สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 829 เธอถืออะไร
แต่….
เธอพยายามมาแล้วหลายครั้งและเธอเข้าใจชัดเจนว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเธอ
กู้จื่อเฟยวิ่งจนมาถึงห้องน้ำ เธอใช้น้ำเย็นล้างหน้าถึงจะทำให้ตัวเองสงบลงได้
ตอนนี้เธอไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว เธอยังมีงานต้องทำ
กู้จื่อเฟยหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันหลังเดินไปยังห้องเก็บของขวัญ
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องจัดเลี้ยง
ฝู้เหวยข่าย เห็นกู้จื่อเฟยเดินหนีไป ดวงตาของหม่นลงแล้วก็เดินตามเธอไป
สิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงคืนนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤต
ใช้ประโยชน์จากการที่กู้จื่อเฟยอยู่คนเดียวตอนนี้ เขาต้องให้เธอชี้แจงเรื่องบางอย่างให้ชัดเจน
ในขณะเดียวกัน กู้จื่อเฟยก็ใช้โอกาสที่ไม่มีคนแอบเข้าไปในห้องเก็บของขวัญอย่างเงียบๆ
ข้างในนั้นมีของขวัญอยู่กองหนึ่ง หนึ่งในนั้นพลอยที่เย้นโม่หลินส่งให้ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ ดั่งราชาที่แสดงความโดดเด่นออกมาท่ามกลางกองผลึกหิน ไม่สามารถต้านทานได้
กู้จื่อเฟยมองไปยังพลอยนั้น ภายในหัวก็ฉายภาพของเย้นโม่หลินขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
นี่เป็นของเย้นโม่หลิน..
แม้ว่าจะไม่ได้ส่งมาให้เธอ แต่มันก็อยู่ที่บ้านของเธอ
สิ่งนี้เคยเป็นของเขา
อารมณ์ของกู้จื่อเฟยค่อนข้างสับสน เธอพยายามระงับความคิดที่น่ารำคาญใจเหล่านี้ และหันไปและเริ่มมองหาของขวัญจากฝู้เหวยข่าย
แต่เธอกลับไม่เข้าใจ
เย้นโม่หลินตั้งใจส่งพลอยนี้มาเป็นพิเศษ เป้าหมายก็เพื่อกระตุ้นให้ ฝู้เหวยข่าย ส่งหยกเลือดนี้ออกมา
สิ่งของประเภทนี้โดยปกติมีราคาแพงและจะอยู่ติดกับตัว จึงหาแหล่งที่มาได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะหาเจอได้ร้อยเปอร์เซ็น
ตามความเข้าใจของเธอ เย้นโม่หลินจะไม่ทำอะไรที่มีโอกาสสำเร็จเพียง50% ดังนั้นเขาจึงต้องมีจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากการบังคับให้ฝู้เหวยข่ายนำของขวัญสำคัญออกมา
แต่จุดประสงค์ของเขาคืออะไรกันนะ
กู้จื่อเฟยไม่เข้าใจ ในเมื่อต้องได้หยิงหลิงมาจากทางฝู้เหวยข่าย ก็ควรจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฝู้เหวยข่ายสิ
จะสรรหาวิธีกลั่นแกล้งสร้างความขุ่นเคืองไปเพื่ออะไร?
ในขณะที่กำลังคิด เท้าของกู้จื่อเฟยก็หยุดลง บนชั้นที่อยู่ตรงหน้าเธอมีกล่องที่บรรจุหยกเลือดภูเขาหนานเอ๋อวางอยู่
หาเจอแล้ว
กู้จื่อเฟยไม่สนใจความสงสัยนั้นและเปิดกล่องทันทีและหยิบหยกเลือดออกมา
เมื่อต้องมือ ก็เป็นสัมผัสอันอุ่นสบาย เป็นของที่ดีมากทีเดียว
หวังว่าหยกนี้จะทำให้รู้ภูมิหลังของ ฝู้เหวยข่าย และสามารถแก้ไขปัญหาได้นะ
เพราะเธอสวมชุดราตรีและไม่ได้ถือกระเป๋าถือ เธอทำได้เพียงถือหยกเอาไว้ในมือแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เธอเดินออกจากห้องของขวัญ ก็พบกับ ฝู้เหวยข่าย ที่กำลังเดินเข้ามาโดยไม่คาดคิด
ร่างกายของกู้จื่อเฟยเกร็งขึ้นมาทันที มือที่ถือหยกอยู่นั้นขยับไปข้างหลังอย่างลนลาน
ฝู้เหวยข่าย สังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของเธอแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“จื่อเฟย เธอถืออะไรอยู่เหรอ?”
คำถามนี้ทำให้กู้จื่อเฟยยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก เธอขโมยหยกเลือดมาก็เพื่อนำไปตรวจสอบประวัติของ ฝู้เหวยข่าย แบบลับๆ
ถ้าให้เขาเห็นตอนนี้ เมื่อรู้แล้วเขาต้องเดาอะไรบางอย่างได้ จากนั้นก็จะให้คนมาจัดการลบล้างมันแน่
งั้นเรื่องที่เธอทำแล้วทำเล่าในคืนนี้ก็จะสูญเสียไปเปล่าๆ ทั้งหมด
กู้จื่อเฟยหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์และตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไร แค่ของเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้สำคัญอะไร แล้วคุณมาที่นี่ได้ทำไม?”
