สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 835 คุณชาย คุณมาได้ยังไง
โห้หลีเฉินสีหน้าหมดความอดทนไม่น้อย ยกมือขึ้น
เว่ยชีก็รีบสั่งทันที เรียกบอดี้การ์ดสองคน เดินตรงไปยัง ฝู้เหวยข่ายด้วยท่าทางเหี้ยมโหด
ฝู้เหวยข่ายคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงมือตรงๆไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย
เขาพูดด่าทอออกมาด้วยความโมโห
“ปล่อยผมไปเดี๋ยวนี้นะ อย่าลืมนะว่าทุบตีคนมันผิดกฎหมาย!โห้หลีเฉิน ถึงคุณจะมีอำนาจค้ำฟ้า ผมก็แจ้งความจับคุณที่สถานีตำรวจได้นะ!”
“ทุบตีแกก็สกปรกมือของพวกเราเปล่าๆ”
เว่ยชีเปิดปากพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย เรียกให้บอดี้การ์ดสองคนจับฝู้เหวยข่ายเอาไว้ ก่อนจะเดินพาออกไปข้างนอก
เขาพูดเตือนขึ้น“ตอนนี้ที่นี่เป็นทรัพย์สินของคุณโห้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับแก การที่ไล่แกออกไป มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว”
คำพูดนี้ เล่นทำจนฝู้เหวยข่ายพูดอะไรไม่ออก
รู้สึกอัปยศอดสูสุดๆ ทั้งชีวิตนี้ของเขา ไม่เคยโดนใครบังคับขู่เข็ญไล่ออกไปแบบนี้มาก่อน
แถม ยังถูกบอดี้การ์ดสองคน ขนาบซ้ายขวา ลากเขาออกไปจากโรงแรมต่อหน้าต่อตาผู้คนแบบนี้ด้วย
“โห้หลีเฉิน แกกล้าทำให้ฉันอับอายขนาดนี้ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน!”
ฝู้เหวยข่าย ตะโกนขู่ออกมาอย่างสุดแรง โมโหถึงขั้นสุด
อย่างไรก็ตามบอดี้การ์ดทั้งสองคนก็ไม่แยแสอะไร โยนเขาออกไปจากหน้าประตูทางเข้าโรงแรมทันทีตามคำสั่งของเว่ยชี
ร่างกายของฝู้เหวยข่ายล้มลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ ล้มหน้าฟาดลงไปที่พื้น
หน้ากระแทกเข้าอย่างจัง เจ็บแสบไปหมด
แต่ที่แรงกว่าก็คือ ความโกรธที่สุมอยู่ในทรวงของเขา แทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
ไม่คิดว่าจะกล้าโยนเขาออกมา ต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย ทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้าแบบนี้!
แม้ว่าจะไม่ได้เงยหน้า ฝู้เหวยข่ายก็รู้แล้วว่า คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่บริเวณรอบๆโรงแรม กำลังจ้องมองสภาพที่น่าสมเพชของเขาอยู่
อัปยศอดสูที่สุด นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายรับไม่ได้ที่สุดในชีวิต
เขาแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
โห้หลีเฉิน เขาอยากจะฆ่าโห้หลีเฉิน!
ฝู้เหวยข่ายกัดฟันกรอดๆ แทบจะกัดจนฟันแตกละเอียด กำมือแน่นด้วยความโกรธ ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินจากไปโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา
ทั่วร่างกายของเขาราวกับว่ามีรังสีความหนาวเย็นแผ่กระจายออกมา
ความโกรธที่สุมทรวง ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม จะต้องสู้กับโห้หลีเฉินให้ถึงที่สุด
ภายในโรงแรม ชายวัยกลางคนยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น มองฝู้เหวยข่ายที่ถูกโยนออกไปด้วยสีหน้าซีดขาว
ในใจรู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากความน่ากลัวสยองขวัญ ก็ยังมีความโชคดีอยู่ ที่เขายังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ส่วนฝู้เหวยข่าย ต่อไปก็คงจะหนีไม่รอดแล้ว
พนักงานของโรงแรมคนอื่นๆก็ยืนมองด้วยความตึงเครียด ต่างคนต่างก็เสี่ยงอันตรายทั้งนั้น มีความรู้สึกหวาดกลัวต่อโห้หลีเฉินอยู่ไม่น้อย
ผู้ชายคนนี้ดูเท่สูงส่งน่านับถือกว่าในตำนานอีก แล้วก็ดูน่ากลัวน่าเกรงขามมากกว่าด้วย
ท่ามกลางความตึงเครียดถึงขั้นสุดนั้น โห้หลีเฉินกลับมองผู้หญิงในอ้อมกอดอย่างอบอุ่นอ่อนโยน
พูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ“น่าเบื่อเหรอ? เดี๋ยวจะไปเล่นที่ไหนต่อดี?”
