สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 81 การยืดเยื้อของคุณโห้
บทที่ 81 การยืดเยื้อของคุณโห้
เช้าตรู่ นาฬิกาที่ตั้งไว้ของเย้นหว่านยังไม่ทันปลุก ก็โดนเฉียวเจียฮุ่ยลากขึ้นมาจากเตียงก่อนแล้ว
เธอล้างหน้าล้างตาด้วยความงัวเงีย “อะไรของแม่เนี่ย?”
“โห้หลีเฉินชอบกินอะไรเป็นอาหารเช้าหรอ”
เย้นหว่านใช้น้ำล้างหน้าให้สะอาด พลางตอบไปว่า “ข้าวต้มกับเครื่องเคียงอ่อนๆ หรือไม่ก็สลัดกับนม”
สายตาของเฉียวเจียฮุ่ยจ้องมองไปที่เย้นหว่าน “ทำไมแกถึงรู้ดีขนาดนี้ล่ะ”
เย้นหว่านที่กำลังจะเอาแปรงฟันใส่เข้าปากก็ชะงักไป แล้วหน้าก็แดงขึ้นด้วยความตกใจ
กลัวว่าแม่ของตัวเองนั้นจะคิดมาก เย้นหว่านเลยหาเหตุผลขึ้นมาบอกว่า “หนูก็พูดไปแบบนั้นแหละ คนปกติก็ชอบสองอย่างนี้กัน”
“ยังจะบอกว่าพูดไปแบบนั้นอีก แล้วแกหน้าแดงทำไมล่ะ”
ดูออกว่าเฉียวเจียฮุ่ยนั้นไม่เชื่อ ก็เลยพูดแซวเย้นหว่านออกไป
แล้วหน้าของเย้นหว่านก็แดงขึ้นไปอีก เขารีบเปลี่ยนเรื่องอย่างประหม่า “จะทำอาหารก็รีบทำเถอะแม่ ไม่งั้นเดี๋ยวหนูสายแน่ๆ”
“เห้อ เป็นลูกสาวที่ไม่คิดจะช่วยแม่เลย”
เฉียวเจียฮุ่ยบ่นถอนหายใจไปหนึ่งที แล้วก็ตั้งใจเดินออกไปด้วยท่าทางที่ผิดหวัง
เย้นหว่านจับไม้แปรงฟัน แล้วก็แสยะยิ้มมุมปาก เธอทำอะไรไว้กับโห้หลีเฉินกันแน่นะ
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินต่างก็เป็นที่จับตามองในบ้านของพ่อแม่ตัวเองแต่เช้าเลย
กว่าจะผ่านช่วงกินข้าวจนถึงเวลาทำงานนั้นมันไม่ง่ายเลย เย้นหว่านลากโห้หลีเฉินออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว
“คุณโห้หลีเฉินฉันไปทำงานก่อนนะ”
เย้นหว่านพูดแล้วก็เดินไป แต่โห้หลีเฉินเดินนำหน้าเขาไปก้าวนึง
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
นิ่งไปสักพัก เขาก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “ผมรับปากคุณป้าไปแล้วน่ะ ว่าต่อไปจะรับส่งคุณทำงาน”
เย้นหว่านถึงกับสำลัก พูดอะไรไม่ออก
ถึงแม้ว่าโห้หลีเฉินนั้นจะแค่ทำการแสดงต่อหน้าพ่อแม่ของเขา แต่มันจะสมจริงเกินไปแล้ว เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนขายยังไงอย่างงั้น
จากคำแนะนำของเย้นเหวินหนาน การช่วยเหลือจากลั่วอานนั้น ทำให้เย้นหว่านเข้าทำงานอย่างเป็นทางการได้อย่างรวดเร็ว
การทำงานวันนี้ราบรื่นมาก ผ่านไปโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย
พอถึงเวลาใกล้เลิกงานแล้ว เขาก็ได้รับข้อความนึงจากวีแชท
โห้หลีเฉิน : มาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
เย้นหว่านมองดูตัวหนังสือแล้ว อึ้งไปสักพัก แล้วก็นึกขึ้นได้ถึงคำที่โห้หลีเฉินพูดในตอนเช้า นี่แปลว่าเขาจะมารับส่งเธอจริงๆ หรอเนี่ย
แต่อีกสามวันเธอกับเขาก็จะหมดสัญญาหมั้นแล้วนะ ทางที่ดีในตอนนี้คือควรจะค่อยๆ ห่างกัน แล้วก็เว้นระยะห่างความสัมพันธ์กันไม่ใช่รึไง
