สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 804 ไม่ดีมาก
“ตอนนี้ฉันอยากกินคุณจริง ๆ ”
ข้างหูของเย้นหว่านมีเสียงถอนหายใจที่ลึกต่ำของโห้หลีเฉินดังขึ้น
เย้นหว่านนอนนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมแขนของเขา สัมผัสระดับความร้อนในร่างกายชายหนุ่ม และการยับยั้งชั่งใจของเขาอย่างเด่นชัด
แก้มของเธอแดงมาก จนเธอไม่กล้าขยับเมื่อนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
อย่างไรก็ตาม เธอเป็นคนที่ทำให้เกิดไฟราคะนี้
ถ้าในเวลาปกติ เธอคงถูกกินอย่างดีจนไม่เหลือซาก แต่ตอนนี้โห้หลีเฉินยังคงบาดเจ็บสาหัส จึงไม่สามารถออกกำลังกายอย่างรุนแรงเช่นนั้นได้
อดทน ต้องอดทน
เมื่อเย้นหว่านคิดว่าเขาต้องปวดเจ็บ และต้องทนกับไฟราคะแบบนี้ ก็รู้สึกผิดมากขึ้น
ดูเหมือนว่าคืนนี้เธอไม่ควรมาที่นี่เลย
เธอไม่ได้ดูแลเขา กลับก่อไฟราคะ และยังพะเน้าพะนึงนอนใต้ผ้าห่ม
เย้นหว่านครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อย่างสับสน พลางฟังเสียงลมหายใจที่หนักลึกของชายหนุ่มที่ข้างหูของ แล้วก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
บางทีตอนกลางวันเธออาจจะเหนื่อยเกินไป หรือเธอสบายใจจริง ๆ ที่อยู่เคียงข้างเขา
แสงจันทร์เย็นมาก แต่ภายใต้ผ้าห่มนั้นอุ่นมาก
โห้หลีเฉินมองที่ผู้หญิงที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขา มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นแสดงถึงมุมของความเอาแต่ใจ
เขามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะอมยิ้ม แล้วหลับตานอนหลับไป
ในเวลานั้น คนสองคนอยู่ไม่ไกลจากหน้าต่าง พวกเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ร่มเงาของต้นไม้
คือเย้นโม่หลินและป่ายฉี
สีหน้าของเย้นโม่หลินมืดทะมึน บริเวณร่างกายของเขาเหมือนถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ ลมหายใจของเขาต่ำลึกและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
เขาจ้องมองตรงไปที่หน้าต่างห้องของโห้หลีเฉิน ราวกับว่าในดวงตาของเขามีมีดหลายเล่ม เสียงหวือหวือหวือ บินเข้าพุ่งไปข้างใน ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการสับโห้หลีเฉินเป็นพันชิ้นอย่างนั้น
เขานั่งอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
และเขายังมีประสาทสัมผัสการได้ยินที่เฉียบคมมาก ดังนั้นตั้งแต่เย้นหว่านลงจากเตียงเป็นต้นมา เขาก็ได้ยินทุกการเคลื่อนไหวของเธอในหูของเขา
หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงเธอวิ่งเข้าไปในห้อง และขึ้นไปบนเตียงของโห้หลีเฉิน
เขาเพิ่งจะพาเย้นหว่านกลับไปนอนที่เตียงของตัวเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะหันกลับ ก็แอบเข้าไปในห้องของโห้หลีเฉินอีกครั้งโดยไม่คาดคิด
นี่มัน……
เย้นโม่หลินกำลังจะโกรธจนตาย เกลียดน้องสาวที่ทำให้ผิดหวัง
“อุ๊ย หนาวจัง ฉันกำลังจะแข็งเป็นน้ำแข็งแล้ว”
ในวันที่อากาศร้อนมาก ป่ายฉีจับแขนโล่ง แล้วทำให้สั่นเทาไม่หยุด
ใบหน้าของเขายิ้มล้อเลียนเย้นโม่หลิน
เย้นโม่หลินมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณสายหัวไปนอนได้แล้ว”
ป่ายฉีบ่นไม่พอใจเรื่องที่ให้เขาเฝ้าดูแลตอนกลางคืน สุดท้ายก็ดีจริง เย้นหว่านแอบเข้าไปในห้องของโห้หลีเฉิน ป่ายฉีจึงไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ป่ายฉียินยอมอย่างเต็มใจ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะหยอกล้อเย้นโม่หลินต่อไป
“คุณคิดไม่ออกจริง ๆ ใช่ไหม ทำไมคืนเดียวเย้นหว่านก็ทนไม่ได้ ต้องแอบไปดูโห้หลีเฉิน”
สีหน้าของเย้นโม่หลินมืดมน เขามองไปที่ป่ายฉีด้วยสายตาหนักหน่วง “คุณรู้?”
เขาคิดไม่ตกจริง ๆ ก็แค่เวลาคืนเดียวเท่านั้น ต่างคนต่างนอนกัน มีอะไรจำเป็นถึงไม่เบื่อการอยู่ด้วยกัน?
ป่ายฉีพยักหน้า แล้วลอบมองสังเกตใบหน้าที่ทั้งเย็นชาและน่าเกลียดของเย้นโม่หลินอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถามว่า “คุณรู้จักความรู้สึกที่ไม่เจอหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วงไหม”
ไม่เจอหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง?
