่ถูกจำกัด แต่กลับเป็นผู้มีอำนาจระดับสูงอย่างแท้จริง เป็นไปได้สูงที่จะได้เป็นกษัตริย์แห่งประเทศเบียนหนานในอนาคต
และในหมู่องค์ชายทั้งหลาย ที่เขาได้ตำแหน่งปัจจุบันมา ไม่ใช่ด้วยความรักของกษัตริย์ แต่ด้วยความสามารถอันทรงพลังและวิธีการที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม
คนที่ทำให้เขาขุ่นเคือง คนที่ขวางทางเขา ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสักคนที่รอดไปได้
“โปรดไว้ชีวิตพวกแกงั้นเหรอ”
เซอร์ยุนซีหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องสุดแสนจะตลกขบขัน “ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าในอนาคตทุกคนจะกล้ารังแกเสี่ยวหว่านของฉันหรอกเหรอ”
เมื่อน้ำเสียงหยุดลง “กร็อบ!” เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้น
เซอร์ยุนซีเหยียบแขนของชายคนนั้นไปหนึ่งที ช่วงแขนขยับจากตำแหน่งไหล่และเปลี่ยนรูปในทันที
ชายคนนั้นร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด แต่มันยังไม่จบ เซอร์ยุนซีเหยียบอีกที แล้วแขนอีกข้างของเขาก็หัก
เขาสูญเสียการค้ำจุนในฉับพลัน ทั้งร่างชักกระตุ้นอยู่บนพื้น เจ็บปวดจนอยากตาย
การกระทำอันรวดเร็วนี้ ทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวทันที
ไม่เห็นเลือด แต่กลับทำให้คนสยดสยองและหวาดผวามากกว่ามีเลือดบนพื้นเสียอีก ในที่สุดพวกเขาก็เห็นมันอีกครั้ง วิธีการของท่านดยุก
นี่คือประเทศเบียนหนาน จะต้องไม่ขัดใจเทพแห่งหารฆ่า
ชายอีกคนหนึ่งเห็นโศกนาฏกรรมอันน่าสังเวชของเพื่อน จึงหวาดกลัวจนตัวสั่น ที่ตัวส่วนล่างพลันมีกลิ่นเหม็นฉุนโชยออกมา
เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง เป็นข้าหลวง ไหนเลยจะเคยรับความเจ็บปวดทรมานทางร่างกายแบบนี้
เขากลัวมาก ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความหวาดกลัว
“ท่านดยุกโปรดไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ ได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมเถอะ….”
ร้องไห้คร่ำครวญสภาพดูไม่ได้
เย้นหว่านยืนอยู่ข้างๆ มองดูฉากนี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เธอต่อพวกเขานั้นไร้ซึ่งความเมตตาสงสาร จะย่ำแย่เพียงใดมันก็ล้วนแล้วแต่หาเรื่องใส่ตัวเอง
หลังจากฟังข่าวลือที่ไม่รู้ว่าจริงเท็จมาส่วนหนึ่ง ก็ทำตัวเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม ยืนอยู่บนบัลลังก์ของศีลธรรม มาจัดการกับเธอ มาเอาชีวิตเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเซอร์ยุนซี ตอนนี้คนที่ตายไปคงเป็นตัวเย้นหว่านเอง
ฟังข่าวลือ เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา พวกเขาควรรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ ชดใช้ให้สาสม
เซอร์ยุนซีได้กลิ่นปัสสาวะโชยในอากาศ จึงปิดจมูกด้วยความขยะแขยง แล้วก็เตะไปที่หัวของผู้ชายคนนั้น จนเขากลิ้งไปหลายเมตร
“น่าขยะแขยงจริงๆ”
เซอร์ยุนซีพูดอย่างเกลียดชัง “มานี่ โยนเขาลงไปในคุกใต้ดินและให้อดอาหารจนตาย”
คุกใต้ดินเหรอ
มันเป็นสถานที่สำหรับนักโทษประหารเท่านั้น และเพราะความชั่วร้ายจนเกินเหตุ พวกเขาจึงจะถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมก่อนที่จะถูกประหารชีวิต
การอยู่จนอดตายเป็นฝันร้ายอย่างยิ่งที่ทุกคนจะต้องมีอาการหนังศีรษะชาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ชายคนนั้นหวาดกลัวมากจนทั้งร่างอ่อนแรง แต่ก็ไม่ได้สนใจร่างกายที่มีอาการหวาดกลัว แต่ทำการคลานไปที่เท้าของเซอร์ยุนซีด้วยตัวสั่นเทา
“ได้โปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านดยุก โปรดไว้ชีวิตด้วยเถอะ…”
เขายังไม่อยากตาย
เซอร์ยุนซีมองผู้ชายที่เข้ามาแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง กลิ่นเหม็นบนตัวของชายคนนี้ทำให้เขาเหลือทน
เขาถอยหลังไปสองก้าวและตะโกนเสียงดัง “ยังไม่รีบเอาตัวมันไปอีก!”
“ครับ”
การ์ดสองนายผลักผ่านฝูงชนเข้ามาทันที คว้าจับผู้ชายบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม
กระชากลากถูกพาไป
ผู้ชายคนนั้นหวาดกลัวจนถึงที่สุดจนกรีดร้องขอความเมตตาออกมาอย่างสยดสยอง
“ท่านดยุก ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย กระหม่อมไม่กล้าอีกแล้ว ไม่กล้าอีกต่อไปแล้ว…”
เขากรีดร้องโดยไม่รักษาภาพพจน์
แต่มันก็ไม่ได้กระตุ้นให้เซอร์ยุนซีเกิดความสงสารและเห็นใจเลยแม้แต่น้อย