สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 833 ไม่รู้สึกหวั่นไหวเลย ก็โกหกแล้ว
พนักงานเคาน์เตอร์ยิ้มเล็กน้อย“อาจจะพูดผิดไปน่ะค่ะ ห้องที่คุณพักห้องนั้น จำเป็นต้องปรับปรุงใหม่”
ฝู้เหวยข่ายขมับเต้น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็เปิดห้องใหม่ให้ผมอีกห้องสิ”
พูดพลาง เขาก็ตบบัตรหนึ่งใบลงบนเคาน์เตอร์
พนักงานเคาน์เตอร์ยังคงยิ้มแย้มเล็กน้อย ไม่มองบัตรใบนั้นเลยสักนิด“คุณผู้ชายคะ ขอโทษด้วยนะคะ ห้องของโรงแรมพวกเรา เพิ่งจะจองจนเต็มไป เจ็ดวันนี้ไม่มีห้องว่างเลยค่ะ”
เมื่อตะกี้เขาได้ยินแล้วว่า ที่เคาน์เตอร์ถามแขกที่มาใหม่ว่าจะเลือกห้องไหน แต่ละเกรดก็มีให้เลือกอีกตั้งเยอะแยะ แสดงว่าอย่างน้อยจะต้องมีห้องว่างอยู่บ้าง
แต่พอตอนนี้ กลับไม่มีห้องว่างเหลือเลย?
นี่มันจงใจกลั่นแกล้งเขา จะไล่เขาออกชัดๆเลย
ฝู้เหวยข่ายเป็นคนมีอำนาจ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะถูกคนคอยประจบคอยเอาใจอยู่ตลอด ยังไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ขนาดมีเงินยังถูกคนไล่
สีหน้าของเขาดูไม่ได้เต็มทีแล้ว จ้องเขม็งพนักงานเคาน์เตอร์ด้วยความโมโห พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เรียกผู้จัดการของพวกคุณออกมา!”
พนักงานเคาน์เตอร์สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังคงยิ้มอย่างมีมารยาทอยู่“ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย ตอนนี้ผู้จัดการของพวกเราไม่อยู่ค่ะ”
เสียงดัง“ปึ้ง” ฝู้เหวยข่ายตบบัตรสีดำใบหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์
พูดตำหนิขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเรียกเจ้านายของพวกคุณมา ผมต้องการจะซื้อโรงแรมนี้!”
พอเห็นบัตรใบนี้ ในที่สุดสีหน้าของพนักงานเคาน์เตอร์ก็เปลี่ยนไป
คนที่สามารถหยิบบัตรใบนี้ออกมาได้ ล้วนแต่เป็นบุคคลที่ทรงพลังมีอำนาจทั้งนั้น ถึงขนาดที่สามารถก้าวก่ายได้ทั้งโรงแรม
แม้ว่าเธอถูกกำชับเอาไว้ว่าต้องไล่ฝู้เหวยข่ายออกให้ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไปยุแหย่คนประเภทนี้แล้ว จะมีจุดจบที่น่ากลัวแบบไหน เธอรับผิดชอบไม่ไหว
พนักงานเคาน์เตอร์รีบก้มหัวทันที ก่อนจะโทรศัพท์ออกไป
ไม่ถึงสองนาที ก็มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนคนหนึ่งเดินออกมาอย่างรีบร้อน ใบหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตรประจบประแจง
“คุณฝู้ครับ ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเมื่อตะกี้มีเรื่องนิดหน่อย ให้คุณรอซะนานเลย”
ฝู้เหวยข่ายนั่งลงบนโซฟาพักผ่อนในล็อบบี้ มองชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา“คุณเป็นเจ้าของ?”
“ครับ ผมเป็นเจ้าของของโรงแรมแห่งนี้ครับ ได้ยินพนักงานเคาน์เตอร์พูดว่า เกิดเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจขึ้น ถ้ามีตรงไหนที่บริการไม่ดี ผมก็ขอโทษคุณฝู้ตรงนี้เลยก็แล้วกันครับ”
ท่าทางการประจบประแจงนั้น มันทำให้อารมณ์ที่ไม่ดีของฝู้เหวยข่าย ดีขึ้นมานิดหน่อย
เขามองชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้น
“พวกคุณคิดหาวิธีต่างๆนานาเพื่อไม่ให้ผมพักอาศัยที่โรงแรม ด้วยเหตุผลอะไร?”