เกินจริงไปแล้ว
สีหน้าเย้นโม่หลินยังคงมืดมน ดวงตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย ตักเตือนป่ายฉีว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ
เมื่อป่ายฉีมองท่าทางที่ไม่ละเอียดอ่อนกับอารมณ์ความรู้สึกของเย้นโม่หลินแล้ว ก็รู้คำตอบ คนโง่ทึ่มนี้ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าไม่เจอหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วงหมายความว่าอย่างไร
“แล้วถ้าไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานล่ะ”
ป่ายฉีมองเย้นโม่หลินอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ถ้าคนคนหนึ่ง หลังจากแยกทางกัน อาจเป็นหลายเดือน หลายปี หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิตก็ไม่สามารถเจอกันอีกแล้ว คุณจะคิดถึงเธอไหม?”
“คนที่ไม่จำเป็นต้องพบกัน ไม่สำคัญกับฉัน ฉันจะ…” คิดถึงเธอได้ยังไง…
เย้นโม่หลินพูดไม่จบ ด้วยไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป
ในห้วงความคิดของเขา ปรากฏร่างของกู้จื่อเฟยในทันที และหัวใจของเขาก็ราวกับจะถูกลากด้วยบางสิ่งจนเกิดความเจ็บปวดอันเลือนราง
สำหรับเขาแล้ว กู้จื่อเฟยคือคนคนนั้นที่หลังจากแยกทางกัน จะเป็นเวลาหลายเดือน หลายปี หรือแม้กระทั่งตลอดชีวิตก็ไม่สามารถเจอกันอีกแล้ว
แต่สำหรับเธอแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ไม่สำคัญเลย หากเธอต้องการความช่วยเหลือ หรือเกิดอุบัติเหตุใด ๆ เขาจะช่วยเธอและช่วยชีวิตเธอโดยไม่ลังเล
แต่ถ้าเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือ ระหว่างเขาและเธออาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยในชีวิตนี้
ความทุกข์ตรมในอกของเย้นโม่หลินก็ถูกกดด้วยก้อนหิน ทำให้เขารู้สึกว่าการหายใจของตัวเองติดขัด
เขาคาดหวังในทันใดว่ากู้จื่อเฟยจะเจอปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ…
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้
เขาและกู้จื่อเฟยก็เหมือนการตัดด้าย และพวกเขาไม่สามารถพบกันได้อีกต่อไป
——
เนื่องจากเย้นหว่านแอบมาที่ห้องของโห้หลีเฉิน จึงกลัวว่าตัวเองจะถูกเย้นโม่หลินพบเข้าและด่าว่า ดังนั้นเธอจึงต้องตั้งนาฬิกาปลุกให้เช้า และตื่นนอนขึ้นมา
หลังจากนั้นเธอนั่งลงขอบเตียง แสร้งด้วยท่าทางว่าเพิ่งมา
เย้นโม่หลินมาห้องของโห้หลีเฉินในตอนสาย จุดประสงค์หลักคือเรียกเย้นหว่านกินข้าว และดูเหมือนว่าจะไม่พบความผิดปกติใด ๆ
เย้นหว่านจึงวางใจได้
หลังจากเย้นหว่านป้อนอาหารของโห้หลีเฉิน จึงไปกินข้าวในครัวเล็ก
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เธอก็สังเกตเห็นเรื่องหนึ่ง ฉู่ฉู่กินอาหารน้อยมาก กินเพียงคำสองคำก็วางชามตะเกียบแล้ว
คนก็กลัดกลุ้มและหม่นหมองสุดขีด
เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าลักษณะแบบนี้ไม่ปกติ
เย้นหว่านยังคงชอบฉู่ฉู่มาก ดังนั้นหลังจากเธอกินข้าวแล้ว ก็เดินไปที่สวนดอกไม้เล็ก ๆ และพบกับฉู่ฉู่ที่กำลังตัดกิ่งดอกไม้
ฉู่ฉู่มองเห็นเย้นหว่าน ดวงตาของหล่อนก็กะพริบเล็กน้อย และอารมณ์ของหล่อนก็ค่อนข้างซับซ้อน
หล่อนพยักหน้า แล้วหันศีรษะเพื่อตัดกิ่งดอกไม้ต่อไป และไม่มีความอบอุ่นใกล้ตามปกติ
ช่างเย็นชาและห่างเหิน
เย้นหว่านเดินไปหยุดข้าง ๆ เธอ และพูดว่า “ฉู่ฉู่ คุณมีเวลาไหม ฉันขอคุยกับคุณสักครู่ได้ไหม”
ฉู่ฉู่หยุดตัดกิ่งก้านดอกไม้ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่หยุดไปเลย หล่อนกล่าวโดยไม่หันกลับมามองว่า “คุณก็พูดมาเถอะ ฉันได้ยิน”
เย้นหว่านรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย จึงถามว่า “คุณโกรธที่ฉันไม่ได้บอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับโห้หลีเฉินเหรอ?”
ฉู่ฉู่กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ ฉันเข้าใจว่าคุณและคุณโห้ถูกบังคับให้บอกว่าเป็นพี่น้องกัน ก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัย ฉันรู้เรื่องนี้แล้วซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรกับฉัน และยังทำให้ฉันตกอยู่ในอันตราย”
นอกจากนี้ไม่ว่าเย้นหว่านและกับโห้หลีเฉินจะเป็นพี่น้องกันหรือคู่รักกัน ก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์กับเธอมากนัก
เย้นหว่านจึงโล่งอก ระดับความอดทนและความเข้าใจของฉู่ฉู่นั้นดีมาก
แต่ก็เพราะเหตุนี้ที่เธอยิ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของฉู่ฉู่เลย
เย้นหว่านถามว่า “แล้วคุณบอกฉันได้ไหมว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉับ” ฉู่ฉู่ตัดดอกไม้ที่เบ่งบานออกดอกสวยอย่างที่สุด
ท่าทางของเธอสับสนเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ฉันสบายดี”
ปากพูดว่าดี แต่กลับไม่ดีมาก