สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 809 ขอแต่งงาน?
“เฮ้”
เย้นหว่านนอนอยู่บนเตียงมองเพดานที่มีแสงสลัว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังมาที่หูของเธอ “เป็นอะไรไป พรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว คุณไม่เต็มใจเหรอ”
โห้หลีเฉินสังเกตเห็นว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาเย้นหว่านอารมณ์ไม่ดีมาก และไม่มีความสุขที่จะจากที่นี่ไปแม้แต่น้อย
เย้นหว่านกลัวว่า โห้หลีเฉินจะเข้าใจอะไรผิด ดังนั้นจึงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
เธอเอื้อมมือไปกอดคอของเขา แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันแค่กังวลเรื่องฉู่ฉู่ เธอและเซอร์ยุนซีอาจจะชอบกัน แต่ทั้งสองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่อธิบาย
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ทั้งสองคนอาจจะพลาดโอกาสไป”
เมื่อเธอมองท่าทางเศร้าหมองของฉู่ฉู่ แล้วกลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นบาดแผลสาหัสในหัวใจของหล่อนตลอดไป
คนทั้งสองจะทิ้งไว้ซึ่งความเสียใจในความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ไปชั่วชีวิต
โห้หลีเฉินใช้นิ้วลูบผมของเย้นหว่าน ในความคิดของเขานั้นไม่สนใจเลยสักนิด
“จะพลาดหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของพวกเขาเอง คุณอย่ากังวลไปเลย”
เขาไม่ชอบที่เธอห่วงใยผู้ชายคนอื่น อืม ผู้หญิงก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน
เมื่อเย้นหว่านถูกโห้หลีเฉินสงสัย ก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ความรู้สึกเป็นเรื่องของคนสองคน ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว”
เธอแค่ไม่สบายใจ เพียงแค่กังวลเท่านั้น
“ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็อย่าคิดอีกเลย มาคิดเรื่องระหว่างเราให้มากกว่านี้ดีกว่า”
“เรื่องอะไรระหว่างเรา?” เย้นหว่านสงสัย
ในแสงสลัวนั้น เธอกะพริบตา แล้วมองที่โห้หลีเฉิน
ก็มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มใกล้เข้ามาทันที จนปะทะกับลมหายใจเร่าร้อนดั่งไฟของเขา แล้วริมฝีปากนั้นก็จุมพิตเธอ
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือของเขาสอดเข้าไปในเสื้อผ้าของเธออย่างมุ่งมั่น
ทันใดนั้นร่างกายของเย้นหว่านก็ขึงแน่น พลางรู้สึกราวกับลูกไฟเล็ก ๆ กำลังลุกไหม้
เธอจับมือซุกซนของเขาอย่างตื่นตระหนก กว่าจะหาช่องว่าง และเปล่งเสียงอ่อนแรงออกมาว่า
“อย่า…อาการบาดเจ็บของคุณ…ยังไม่หายดี…”
“ทำเบา ๆ ก็ได้นี่”
สุ้มเสียงลุ่มลึกลุกเป็นไฟ
ราวกับเย้ยหวานจะถูกแผดเผา หัวใจของหญิงสาเต้นแรงเร่ง “แต่ แต่ว่า…”
“เย้นหว่าน ฉันคิดถึงคุณนะ”
เมื่อเสียงทุ้มลึกของโห้หลีเฉินหายไป เมื่อปากของเขาประทับลงกับริมฝีปากของเย้นหว่านอีกครั้ง
การจุมพิตครอบครองเอาแต่ใจนั้นลึกซึ้งรุนแรงจนทำให้ห้วงความคิดของเธอจางหายไป
เย้นหว่านไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด เมื่อทั้งสองก็อยู่ด้วยกันทุกวัน เขาจะยังคิดถึงเธอได้อย่างไร?