เขาถามไปตรงๆ ด้วยคำพูดเฉียบคม
ชายวัยกลางคนดูอึดอัดลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่แววตาสั่นไม่นิ่งอยู่สักพักใหญ่ จึงเปิดปากพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ
“คุณฝู้ จะไม่ปิดบังคุณก็แล้วกันครับ เรื่องนี้ผมก็ได้รับแจ้งมาจากคนอื่นอีกที ตอนนี้ไม่ใช่แค่โรงแรมของผมเท่านั้น ทุกโรงแรมในเมืองหนาน ก็คงจะไม่มีใครกล้าให้คุณพักอาศัยเหมือนกันหมดแล้วล่ะครับ”
ฝู้เหวยข่ายหน้านิ่งขรึม แอบเดาอะไรขึ้นมาได้
เขาพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นคำสั่งของใคร?”
“เอ่อ……”
ชายวัยกลางคนแววตาสั่นไม่นิ่ง รู้สึกกดดันลำบากใจสุดๆ“อันนี้ผมก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน คุณลองคิดเอาแล้วกัน ว่าช่วงนี้มีไปก้าวก่ายคนที่มีอำนาจอิทธิพลคนไหนบ้าง คนที่ทำให้ทุกคนในเมืองหนานต่างเกรงกลัว”
“เหอะ”
ฝู้เหวยข่ายสบถหึออกมาอย่างเย็นชา ไปก้าวก่ายใคร แถมยังเป็นคนที่มีอำนาจอิทธิพลใหญ่โตอีก แค่คิดก็รู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว
นอกจากโห้หลีเฉินก็ไม่มีใครอีกแล้ว
แต่เขาก็ลงมือเร็วเหมือนกัน ออกคำสั่งภายในคืนนั้นเลย ว่าให้ทุกโรงแรมในเมืองหนานห้ามเขาเข้าพักอาศัย
ถ้าเขาเดาไม่ผิด ไม่ใช่แค่โรงแรมจะไม่ให้เขาพักอาศัยแล้ว พวกร้านอาหารก็คงจะไม่ให้เขาเข้าไปกินเหมือนกัน
ถ้าจะให้เขาออกจากเมืองหนานไป ก็ต้องเริ่มจากด้านการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานที่สุดของเขา โดยการบีบบังคับให้เขาไม่มีที่พักอาศัย ไม่มีข้าวกิน
ถ้าเป็นคนปกติทั่วไป คงจะถูกบีบบังคับจนทำอะไรไม่ถูกแล้วแน่ๆ
“ในนี้มีเงินสองเท่าของเงินที่คุณซื้อโรงแรมนี้มา ตอนนี้ผมจะซื้อที่นี่ซะ คุณเอาเงินไป แล้วก็ไปซะ”
ฝู้เหวยข่ายวางบัตรใบหนึ่งไว้ตรงหน้าของชายวัยกลางคน สีหน้าหยิ่งผยอง ยากที่จะต้านทาน
ชายวัยกลางคนมองบัตรใบนั้นด้วยความประหลาดใจ แววตาเป็นประกายทันที
สองเท่าของราคาโรงแรม เขาได้ไปเปล่าๆฟรีๆเลยตั้งหนึ่งเท่าตัว!