คิดไปคิดมา เย้นหว่านตอบกลับไปว่า : คุณโห้หลีเฉิน คุณไม่ต้องสนใจคำพูดของพ่อแม่ฉันหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันนั่งรถไฟใต้ดินกลับดีกว่าค่ะ
โห้หลีเฉิน:รับคุณไปบ้านผมน่ะ
ผ่านไปสองวิ เขาก็ส่งมาอีก
โห้หลีเฉิน:ได้เวลาให้อาหารแมวแล้ว
เย้นหว่าน: เมื่อวานฉันก็สอนวิธีให้อาหารกับคุณไปแล้ว มันง่ายมาก คุณลองทำดูสิ
โห้หลีเฉิน:ผมดูเหมือนคนรักแมวหรอ
จริงๆ แล้วก็เป็นแค่ตัวหนังสือห้วนๆ แต่อารมณ์และความเย่อหยิ่งของโห้หลีเฉินนั้นเหมือนทะลุออกนอกจอได้ยังไงอย่างงั้น
เย้นหว่านถึงขั้นนึกภาพท่าทางที่เขาดูภูมิใจได้อย่างชัดเจน มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะ
เธอไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ทำได้แค่กลับไปที่บ้านของโห้หลีเฉินอีกครั้ง คิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องทำให้โห้หลีเฉินลองให้อาหารแมวเองให้ได้
ในเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เหลือแค่สามวัน ถ้าหมดสัญญาหมั้นแล้วคงไม่ได้ติดต่อกันแล้ว แล้วใครจะมาเลี้ยงเจ้าแมวน้อยนี้ล่ะ
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ใบหน้าที่สวยงามของมู่หรุงชิ่นก็แว๊บเข้ามาในหัวของเย้นหว่าน
เย้นหว่านอึ้งสักพัก อยู่ๆ ในใจก็มองข้ามความสูญเสียไป ใช่ ถ้าเขาไปแล้ว มู่หรุงชิ่นก็ต้องอยู่ข้างๆ โห้หลีเฉิน ทำหน้าที่ทุกอย่างแทนเธอทั้งหมด เป็นว่าที่เจ้าสาวของเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นภรรยาของเขา
เวลาผ่านไปเร็วมาก แค่กะพริบตาก็ผ่านไปสามวันแล้ว
วันสุดท้ายนั้นเป็นวันสุดสัปดาห์พอดี เย้นหว่านและกู้จื่อเฟยนัดออกมาทานข้าวด้วยกัน
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่าน แล้วก็พูดว่า “เย้นหว่าน พรุ่งนี้เธอจะยกเลิกสัญญาหมั้นกับโห้หลีเฉินจริงๆ หรอ ดูออกเลยล่ะว่าช่วงเวลานั้นน่ะโห้หลีเฉินดูแลเธอดีมากเหมือนกันนะ แล้วก็รู้สึกว่าเขาก็รู้สึกกับเธอด้วย จริงๆ แล้วพวกเธอน่าจะลองคบกันต่อนะ”
เย้นหว่านส่ายหัว ที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยสักนิด
“เป็นเพราะฉันเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขา เลยต้องดูแลฉันในบางครั้ง แค่นั้นเอง”
“แต่ก็เป็นไปได้ที่เขาจะชอบเธอไม่ใช่หรอ”
“เขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว”
เย้นหว่านตอบอย่างหนักแน่น ลึกๆ ข้างในน้ำเสียงนั้นก็มีความสับสนอยู่บ้าง
เขาดื่มน้ำผลไม้ไปอึกหนึ่ง แล้วก็ทำเป็นพูดอย่างสบายๆ ว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด หลังจากที่ฉันยกเลิกสัญญากับเขา เขาสองคนก็คงจะคบกันทันทีเลยก็ได้”
กู้จื่อเฟยรู้สึกงงๆ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย ทำไมเธอไม่เคยได้ฉินฉู่พูดถึงเลยสักนิด
ตอนที่เธอคุยกับฉินฉู่ ก็รู้สึกได้ว่า โห้หลีเฉินนั้นก็มีความหมายสำหรับเย้นหว่านอยู่เหมือนกัน
ดูจากแบบนี้แล้ว เธอต้องถามฉินฉู่แล้วล่ะ
