สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 832 โสดด้วยความสามารถล้วนๆ
หลังจากที่ฝู้เหวยข่ายจากไปแล้ว เย้นหว่านก็รีบเดินไปข้างๆกู้จื่อเฟยทันที มองเธอด้วยความเป็นห่วง
“จื่อเฟย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ถูกเขารังแกตรงไหนบ้างไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร พี่ชายของคุณมาได้ทันเวลาพอดี”
กู้จื่อเฟยส่ายหัว หันไปมองเย้นโม่หลินด้วยสายตาสั่นไม่นิ่ง ในตามีแสงระยิบระยับไม่หยุด
คำพูดของเขาเมื่อตะกี้ มันดังก้องอยู่ในหัวของเธอทุกคำทุกประโยค
พอเย้นโม่หลินสังเกตได้ถึงสายตาของกู้จื่อเฟย ใบหน้าที่หล่อเหลาก็รู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวเองขึ้นมาทันที
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“คุณอย่าเข้าใจผิด คำพูดพวกนั้นเมื่อตะกี้ พูดเพื่อยั่วโมโหฝู้เหวยข่ายเท่านั้น”
กู้จื่อเฟยเหม่อลอยไปทันที
เย้นโม่หลินพูดอธิบายขึ้นต่อ“ผมวิจัยมาแล้ววิธีการทำธุรกิจซื้อขาย ฝู้เหวยข่ายไม่มีทางมอบตัวหยิงหลิงอย่างแน่นอน แบล็คหลังของเขาก็ไม่แน่ชัด ดูทรงแล้วไม่มีทางเปิดเผยออกมาง่ายๆเป็นแน่ ดังนั้นวิธีการที่เร็วที่สุดก็คือยั่วโมโหเขา บีบบังคับให้เขาลงมือ พอระดมกำลังได้มากพอแล้ว ต้องเผยไต๋ออกมาแน่นอน”
ดังนั้น เรื่องที่ว่าชอบโปรดปรานเธอ ไล่ตามจีบเธอเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น เพื่อจัดฉากการแสดงสงครามแย่งคนรักให้สมเหตุสมผลขึ้นเท่านั้นเอง
ทำให้ฝู้เหวยข่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ระดมกำลังพลออกมาจัดการกับเขาและโห้หลีเฉินอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง……”
กู้จื่อเฟยกระซิบเสียงเบา ในแววตาสั่นไม่นิ่ง ในใจแอบรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
เย้นหว่านกุมมือของกู้จื่อเฟยเบาๆ พร้อมกับถามขึ้นด้วยความสงสัย
“จื่อเฟย คุณว่าไงนะ?”
กู้จื่อเฟยดึงสติกลับมาอย่างทันที ส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก“เปล่า ไม่มีอะไร”
“คุณอย่าโกรธสิ เมื่อก่อนฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนแบบนี้ ดูแล้วตลอดทั้งงานเลี้ยง พี่ของฉันต้องจงใจไปจัดการกับฝู้เหวยข่ายแน่ๆ”
นึกถึงคำถามทั้งหมดเมื่อก่อนหน้า พออธิบายแบบนี้ก็เข้าใจได้หมดทันที
ว่าทำไมเย้นโม่หลินถึงต้องไปเป็นคู่ควงของเธอด้วยตัวเอง ทำไมต้องหยุดเต้นก่อนแล้วให้เธอไปเอาของขวัญ แล้วทำไมเมื่อตะกี้เขาถึงต้องไปต่อกรกับฝู้เหวยข่ายบอกว่าตัวเองชอบเธอ
เรื่องทั้งหมด ก็เพื่อยั่วยุให้ฝู้เหวยข่ายโกรธ ให้เขาลงมือก็แค่นั้นเอง
แต่เธอ ดันใจเต้นกับคำพูดที่เขาเสแสร้งแกล้งพูดออกมาพวกนั้น ความคิดสับสนวุ่นวาย คาดหวังลมๆแล้งๆ
ช่างน่าละอายแก่ใจจริงๆ
กู้จื่อเฟยส่ายหัวด้วยความตื่นตกใจ สีหน้าเป็นประกาย แสร้งทำเป็นถามขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฝู้เหวยข่ายก็ถือว่าเป็นพวกเพลย์บอย ก็แค่เห็นว่าฉันสดใหม่แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ ไม่ได้ชอบมากมายอะไรหรอก ถึงแม้ว่าเขาจะโมโหเรื่องในวันนี้ แต่การที่จะมาจัดการกับคุณโห้ เขาจะต้องกดดันมากๆเลยนะ พวกคุณมั่นใจได้ยังไง ว่าเขาจะต้องลงมือแน่นอน?”
