สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 841 ราวกับความฝัน
“ฟู่ๆๆ……”
เสียงต้มน้ำดังขึ้นไม่หยุด
เย้นโม่หลินที่กำลังกวาดพื้นอยู่หยุดนิ่งไป เงยหน้าขึ้นมองกู้จื่อเฟย“น้ำเดือดแล้ว”
“หา?”
กู้จื่อเฟยนิ่งชะงักไป ก่อนจะตอบสนองกลับมาว่าเย้นโม่หลินพูดอะไร
แก้มเธอแดงขึ้นมาทันที เธอเผลอไปมองเย้นโม่หลินอย่างเคลิบเคลิ้มไปนานขนาดนั้น อับอายขายขี้หน้าสุดๆ
สายตาของเธอสั่นไม่นิ่ง รีบเดินไปยังตู้เย็น หยิบบะหมี่ มาต้มในหม้อใหม่อีกครั้ง
ตอนแรกควรจะถามเย้นโม่หลินว่าจะกินเท่าไร แต่เธอรู้สึกอายมากจริงๆ จึงต้มไปตามที่ตัวเองคาดเดาเองซะเลย
เธอไม่มีหน้าไปพูดคุยกับเย้นโม่หลินแล้ว
แม้ว่าเย้นโม่หลินจะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน พวกกวาดพื้นอะไรพวกนี้ แต่เรื่องความรู้ปกติทั่วๆไปแบบนี้ เขาก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วคล่องตัวอยู่ไม่น้อย
หลังจากที่กวาดพื้นจนสะอาดอย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็เดินออกจากห้องครัวไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารข้างนอก
รอบะหมี่ต้มเสร็จด้วยท่าทางสง่างาม
รูปร่างที่สูงใหญ่ของผู้ชายเดินออกจากห้องครัว กู้จื่อเฟยในที่สุดก็เหมือนถอนหายใจออกมาได้สักที รู้สึกว่าห้องครัวกว้างขวางขึ้นมาทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ สำหรับเธอแล้ว ยังคงราวกับอยู่ในความฝัน
ผู้ชายที่นั่งอยู่ในห้องอาหารไม่ไกลนัก กลับบอกเธออย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่านี่คือความจริง
ไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะมีวันที่เธอจะได้ต้มบะหมี่ให้กับเย้นโม่หลินกิน
เรื่องแบบนี้ สำหรับเธอแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่สนิทสนมและใกล้ชิดมากๆ สำหรับกู้จื่อเฟย มีแค่สามีภรรยากันเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้
นี่เป็นการปฏิสัมพันธ์ที่หาได้ยากที่สุดของเธอกับเย้นโม่หลิน
ไม่นาน บะหมี่ก็ต้มเสร็จ
กู้จื่อเฟยปรุงรสชาติที่เธอคิดว่าอร่อยที่สุด วางเนื้อโปะลงบนบะหมี่อย่างระมัดระวัง แล้วจึงใช้ถาดยกบะหมี่สองถ้วย ถ้วยหนึ่งเล็กถ้วยหนึ่งใหญ่เดินออกไป
“ฉันไม่ได้ทำบ่อยๆ รสชาติอาจจะไม่ค่อยดีมาก คุณลองกินดูแล้วกัน”
กู้จื่อเฟยวางบะหมี่ถ้วยใหญ่ลงตรงหน้าของเย้นโม่หลินอย่างเบาๆ
เย้นโม่หลินมองบะหมี่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
กู้จื่อเฟยจ้องสังเกตเขาด้วยความเครียดกดดัน รับรู้ได้ ก่อนจะถามขึ้นอย่างอึดอัด
“ทำไมเหรอ? หน้าตาดูไม่ได้มากเลยหรือไง?”
