สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 831 คอยดูเถอะ
พยายามอดทนอดกลั้นความเจ็บปวดที่ร่างกายเอาไว้ ฝู้เหวยข่ายกัดฟันพูดขึ้น
“เย้นโม่หลิน คุณเป็นอะไรกับกู้จื่อเฟย? กล้าดียังไงมาจำกัดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอ กู้จื่อเฟยเป็นแฟนของฉัน!”
พอได้ยินแบนนั้น ท่าทางที่กำลังเดินจากไปของเย้นโม่หลินก็หยุดชะงักลง
เขาหันเดินมา มองผู้ชายที่กำลังค้ำพื้นอยู่ด้วยสายตาเย็นชา มุมปากยกขึ้น เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเย้ยหยัน
“เธอเป็นแฟนของแกตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันถึงไม่รู้?”
“นั่นก็เพราะเธอไม่ได้บอกแกก็เท่านั้นเอง ก่อนที่แกจะกลับมา กู้จื่อเฟยอยู่ด้วยกันกับฉันทุกวัน นัดกันทุกวัน ฉันกับเธอเข้ากันได้ดีมาก เป็นคู่รักกันยังไงล่ะ”
ฝู้เหวยข่ายแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น“แกนี่มันเข้ามายุ่งจุ้นจ้านเหลือเกินนะ”
พอได้ฟังแบบนั้น กู้จื่อเฟยก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ฝู้เหวยข่ายนี่พูดพล่ามไร้สาระเกินจริง!
แววตาของเธอสั่นไม่นิ่ง มองเย้นโม่หลินอย่างไม่สบายใจ กลัวว่าเขาจะเข้าใจอะไรผิดขึ้นมา
แต่ว่า เธอกลับไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากพูดแก้ตัวให้กับตัวเองยังไงดี
เธอแทบจะไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเลยด้วยซ้ำ
เย้นโม่หลินยิ้มอย่างเย้ยหยัน สายตาที่ดูถูกดูแคลนนั่น ราวกับกำลังดูเรื่องตลกอยู่
น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสสุดๆ“จากที่ฉันรู้มา ช่วงนี้แกทำทุกวิถีทางที่จะไล่ตามจีบกู้จื่อเฟย คอยเกาะแกะวุ่นวายเธอ แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ตอบรับอย่างเป็นทางการว่าจะอยู่ด้วยกันกับแกสักหน่อย”
“เธอกะที่จะอยู่ด้วยกันกับฉัน……”
“ถ้าอย่างนั้นก็จบแล้ว”
เย้นโม่หลินพูดตัดบทพูดของฝู้เหวยข่ายอย่างเย็นชา“ฉันกลับมาแล้ว แกไม่มีโอกาสแล้ว”
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินด้วยความอึ้งตะลึง คำพูดนี้ของเขา หมายความว่ายังไง?
ฝู้เหวยข่ายก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน ถามขึ้นเสียงดัง
“เย้นโม่หลิน แกหมายความว่ายังไง? แกจะอยู่ด้วยกันกับกู้จื่อเฟย?”
“เธอเป็นผู้หญิงที่ฉันชอบโปรดปราน แล้วแกคิดว่าไง?”
เย้นโม่หลินยิ้มอย่างเย้ยหยัน น้ำเสียงมั่นใจแน่วแน่ว่าต้องได้
ฝู้เหวยข่ายอึ้งไปสักพัก จู่ๆก็เข้าใจขึ้นมา ที่แท้เย้นโม่หลินก็ชอบกู้จื่อเฟยนี่เอง ที่กลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อกลับมาไล่ตามเธอ
แล้วกู้จื่อเฟย ก็ดูเหมือนจะสนใจในตัวเขาเหมือนกัน
“แกก็แค่ชอบเธอเท่านั้น ก็เป็นแค่คนที่ไล่ตามจีบเหมือนกับฉันเท่านั้น แล้วกล้าดียังไงถึงคิดว่าตัวอยู่เหนือกว่าฉัน เก่งกว่าฉัน? เย้นโม่หลิน ฉันจะบอกแกให้นะ ฉันไม่มีทางปล่อยวางจากกู้จื่อเฟยแน่นอน!”