เย้นหว่านส่ายหัว มองไปยังทางที่ฝู้เหวยข่ายเดินจากไปด้วยแววตาสั่นไม่นิ่ง
“ทำแบบนี้มันโหดเหี้ยมเกินไปไหม?”
เริ่มตั้งแต่งานเลี้ยง โห้หลีเฉินกับเย้นโม่หลิน ใช้ทุกวิถีทางเพื่อบีบให้ ฝู้เหวยข่ายเป็นบ้า โมโหเกรี้ยวกราด
ลงมือจู่โจมให้เขารู้สึกอับอายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้เป็นคนดี ก็จะบีบบังคับให้ทำเรื่องชั่วๆออกมาให้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ฝู้เหวยข่ายก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถึงขนาดที่จะใช้กำลังเพื่อนที่จะครอบครองกู้จื่อเฟยอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ำ
กากเดนของสังคมแบบนี้ ก็สมควรจะถูกลงโทษแล้ว
แต่การที่บีบให้เขาเป็นบ้าทีละนิดๆแบบนี้ ฝู้เหวยข่ายอาจจะทำเรื่องชั่วๆที่คนคาดไม่ถึงก็ได้
โห้หลีเฉินเม้มปาก สายตาเย็นชา“ฝู้เหวยข่ายมีอะไรที่ลึกและคาดเดาไม่ได้มากกว่าที่คุณเห็นอีก”
แล้วก็เหี้ยมโหดยิ่งกว่าที่เย้นหว่านเห็นอีกด้วย
พอไม่ได้ก็พยายามที่จะบังคับขืนใจกู้จื่อเฟย มันเป็นแค่ส่วนน้อยของพฤติกรรมที่เลวทรามของเขาเท่านั้น
ช่วงที่ระหว่างโห้หลีเฉินได้รับการตรวจรักษา หลังจากที่ฝู้เหวยข่ายมาที่เมืองหนานแล้ว ก็ใช้วิธีการชั่วร้ายมากมาย เพื่อบังคับขืนใจหญิงสาววัยรุ่นสิบกว่าคน
ผิวหน้าเขาแสร้งทำเป็นคุณชายสุภาพบุรุษ แต่ความเป็นจริงแล้ว เบื้องหลังกลับทำเรื่องเลวทรามวิปริตที่สุด
แต่เขามีเงินมีอำนาจ แถมยังชอบรังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีอำนาจไร้ทางสู้อีกด้วย พวกผู้หญิงที่ถูกเขากลั่นแกล้งรังแก ถึงขนาดที่ไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมได้เลยด้วยซ้ำ
ขยะสังคมแบบนี้ปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อไป ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานเดือดร้อน
เย้นหว่านรู้ว่าเวลาโห้หลีเฉินทำอะไร เขาจะมีเหตุผลของตัวเองเสมอ จึงไม่ได้ถามอะไรมากมาย
ถึงยังไงเธอก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจฝู้เหวยข่ายคนประเภทนี้อยู่แล้ว
เธอพูดขึ้น“คุณคิดว่าต่อไปเขาจะทำอะไร?”
ไม่มีที่ให้อยู่ให้กิน คงจะใช้ชีวิต อยู่ในเมืองลำบากแล้ว
แต่เย้นหว่านก็มั่นใจมากว่า ฝู้เหวยข่ายจะต้องไม่มีทางออกไปจากเมืองหนานง่ายๆแบบนี้แน่นอน จะต้องมีหนทางอื่นเป็นแน่
โห้หลีเฉินหรี่ตาลง สีหน้าดีอกดีใจไม่น้อย
เขาพูดขึ้นอย่างด้วยเสียงทุ้มต่ำและช้า“ถ้าเขาอดทนไม่ไหว เขาก็จะลงมือจัดการผม”
“ในเมืองหนานเขามีแค่เงิน ไม่มีอำนาจและเส้นสายอะไรเลย จะจัดการคุณยังไง?”