กู้จื่อเฟยถามต่อ “เธอรู้ไหมว่าคนที่เขาชอบคือใคร”
“เป็นผู้หญิงที่สวยและรวยมากเลยแหละ น่าจะชื่อมู่หรุงชิ่นนะ เป็นคู่สร้างคู่สมกับโห้หลีเฉินน่ะ”
เย้นหว่านแล้วยักไหล่ หลังจากพรุ่งนี้ งานหมั้นปลอมๆ ในเดือนนี้ก็จะจบลงสักที
ในใจเธอบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอะไร ไม่รู้ว่ากำลังตั้งหน้าตั้งตารอหรือเปล่า
วันที่สอง พอเย้นหว่านมาถึงที่ทำงาน ในใจนั้นนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโห้หลีเฉินทั้งวัน จนสงบจิตใจไม่ได้เลย
เธอคิดว่าโห้หลีเฉินนั้นจะเป็นคนเอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับเธอก่อน แต่ใกล้เลิกงานแล้ว แม้กระทั่งหน้าของโห้หลีเฉินเธอก็ยังไม่เจอเลย
ตอนที่เย้นเหวินหนานมานั้น เย้นหว่านก็แกล้งๆ ถามไปคำนึง :
“นายรู้รึเปล่าว่าโห้หลีเฉินกำลังยุ่งกับอะไรอยู่หรอ”
“เขาเดินทางน่ะ”
เหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเย้นหว่านต้องถาม เย้นเหวินหนานเลยตอบไปอย่างธรรมชาติ
เย้นหว่านอึ้งไปพักนึง ทำไมถึงเดินทางวันนี้ล่ะ
“แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่หรอ”
“น่าจะหลายวันอยู่นะ”
เย้นหว่าน:” ……” แล้วจะทำยังไงกับเรื่องที่พวกเขาจะยกเลิกงานแต่งล่ะ
เย้นหว่านรู้สึกเริ่มเครียดนิดหน่อย พอคิดดูสักพักแล้ว ก็ส่งข้อความหาโห้หลีเฉินทางวีแชทเองเลยดีกว่า
เย้นหว่าน:คุณโห้หลีเฉิน ว่างไหมคะ
แล้วเธอก็ต้องรออยู่นานสองนาน ผู้ชายที่เมื่อก่อนตอบกลับเขาภายในไม่กี่วิ แต่นี่ผ่านไปเป็นหลายชั่วโมงก็ยังไม่ตอบกลับมาเลยสักตัวเดียว
เขาคงยุ่งจนไม่มีเวลาตอบแหละ
เย้นหว่านทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง
จนถึงตอนที่ใกล้จะดึกแล้ว ในที่สุดโห้หลีเฉินก็ตอบกลับมาประโยคนึง
คำพูดที่กระชับเข้าใจง่าย : ยุ่งอยู่น่ะ ให้อาหารแมวด้วย
เย้นหว่าน: “……”
มองดูตัวอักษรบนโทรศัพท์แล้ว คำที่เธออยากจะพูดก็ยังทันได้ส่งไป
โห้หลีเฉินเดินทางแบบนี้ ก็เป็นเวลาหลายวันเลยล่ะ
เย้นหว่านรอคอยการยกเลิกงานหมั้นของเขาตั้งแต่วันแรก แต่จากนั้นก็ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ต้องเลื่อนออกไปอีกเพราะเขายังกลับมาไม่ได้
แล้วเธอก็ยังต้องไปให้อาหารแมวที่บ้านเขาทุกวันอีกด้วย
ยิ่งอยู่เจ้าแมวน้อยยิ่งติดเขาแล้ว ทุกครั้งที่ไป เจ้าแมวน้อยก็จะวิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเธอด้วยความตื่นเต้นดีใจ พอเธอจะกลับก็มากอดขาของเธอเอาไว้ ทำท่าทางน่าสงสารเหมือนโดนทิ้งยังไงอย่างงั้น
เย้นหว่านดูแล้วก็รู้สึกปวดใจ พอคิดว่าต่อไปจะไม่ได้มาหาเจ้าแมวน้อย ในใจก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นไปอีก
แต่ว่าเจ้าแมวน้อยเป็นของโห้หลีเฉิน ไม่ได้เป็นของเธอ
หลังจากที่ต้องแบกความรู้สึกที่วุ่นวายเอาไว้ ในที่สุดเย้นหว่าน ก็รอมาถึงวันที่โห้หลีเฉินกลับมา
เธอใช้งานเป็นข้ออ้าง เพื่อจะไปหาเขาที่ห้องทำงานของเขา