ฝู้เหวยข่าย มองตรงไปที่กู้จื่อเฟย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
ถ้าเป็นของไม่สำคัญ แล้วทำไมเธอถึงออกจากงานแล้วมาเอาด้วยตนเองแบบนี้
สายตาระแวดระแวงของเขากวาดมองไปที่มือของกู้จื่อเฟยที่อยู่ทางด้านหลังแต่ยังคงรักษารอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขาเอาไว้
“จื่อเฟย เธอมีอะไรจะพูดกับฉันไหม”
กู้จื่อเฟยดูตื่นตระหนกและต้องการออกไปจากที่ “โอเค งั้นเราเดินไปคุยไปกันเถอะ”
พูดจบ เธอก็กำลังจะเดินออกไปจากที่นี้ เดินไปแค่เพียงสองก้าว แต่ร่างสูงฝู้เหวยข่าย ก็ขยับเข้ามาอย่างกะทันหัน ขวางทางเธอไว้ราวกับเป็นภูเขาลูกหนึ่ง
กู้จื่อเฟยตกตะลึงและมองไปยังเขาอย่างไม่คาดคิด
“นายจะทำอะไร?”
แม้ว่า ฝู้เหวยข่าย จะดูอบอุ่น แต่ท่าทางของเขานั้นดูเด็ดขาด “พูดมาที่นี่แหละ”
หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่ เขาก็พูดออกมาด้วยเสียงต่ำ อู้อี้และคลุมเครือ “ที่นี่มีเพียงเราสองคน”
ก็เพราะมีกันเพียงแค่สองคน จึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
กู้จื่อเฟยพยายามทำใจให้สงบ ค่อยๆ ถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างจาก ฝู้เหวยข่าย
“นายคิดจะพูดอะไรน่ะ?”
ฝู้เหวยข่ายมองดูเธอที่ค่อยๆ ถอยไป แววตาหม่นลงอย่างไม่รู้ตัว
พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม “เรื่องที่เธอตกลงจะไปเดินเล่นกับฉันคืนนี้น่ะ ยังนับอยู่ไหม?”
คำถามที่ถามกันก่อนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่า ฝู้เหวยข่าย จะรีบกลับมาถาม
กู้จื่อเฟยร้อนรนเล็กน้อย
แผนเปลี่ยนไปแล้ว แผนเดิมที่เธอวางแผนไว้ว่าจะเดินเล่นกับฝู้เหวยข่าย ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย แน่นอนว่าเธอจะไม่ไปกับเขาอีกต่อไป
แต่ในปัจจุบันทันด่วนนี้ เธอควรหาเหตุผลอะไรดีล่ะ?
ความคิดของกู้จื่อเฟยแล่นไปมาอย่างรวดเร็ว พูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษนะ ฉันไม่เคยคิดว่าเพื่อนสนิทของฉันจะกลับมาจากต่างประเทศกะทันหัน ความสัมพันธ์กับเธอนั้นดีมาก ไม่เจอกันนานขนาดนี้ คืนนี้ฉันต้องอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเธอสักพัก ดังนั้น… คืนนี้ฉันออกไปเดินเล่นกับนายไม่ได้”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของ ฝู้เหวยข่าย ก็ค่อยๆ จางลงไป
การเปลี่ยนแปลงในคืนนี้ทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี การไล่ตามมาถามเรื่องการเดินเล่นนั้นเป็นความหวังสุดท้าย
ตอนนี้คำตอบของกู้จื่อเฟยที่บอกเขาอย่างชัดเจนว่า ความหวังสุดท้ายได้หายไปแล้ว
ความอบอุ่นเดิมและความคาดหวังที่จะได้อยู่ด้วยกันในไม่ช้าก็แตกสลายราวกับความฝัน
ฝู้เหวยข่าย พุ่งไปข้างหน้าอย่างฉับพลันและคว้าแขนของกู้จื่อเฟยไว้
“จื่อเฟย…”
กู้จื่อเฟยตกตะลึงและรีบเปลี่ยนหยกเลือดที่เธอถืออยู่ด้วยมืออีกข้าง มือนั้นเริ่มออกแรงหนัก
เละร่างกายของเธอ ก็เข้าใกล้ ้ ฝู้เหวยข่ายอย่างห้ามไม่ได้
ใกล้จนร่างของเธอแทบจะแนบไปกับเขา
การสัมผัสนี้ทำให้กู้จื่อเฟยรู้สึกอึดอัดมาก
“นายจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ”
กู้จื่อเฟยพูดด้วยความตื่นตระหนก
การต่อต้านและการดิ้นรนของเธอที่เหมือนการยื้อฟางเส้นสุดท้ายนั้น ทำให้รอยยิ้มสุดท้ายบนใบหน้าของ ฝู้เหวยข่าย หายไป
เขาจับมือของเธอแน่น คิ้วขมวดมุ่น
พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “กู้จื่อเฟย เธอไม่คิดที่อยากจะอยู่กับฉันแล้วเหรอ?”
อารมณ์ของชายตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน กู้จื่อเฟยรู้สึกตกใจและหวาดกลัวขึ้นในทันที
ซึ่งแตกต่างจากผู้ชายที่อ่อนโยนและสง่างามก่อนหน้านี้เหมือนเป็นคนละคน
งั้นตัวเองก่อนหน้านี้คือความเสแสร้งและนี่เป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฝู้เหวยข่ายงั้นเหรอ?
กู้จื่อเฟยใจหาย หน้าซีด ค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น
“ฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไรอยู่ พวกเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาตลอดหรอกเหรอ?”
“คำพูดนั้นน่ะ ตัวเธอเองก็เชื่อแบบนั้นงั้นเหรอ? เธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ อย่ามาพูดเล่นแบบนี้”
ฝู้เหวยข่าย มองไปที่เธออย่างหงุดหงิด “อยู่ๆ ตอนนี้เธอก็เปลี่ยนใจขึ้นมารึไง? เป็นเพราะว่าเย้นโม่หลินกลับมาใช่ไหม?”