คนที่สุขุมคิดรอบคอบ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเกิดคิดวัดประมวลผลประโยชน์อะไรแล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าจะอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้
เย้นโม่หลินหันมองกู้จื่อเฟย พูดอธิบายอย่างใจเย็น
“สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว การแก่งแย่งผู้หญิงกัน ไม่ได้หมายความว่าเขาชอบผู้หญิงคนนั้น แต่มันคือศักดิ์ศรีของผู้ชายต่างหาก”
ฝู้เหวยข่ายก็เป็นคนที่ไม่ยอมปล่อยอะไรไปง่ายๆแบบนี้เหมือนกัน
ดังนั้นเขาจะต้องกลับมาแย่งไม่ยอมปล่อยมือไปแน่นอน
พอได้ยินแบบนั้น กู้จื่อเฟยก็มองเย้นโม่หลินด้วยความตกใจ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ แถมยังพูดออกมาจากปากของเขาด้วย
การที่แย่งชิงผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าชอบ แต่ทำเพื่อเอาหน้าเอาตาเท่านั้น?
นี่เป็นโลกและความคิดของผู้ชายอย่างนั้นสินะ?
สายตาเธอสั่นไม่นิ่ง พลั้งปากพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ด้วย?”
พูดจบ กู้จื่อเฟยก็รู้สึกเสียใจทันที แทบอยากที่จะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดซะตรงนี้เลย
เธอไปถามแบบนี้กับเขาทำไมกัน อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว
เธอกำลังคิดว่าช่างมันเถอะไม่ต้องตอบแล้ว แต่ในเวลานี้เอง กลับได้ยินน้ำเสียงใสแจ๋วเสนาะหูของเย้นโม่หลินดังขึ้นมา
“ผมไม่มีทางเจอเรื่องแบบนี้แน่นอน”
ท่าทีที่ดื้อรั้นนั้น ดูเป็นธรรมชาติสุดๆ
กู้จื่อเฟยมองเขา ราวกับว่าเห็นรัศมีที่ตัวของเขาส่องแสงแวววาวสะดุดตา ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดูเข้าถึงยาก
เขายืนอยู่สูงเกินไป สูงส่งดุจดอกไม้บนเขาสูง เป็นเจ้าที่ที่ไม่สามารถเอื้อมมือไปแตะต้องได้
เขาไม่มีทางเจอเรื่องแบบนี้จริงๆ เพราะว่าเขาไม่มีผู้หญิงที่ชอบ แล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสายตาของเขาด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าเขาชอบขึ้นมาล่ะก็ จากความสามารถและอำนาจของเขาแล้ว ก็แค่ใช้วิธีการที่ทรงพลังในการช่วงชิงมา ใครจะกล้าไปแข่งแก่งแย่งกับเขาอีก?
กู้จื่อเฟยเข้าใจอย่างชัดเจน ยิ่งเข้าใจ ในใจก็ยิ่งดำมืด แม้แต่แสงสว่างเล็กๆก็ไม่มี
ความรู้สึกทั้งหมด สิ่งที่ไม่ควรมี ล้วนแต่ถูกกดอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดภายในใจอีกครั้ง
ตรงที่ไม่ไกล ป่ายฉีนั่งวางมาดอยู่บนเก้าอี้ ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาที่ได้ฟังมาตั้งแต่แรก รู้สึกว่าอีคิวของพี่ใหญ่ของตัวเองมันเกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ
กว่าจะมีละครเรื่องนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อุตส่าห์สารภาพบอกชอบกู้จื่อเฟยต่อหน้าแล้ว โอกาสที่ดีขนาดนี้ ทั้งสองคนสบตากัน ก็อาจจะจุดประกายไฟ เป็นคู่รักกัน มีความสุขแล้วก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วแท้ๆ
แม้ว่าจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน ก็ทำให้คนรู้สึกใจเต้นได้เหมือนกัน
แต่เย้นโม่หลินกลับทำอะไร?
พูดอธิบายออกไปอย่างแทบจะอดใจรอไม่ไหว ว่ามันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น!