“แต่ เอ่อ……”
ถึงแม้ว่าจะเห็นแก่เงิน แต่ชายวัยกลางคนก็ลังเลด้วยความลำบากใจอยู่เหมือนกัน“ยังไงผมก็เป็นคนเมืองหนาน ไม่กล้าไปก้าวก่าย……”
“สี่เท่า”
ฝู้เหวยข่ายทิ้งบัตรลงมาอีกใบ
ท่าทางที่เย่อหยิ่งนั้น ความดื้อรั้นเผด็จการเอาแต่ใจ
ชายวัยกลางคนหน้าแดงไปหมดแล้ว สายตาจับจ้องไปที่บัตรสองใบนั้น น้ำลายแทบจะไหลออกมา
ราคาสี่เท่า ชั่วชีวิตนี้ของเขาก็ขายไม่ออกหรอก
ธุรกิจที่ได้กำไรมากมายแบบนี้ เขาแทบจะหาคำปฏิเสธไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดขายโรงแรมให้กับฝู้เหวยข่ายแล้ว เจ้าของที่นี่ก็จะไม่ใช่เขาแล้ว เขาก็ไม่ต้องสนคำเตือนพวกนั้นแล้วด้วย
ถึงยังไงโรงแรมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไป
เขาเอาเงินแล้วหนีไปก็ได้แล้ว
“ได้ครับ เจรจาสำเร็จ แต่ต้องรีบเซ็นสัญญานะครับ ต้องทำอย่างรวดเร็วและง่ายๆทุกขั้นตอน”
ชายวัยกลางคนตัดสินใจแล้ว ถ้ามีเงินมากมายขนาดนี้ เขายอมหนีไปก็ได้
ฝู้เหวยข่ายยิ้มอย่างเย้ยหยัน นั่งพิงโซฟาด้วยท่าทางขี้เกียจ
โห้หลีเฉินคิดที่จะไล่เขาออก ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แค่มีเงิน เงินจำนวนมากมาย ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ทำไม่ได้ ไม่มีที่ไหนที่อยู่ไม่ได้แล้ว
การต่อสู้ในครั้งนี้ มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“เหอะ ยังมีคนกล้ามาท้าทายฝ่าฝืนถึงถิ่นของฉันจริงๆสินะ”
จู่ๆก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมาจากประตูของโรงแรม อุณหภูมิในโรงแรม ลดต่ำลงติดลบในทันที
คนที่อยู่ที่นั่น รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่พุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้า
ชายวัยกลางคนมองไปยังประตูทางเข้า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ลูกตาแทบจะทะลักออกมา สัญญาในมือร่วงตกลงบนพื้น
ที่ประตู โห้หลีเฉินใส่เสื้อสูทสีดำ พาเย้นหว่านมาด้วย กำลังเดินเข้ามาอย่างสง่างาม
มุมปากของเขายิ้มแย้ม แต่ความเหี้ยมโหดที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวกลับทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวหวั่นเกรง
น่าสะพรึงกลัวขั้นสุด
“คุณ คุณโห้……”
ชายวัยกลางคนสั่นกระส่าย คิดไม่ถึงจริงๆว่า โห้หลีเฉินจะมาที่นี่
ส่วนเรื่องที่เขาหน้าไหว้หลังหลอก คิดที่จะขายโรงแรมให้กับฝู้เหวยข่าย ก็ถูกเขาเห็นเข้าอย่างจังพอดี
จบเห่แล้ว!
“คุณ คุณโห้ คุณมาได้ยังไงครับ? แขกผู้ทรงเกียรติมาถึงที่แบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจที่ผมได้รับความโปรดปรานมากขนาดนี้ ทำไมคุณถึงไม่บอกก่อนล่ะ ผมจะได้เตรียมตัว ต้อนรับคุณอย่างยิ่งใหญ่”
โห้หลีเฉินมองชายวัยกลางคนที่เข้ามาต้อนรับเขาเหมือนกับหมาปั๊ก สายตาเย็นชาไม่แยแส
นกสองหัว
เขาสบถอย่างเย็นชา“คิดจะขายโรงแรมให้กับฝู้เหวยข่าย?”
ชายวัยกลางคนเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบเต็มหน้าผาก รีบพูดแก้ตัวให้ตนเองทันที
“ไม่ใช่นะครับ ผมจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่ได้ขายครับ ไม่ได้คิดจะขายด้วย”
พอได้ยินแบบนั้น ฝู้เหวยข่ายสีหน้าก็ดูไม่ดีสุดๆ
คุยกันดิบดีแล้ว โอกาสที่เขาจะได้พลิกสถานการณ์กำลังมาถึงแล้วแท้ๆ แต่โห้หลีเฉินกลับเข้ามาทำลายมันจนพัง
เขากัดฟันกรอด พูดขึ้น
“ขายโรงแรมให้กับผม ผมจะให้ราคาสิบเท่า!”
ชายวัยกลางคนสั่นสะดุ้ง สิบเท่า? นั่นเรียกได้ว่าเป็นราคาที่สูงลิ่วได้เลยนะ ต่อให้เขาไม่ทำงานตลอดทั้งชีวิตก็ไม่ต้องกลัวว่าเงินจะหมด
ถ้าไม่รู้สึกหวั่นไหวเลย ก็โกหกแล้ว