แน่นอนว่าโห้หลีเฉินทำอย่างที่บอกกับเธอจริง ๆ …
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เย้นโม่หลิน ป่ายฉี และบอดี้การ์ดที่ติดตามมาทั้งหมดยืนอยู่ในสนามอย่างพร้อมที่จะออกเดินทาง
หลังจากนั้นไม่นาน โห้หลีเฉินก็พาเย้นหว่านออกมา
เย้นโม่หลินเหลือบมองโห้หลีเฉินอย่างไม่พอใจและสั่งว่า “เตรียมออกเดินทาง”
“ครับ”
บอดี้การ์ดตอบกลับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และพวกเขาตรวจดูอีกครั้งว่าข้าวของที่นำมานั้นเพียงพอหรือไม่ แล้วเตรียมที่จะออกเดินทาง
เย้นหว่านมองดูสถานการณ์นี้ และรู้ว่าในที่สุดวันที่ต้องจากประเทศเบียนหนานได้มาถึงแล้ว
เวนเดลล์เดินมาด้านหน้า “คุณเย้น คุณหนูเย้น คุณโห้ คุณป่ายฉี พวกคุณเดินทางอย่างระมัดระวังนะ”
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างสง่างาม “ขอบคุณคุณสำหรับการดูแลในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้”
เวนเดลล์ปลาบปลื้มด้วยรอยยิ้มอันแจ่มใส “จะได้อย่างไรกัน ยังไงฉันควรทำอย่างนั้นนี่ เพราะภรรยาของฉันก็เคยสร้างปัญหาให้คุณหนูเย้นมาก่อน จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกผิดมาก”
เมื่อเย้นหว่านได้ยินเช่นนี้ ก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“มันจบแล้ว ไม่เป็นไร คุณเวนเดลล์ ฉันซาบซึ้งมากที่คุณช่วยเหลือตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ พวกเราคงจะไม่พบยาได้เร็วอย่างนี้”
ทั้งสองได้ทักทายกันสักครู่ เวนเดลล์จึงไปคุยกับป่ายฉี แล้วกล่าวคำอำลา
ฉู่ฉู่เดินมาตรงหน้าของเย้นหว่าน แล้วพูดอย่างจริงจัง
“เสี่ยวหว่าน เดินทางปลอดภัยนะ ดูแลตัวเองด้วย”
ดวงตาของเธอกะพริบแสดงออกถึงความไม่เต็มใจอย่างชัดเจน
ฉู่ฉู่เป็นชาวพื้นเมืองของประเทศเบียนหนาน ก็เกรงว่าไม่มีวันทิ้งจะออกจากประเทศเบียนหนานในชีวิตนี้ และถ้าไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เย้นหว่านก็จะไม่มาประเทศเบียนหนานอีกเลยในชีวิตนี้
ความจากกันครั้งนี้เป็นการจากกันตลอดไป
เย้นหว่านยังทำใจไม่ได้อยู่บ้าง แล้วจับมือฉู่ฉู่ไว้แน่น “ฉู่ฉู่ ถ้าต่ไปคุณมีโอกาสออกไปข้างนอก คุณต้องมาหาฉันนะ”
“ได้สิ”
ฉู่ฉู่ยิ้ม พลางพยักหน้า เธอก็อยากเห็นสถานที่ที่เย้นหว่านเติบโตขึ้นมาว่าเป็นอย่างไร แต่เธอก็กลัวว่าจะไม่มีโอกาสนั้นในชาตินี้แล้ว
เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในประเทศเบียนหนาน หากในอนาคตเธอแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาสักคน แต่งงาน มีลูก และในชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสออกจากประเทศเบียนหนานแล้ว
เพราะชาวเบียนหนานไม่เคยออกไปไหน
เมื่อเย้นหว่านรู้สถานการณ์นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าโศก ทำได้เพียงทิ้งไว้ซึ่งความคิดถึงอย่างนี้ ไม่ใช่การบอกลา แต่เป็นการแยกจากกันตลอดไป
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกัน ขณะนั้นประตูด้านนอกลานบ้านก็ถูกผลักออกจากด้านนอก
คนกลุ่มหนึ่งเดินถือกล่องสีแดงเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง
และกล่องสีแดงเหล่านี้ก็ทำให้เย้นหว่านประทับใจ และครั้งล่าสุดเมื่อเซอร์ยุนซีขอเธอแต่งงาน ก็นำกล่องลักษณะคล้ายกันมา
เหมือนกับว่านี่คือประเพณีการขอแต่งงานของประเทศเบียนหนาน
แต่เวลานี้ใครจะมาที่บ้านของเวนเดลล์เพื่อขอแต่งงาน?