ฝู้เหวยข่ายค้ำอยู่ที่พื้น ลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก
เสื้อผ้าของเขายุ่งเหยิง สีหน้าซีดขาว มุมปากมีเลือด แววตากลับบ้าคลั่งดื้อรั้น ไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาดูกัน ว่าใครที่จะสุดยอดเก่งกาจ จนสามารถได้ครอบครองสาวงามไป!”
แม้ว่าสภาพจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่การประกาศสงครามในครั้งนี้ กลับพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มร้อย
กู้จื่อเฟยอึ้งตะลึงไป ไม่ได้ยินเลยว่าฝู้เหวยข่ายกำลังพูดอะไรอยู่ สองตาที่มองเย้นโม่หลินสั่นกระส่ายอย่างไม่หยุดหย่อน
เธอแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เมื่อตะกี้ได้ยินว่า ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาเล็งเอาไว้อย่างนั้นเหรอ?
ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ออกมา ทำไมเขาถึงอยากที่จะอยู่ด้วยกันกับเธอ……
ใจของกู้จื่อเฟย วุ่นวายจนแทบจะระเบิดออกมา เสียงดังก้องอยู่ในหัว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นคำพูดเมื่อตะกี้ของเย้นโม่หลิน
ทำให้เธอช็อกตกใจ ทำให้เธอจิตใจสับสนวุ่นวาย ถึงขนาดที่แทบจะสูญเสียสติปัญญาไปเลย
เย้นโม่หลินชำเลืองตามองฝู้เหวยข่ายอย่างดูถูกดูแคลน ยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แล้วแต่คุณ”
ท่าทีแบบนั้น มันดูถูกดูแคลนแบบที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ฝู้เหวยข่ายสัมผัสได้ถึงความอัปยศอยู่ลึกๆ ความโกรธแค้นที่สุมอยู่ทรวงทวีความรุนแรงขึ้นแล้ว
เขารีบร้อนที่จะเอาคืนให้กับตัวเอง กัดฟันพูดขึ้น
“เย้นโม่หลิน ฉันไม่สนหรอกว่าที่ต่างประเทศแกจะมีสถานภาพอะไร มีตำแหน่งอะไร แต่ในประเทศ ที่นี่เป็นถิ่นอำนาจของฉัน ทุกอย่างเป็นของฉัน แกคิดจะมาแย่งผู้หญิงกับฉันที่นี่ ฉันจะทำให้แกมาแต่ไม่สามารถกลับไปได้อีก”
กู้จื่อเฟยใจเต้นแรง รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
แม้ว่าสถานภาพของฝู้เหวยข่ายจะไม่แน่ชัด แต่สามารถมองออกว่า อำนาจและวิธีการของเขาไม่ได้อ่อนด้อยแน่ๆ
แม้ว่าตระกูลเย้นจะมีอำนาจมาก แข็งแกร่งขนาดที่ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรู แต่นั่นก็ล้วนแต่เป็นพลังอำนาจจากต่างประเทศทั้งนั้น น้ำที่อยู่ห่างไกลไม่สามารถช่วยดับไฟในบริเวณใกล้ๆได้
กู้จื่อเฟยตึงเครียดขึ้นมาทันที กำลังจะลุกขึ้นมาพูดอะไร เพื่อจะยับยั้งสงครามก่อนที่มันจะขยายวงกว้างไปมากกว่านี้ ในเวลานี้ ก็มีเสียงที่เยือกเย็นเผด็จการดังขึ้นมาจากที่ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูสิ วิธีการของคุณหรือว่าของผมใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
โห้หลีเฉินพาเย้นหว่านเดินออกมาจากทางเดินอีกทางหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางสง่างาม
แม้ว่าจะอยู่ห่างกัน แต่ลักษณะท่าทางของเขา กลับดุเดือดรุนแรงราวกับใบมีดจริงๆ พุ่งแทงเข้ามาใส่ฝู้เหวยข่ายตรงๆ
พอฝู้เหวยข่ายเห็นเขา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
ความหยิ่งยโสเมื่อตะกี้ ลดลงไปไม่น้อย
เขามาที่เมืองหนาน แน่นอนว่ารู้จักกับโห้หลีเฉินอยู่แล้ว ถึงยังไง“ราชา”แห่งเมืองหนานก็คือโห้หลีเฉินนั่นเอง
สามารถบอกได้เลยว่าโห้หลีเฉินมีอำนาจมากที่สุดในเมืองหนานก็ว่าได้ เขาเป็นพยัคฆ์ที่ดุร้ายของที่แห่งนี้
ฝู้เหวยข่ายมาที่เมืองหนาน ตอนแรกคิดที่จะมาเยี่ยมเยียนโห้หลีเฉิน แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงจากไปสองสามเดือนก่อน ไม่กลับมาอีกเลย
แม้ว่าจะไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ไม่ได้โกรธเคืองขัดใจอะไรกันกับโห้หลีเฉิน
“คุณโห้ ผมไม่ได้จะก้าวก่ายคุณนะ แล้วก็ไม่คิดจะทำเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจด้วย เรื่องนี้เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัว ขอความกรุณาคุณไม่เข้ามาข้องเกี่ยวได้ไหม?”