ไปบอกผู้หญิงตรงๆว่า เธอไม่ต้องคิดเพ้อฝันไปไกล ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับคุณเลยสักนิดเนี่ยนะ
เหอะ ถ้าไม่มีความรู้สึกอะไรจริงๆ มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่วันนี้เย้นโม่หลินสีหน้าดำมืดตลอดทั้งวัน หึงหวงตลอดทั้งวัน มันบ่งบอกชัดเจนว่าเขามีความรู้สึกให้กับเธอ
เห็นได้ชัดว่าใส่ใจ แต่กลับเอาหินมาวางขวางตัวเองเอาไว้แท้ๆ
พวกคนโสดมานานแสนนานยังไม่ถึงขั้นนี้เลย
แถมที่สุดยอดกว่าก็คือ ประโยคที่กู้จื่อเฟยถามว่า“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ด้วย?”ประโยคนี้ เห็นๆอยู่แล้วว่าเธอควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตัวเองไว้ไม่อยู่ เปิดโอกาสให้กับเขาได้พลิกตัวกลับขึ้นมาแล้วแท้ๆ
ขอแค่เขาตอบกลับไปประโยคเดียว ว่า แน่นอนว่าผมไม่ได้ดีไปหมดอยู่แล้ว อะไรทำนองนี้ก็ได้แล้ว แต่เขากลับตอบไปว่าอะไร?
ผมไม่มีทางเจอเรื่องแบบนี้แน่นอน?!
พอเข้าไปในหูของผู้หญิง ความหมายมันก็คือผมยังไม่มีคนที่อยู่ในใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่ทำให้ผมทำขนาดนี้หรอกไม่ใช่หรือไง?
ดังนั้น ก็เท่ากับเขาแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ชอบกู้จื่อเฟย ให้เธอหยุดคิดเพ้อฝันไปไกลได้แล้ว
“เกินเยียวยาแล้วจริงๆ”
ป่ายฉีนวดขมับ เป็นกังวลแทนคนเฝ้าศาลของตระกูลเย้น
เย้นโม่หลินเป็นโสดมายี่สิบกว่าปี จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะว่าความเย่อหยิ่งที่มากเกินไป แต่เพราะว่าความสามารถล้วนๆ
……
“ผมมีคือเงิน พวกคุณกล้าดียังไงมาไล่ผม?”
ณ ล็อบบี้ของโรงแรมห้าดาว ฝู้เหวยข่ายยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าดำมืด
เขาใกล้จะเป็นบ้าแล้วจริงๆ ไม่เคยถูกปฏิบัติแย่ๆแบบนี้มาก่อน
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ พนักงานโรงแรมก็แจ้งให้เขาทราบ ว่าให้เขาย้ายออกไป ไม่สามารถอยู่ห้องนี้ต่อไปได้แล้ว
พอถามเหตุผล ก็บอกว่าเป็นนโยบายของโรงแรม จะปรับปรุงตกแต่งใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถพักอาศัยอยู่ต่อได้
แต่พอเขามาถึงล็อบบี้ กลับเห็นเคาน์เตอร์ยังรับเช็คอิน เตรียมห้องให้กับแขกคนอื่นๆตามปกติ ดูไม่มีทีท่าว่าจะมีการปิดปรับปรุง ไม่สามารถพักอาศัยได้เลยสักนิด
นี่มันจงใจหาข้ออ้างไล่เขาชัดๆ
ทุกโรงแรมที่เขาพักมาช่วงหลายปีนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอโรงแรมที่ตบตาไล่คนออกแบบนี้ เป็นถึงโรงแรมระดับห้าดาวแท้ๆ
ที่เคาน์เตอร์โรงแรมยังคงยิ้มแย้มอย่างมีมารยาท คำพูดและการกระทำมีจรรยาบรรณ
“คุณผู้ชายคะ ห้องของคุณไม่สามารถพักอาศัยได้จริงๆค่ะ ต้องทำการปรับปรุง ขอให้คุณโปรดเข้าใจด้วยนะคะ”
“เหอะ ก่อนหน้านี้พวกคุณบอกว่าจะปรับปรุงทั้งโรงแรม จึงไม่สามารถพักอาศัยต่อได้ แต่เมื่อตะกี้กลับเตรียมห้องพักให้กับแขกตั้งมากตั้งมาย ไม่เห็นจะบอกว่าต้องปิดปรับปรุงเลย?”