เย้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีที่ไม่สามารถอธิบายได้
จากนั้นเธอก็เห็นว่าท่ามกลางกลุ่มคนที่ถือกล่องมานั้น มีชายหนุ่มในชุดสูทแบบเป็นทางการเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
เซอร์ยุนซีนั่นเอง
ม่านตาของเย้นหว่านหดตัวไปมา และมองเซอร์ยุนซีด้วยความประหลาดใจ ในตอนนี้เขาจะสร้างสถานการณ์ขอแต่งงาน เขาต้องการทำอะไรกันแน่?
เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนพวกเขาจะออกเดินทาง เซอร์ยุนซีอย่าทำให้เกิดปัญหาอะไรอีกเลยนะ
เธอรับไม่ได้นะ
เมื่อฉู่ฉู่เห็นเซอร์ยุนซี รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ชะงักค้างในทันที และไม่สามารถรักษารอยยิ้มนั้นไว้ได้อีกต่อไป
การแสดงออกภายนอกของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง ในหัวใจของเธอเกิดความเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นมาในทันที ใบหน้าของเธอก็ซีดขาวอย่างฉับพลัน
ขอแต่งงาน
ในเวลานี้เซอร์ยุนซียังคงไม่ยอมแพ้ ที่สุดแล้วเขายังอยากจะเกลี้ยกล่อมเย้นหว่านให้อยู่ที่นี่ต่อไปสินะ
หรือจะบังคับให้แต่งงานล่ะ?
ฉู่ฉู่รู้สึกขมขื่นในใจ และอิจฉามาก ความรักของเซอร์ยุนซีที่มีต่อเย้นหว่านนั้นลึกซึ้งและมั่นคงมาก
เมื่อเวนเดลล์รู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างเย้นหว่านและเซอร์ยุนซี เมื่อเขาเห็นเซอร์ยุนซีกำลังมา ก็เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
เขารีบเข้าไปต้อนรับ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ท่านดยุก คุณมาที่นี่ได้อย่างไร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เวนเดลล์ละเลยไม่สนใจกล่องขอแต่งงานกองหนึ่งอย่างจริงจัง
เซอร์ยุนซีมองเวนเดลล์อย่างสุภาพ ย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างจริงจัง
“ฉันมาเพื่อขอแต่งงาน”
ร่างกายของเวนเดลล์แข็งทื่อ เขาอ้าปากออก แต่ก็ไม่สามารถหาคำอันเหมาะสมที่จะพูดออกมาได้
“นี่…” เขาเกาศีรษะอย่างอึกอัก
เย้นหว่านไม่อาจจะแต่งงานกับเซอร์ยุนซี แม้ว่าจะเป็นประเพณีประเทศเบียนหนานที่ไม่สามารถปฏิเสธการขอแต่งงานได้ แต่พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติตามได้
ถ้าหากเหตุการณ์นี้รุนแรงขึ้นมา จะไม่เกิดการต่อสู้อันดุเดือดที่ลานบ้านของเขาเหรอ?
เย้นหว่านรู้สึกไม่สบายขึ้นมาในทันที เซอร์ยุนซีคนนี้สร้างปัญหาขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
เธอไม่อยากต่อสู้เลย
แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?
เธอกระสับกระส่ายอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี แต่ฝ่ามือใหญ่กลับจับมือเล็กของเธอเบา ๆ