ฝู้เหวยข่าย พยายามแสดงอออกอย่างมีมารยาทมากที่สุด
โห้หลีเฉินเดินเข้ามาทีละก้าวๆ มาได้ห้าก้าวแล้วก็หยุดลง
สีหน้าเย็นชา มุมปากยกโค้งยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“คุณแย่งผู้หญิงของพี่เมียของผมอย่างเปิดเผยขนาดนี้ คุณจะให้ผมคอยดูอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?”
ฝู้เหวยข่ายร่างกายนิ่งชะงักทันที
จู่ๆก็นึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน เมื่อก่อนตอนที่กู้จื่อเฟยแนะนำ ก็บอกว่าเย้นโม่หลินเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทของเธอ แล้วเพื่อนสนิทของเธอก็คือเย้นหว่านที่ยืนอยู่ข้างๆโห้หลีเฉินไม่ใช่เหรอ?!
ดังนั้น โห้หลีเฉินก็เป็นสามีของน้องสาวของเย้นโม่หลินน่ะสิ!
ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันขนาดนี้ พวกเขาต้องจะต้องอยู่พวกเดียวกันแน่ๆ เขาประกาศสงครามกับเย้นโม่หลินไปแล้ว ก็เท่ากับว่าไปก้าวก่ายโห้หลีเฉินด้วยเหมือนกัน
โห้หลีเฉินสายตาเย็นชา พูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“ฝู้เหวยข่าย คุณออกไปจากเมืองหนานตอนนี้เลยนะ ผมจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ไป ก็อย่ามาหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
สีหน้าของฝู้เหวยข่ายเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
ภายใต้สถานการณ์ที่พลิกผันอย่างรุนแรง ตอนนี้เขาเสียเปรียบสุดๆ
การก้าวก่ายโห้หลีเฉินที่เมืองหนานเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลาที่สุด แต่ตอนนี้เขาให้เขาปล่อยมือจากกู้จื่อเฟย แล้วให้รีบจากไปหลังจากที่ถูกทุบตีไปแล้วเนี่ยนะ?
เขาไม่ยอมปล่อยไปทั้งแบบนี้หรอก!
“ผมจะไม่ไปไหน!กู้จื่อเฟยจะต้องเป็นแฟนของผม ใครก็ห้ามแย่งไป”
ฝู้เหวยข่ายเช็ดรอยเลือดที่มุมปากหนึ่งที สายตาโหดเหี้ยมแน่วแน่
“ในเมื่อพวกคุณจะบีบบังคับผม ผมก็จะลองดูสักตั้ง ว่าหมัดของใครจะหนักกว่า ฝีมือของใครจะเก่งกว่ากัน!”
พอได้ฟังแบบนี้ สายตาของโห้หลีเฉินก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จ สีหน้ายังคงเย็นชา แทบจะไม่ได้เห็นคำขู่ของฝู้เหวยข่ายอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
ท่าทีที่ดูถูกดูแคลนแบบนั้น ทำให้ฝู้เหวยข่ายโกรธจนแทบจะกระอักเลือด
ไม่คิดว่าวันนี้จะถูกดูถูกแล้วดูถูกอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้
เยี่ยม เยี่ยมมาก
ถ้าอย่างนั้นเขาก็ขอดูหน่อยแล้วกัน ว่าใครจะเป็นคนที่ร้องไห้ในตอนสุดท้าย
“คอยดูเถอะ พวกคุณคอยดูผมก็แล้วกัน!”
ฝู้เหวยข่ายกัดฟันพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม สีหน้าดำมืด ก่อนจะหันเดินจากไป
บนพื้นยังคงทิ้งรอยเลือดของเขาเอาไว้อยู่