เย้นหว่านสงสัย
ถึงแม้จะบอกว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากมาย ใครๆต่างก็อยากได้ แต่ภายใต้อำนาจที่มากมายของโห้หลีเฉิน ต่อให้ฝู้เหวยข่ายจะมีเงินมากมายขนาดไหน ก็ไม่มีใครต้องการหรอก แล้วก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องให้กับเขาด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้ มีแค่เงิน ก็เท่ากับว่าไร้ประโยชน์
โห้หลีเฉินพูดขึ้นอย่างสุขุมรอบคอบ
“เขาไม่ได้มีแค่เงินสักหน่อย เขามีอำนาจด้วย แต่แค่ไม่ได้ใช้มันเท่านั้นเอง”
เป้าหมายของเขา ก็คือบีบบังคับให้ฝู้เหวยข่ายใช้มันนั่นเอง
หลังจากที่ฝู้เหวยข่ายออกจากโรงแรมไป เดินมาถึงตรอกซอยที่ไร้ผู้คน เตะถังขยะไปหลายถัง ความโกรธที่ระเบิดปะทุออกมานั้น ในที่สุดก็คลายลงบ้างแล้ว
สีหน้าที่โมโหเกรี้ยวกราดของเขา แววตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด
“โห้หลีเฉิน แกบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ แกก็อย่ามาหาว่าฉันไม่ปรานีก็แล้วกัน!แกเป็นผู้มีอำนาจของเมืองหนานมานานมากพอแล้ว ควรจะลงมาได้แล้ว”
ฝู้เหวยข่ายสีหน้าดำมืด เดินตรงไปยังอีกทางหนึ่งของตรอกซอย
เขาเดินไปตามถนน เดินไปยังที่ที่อยู่ไกลๆ มาหยุดอยู่ตรงข้างนอกของตึกอาคารสำนักงานใหญ่ที่อยู่ที่ตลาดผู้คนคึกคัก
เขาเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้น ก็เดินเข้าไป
ชั้นที่13 ประตูลิฟต์เปิดออก
ฝู้เหวยข่ายเดินออกมาจากลิฟต์ เดินตามทางเดินที่ทอดยาว มาถึงข้างในบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง
บริษัทนี้เป็นบริษัทการเงิน ขนาดค่อนข้างเล็ก คนก็มีไม่มาก
เป็นบริษัทเล็กๆที่ปกติแล้วคนจะไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก
พอพนักงานเคาน์เตอร์เห็นฝู้เหวยข่าย ก็รีบลุกขึ้นมาทันที พร้อมกับถามขึ้นอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครคะ?”
บริษัทการเงิน ปกติแล้วจะไม่รับแขกนอก คนที่มาที่นี่ จะมาเพื่อหาพบกับคนในบริษัทเท่านั้น
ฝู้เหวยข่ายพูดขึ้นด้วยสีหน้าดำมืด“กัวจื้อ”
พอได้ยินชื่อนี้ พนักงานเคาน์เตอร์ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย รีบพูดยิ้มๆทันที
“คุณผู้ชายคะ คุณเป็นเพื่อนกับเจ้านายของพวกเรา?”
ฝู้เหวยข่ายสบถอย่างเย้ยหยัน พูดขึ้นอย่างหมดความอดทน“ฉันเป็นเจ้านายของเขา ให้เขารีบโผล่หัวออกมาเจอฉันเดี๋ยวนี้”
อารมณ์ที่เกรี้ยวกราดรุนแรงนั้น ทำเอาพนักงานเคาน์เตอร์สะดุ้งตกใจ คำพูดของเขา ก็ยิ่งทำให้พนักงานเคาน์เตอร์ตื่นตกใจขึ้นไปอีก
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นบริษัทเล็กๆ ต่อให้เป็นพนักงานเคาน์เตอร์ ก็รู้ว่ากัวจื้อเป็นเจ้านายแค่ในนามเท่านั้น
เจ้านายที่แท้จริง……
พนักงานเคาน์เตอร์วิ่งเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อนทันที ไม่นาน ชายวัยกลางคนอายุสามสิบกว่าๆก็เดินออกมา
ร่างกายสมส่วน ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ดูรวมๆแล้วไม่เลวเลย
พอเห็นฝู้เหวยข่าย เขาก็ตกใจ รีบเข้ามาต้อนรับทันที
“คุณชาย คุณมาได้ยังไงครับ? เชิญเข้ามาข้างในก่อนครับ”