ของที่เขากิน มีแต่พวกของดีเลิศที่เชฟระดับสูงทำทั้งนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว บะหมี่ถ้วยนี้ของเธอแทบจะสู้ไม่ได้เลย
เย้นโม่หลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“ผมไม่กินเผ็ด”
กู้จื่อเฟยชะงักไปด้วยความอึดอัด เธออิงตามรสปากของตัวเอง ดังนั้นจึงทำบะหมี่เผ็ด
แย่แล้ว เธอน่าจะถามก่อน
เธอยื่นมือออกไปยกบะหมี่ด้วยความรู้สึกขอโทษ“เดี๋ยวฉันจะไปต้มให้คุณใหม่อีกถ้วยนะ”
“ไม่ต้อง”
เย้นโม่หลินยื่นมือออกมาคว้ามือของกู้จื่อเฟยเอาไว้“หิวแล้ว กินได้เหมือนกัน”
มือของเธอไปแตะเข้ากับหลังมือของเย้นโม่หลินอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว รู้สึกได้ถึงความร้อนที่ผิวของเขา
เธอราวกับถูกไฟฟ้าช็อต รีบดึงมือกลับมาทันที
เย้นโม่หลินกลับไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ หยิบตะเกียบออกมา คีบบะหมี่กินอย่างสง่างาม
แม้ว่าจะกินบะหมี่ที่แสนธรรมดาหนึ่งถ้วย เขาก็ยังกินได้อย่างสูงส่งดูแพง
กู้จื่อเฟยที่กำลังจะพูดว่าจะไปต้มบะหมี่ให้เขาใหม่ แต่ตอนนี้ก็พูดไม่ออกแล้ว
เธอเหม่อมองเย้นโม่หลินกินบะหมี่ของเธอ ทีละคำๆ
ใจเต้นตึกตักๆอย่างไม่หยุดหย่อนเหมือนกับมีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ในใจ
เธอถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“รสชาติ พอกินได้ไหม? เผ็ดไหม ฝืนกล้ำกลืนไหม?”
เธอชอบกินเผ็ด ระดับความเผ็ดของบะหมี่ถ้วยนี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับกลาง คนที่ปกติกินเผ็ดอยู่แล้วกินเข้าไปก็ยังรู้สึกว่าเผ็ดอยู่นิดๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย้นโม่หลินที่ปกติไม่กินเผ็ดเลย กินแล้วจะต้องรู้สึกเผ็ดมากแน่ๆ
เย้นโม่หลินที่กำลังกินบะหมี่อยู่หยุดนิ่งลง มองเธอ พร้อมกับเปิดปากพูดขึ้น“เผ็ด”
กู้จื่อเฟยรู้สึกอึดอัดในใจ เป็นอย่างที่คิดไว้……
“แต่รสชาติไม่เลว”เย้นโม่หลินพูดขึ้นมาต่อ
เมฆครึ้มที่ลอยบดบังอยู่ที่หัว สลายหายไปในทันทีเพียงเพราะคำพูดนี้
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินอย่างอึ้งตะลึง จิตใจรู้สึกร่าเริง ดีใจขึ้นมาสุดๆ
จากนั้น กู้จื่อเฟยก็นั่งลงตรงข้ามกับเย้นโม่หลิน กินบะหมี่ด้วยกันกับเขา
บะหมี่ของเธอน้อยมาก ไม่ถึงครึ่งของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกินช้ามาก ทีละเส้นๆ
ทั้งใจ ไม่ได้จดจ่ออยู่กับบะหมี่ แต่ลอยไปอยู่ที่ผู้ชายตรงข้ามหมดแล้ว
เธอเอาแต่แอบมองเขา มองแล้วมองอีกอย่างอดไม่ได้
ช่วงกลางดึก กินบะหมี่ด้วยกันกับเย้นโม่หลิน ภาพแบบนี้ เธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อน
คิดไม่ถึงว่ามันกลับเกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์
ในเวลานี้ ผู้ชายสวมชุดนอนที่กำลังกินบะหมี่ธรรมดาๆตรงหน้านี้ เหมือนกับขจัดความเข้าถึงยากทิ้งไป ดูสามัญเข้าถึงง่ายมากขึ้น
ถึงขนาดที่ทำให้เธอเกิดภวังค์ขึ้นมา หวังให้ช่วงเวลาแบบนี้มันคงอยู่ตลอดไป
เธอจะได้นั่งกับเขา ได้มองเห็นเขา ได้รู้สึกถึงเขาแบบนี้
ความรู้สึกที่ถูกกดเอาไว้ในจิตใจของกู้จื่อเฟย เริ่มเกิดรอยแตกร้าวอย่างควบคุมไม่ได้
เย้นโม่หลินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่อย่างสง่างามตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ความเร็วในการกินบะหมี่ของเขา แอบช้าลงอย่างเงียบๆ
ปกติแค่ไม่กี่นาทีก็กินหมดแล้ว ตอนที่เขากินหมด ก็ใช้เวลามากกว่าเดิมตั้งสามเท่า
จนบะหมี่เริ่มเย็นแล้ว
เย้นโม่หลินวางตะเกียบลง พูดกับกู้จื่อเฟย“ขอบคุณ สำหรับบะหมี่ของคุณมากนะ”
กู้จื่อเฟยยังเหลือบะหมี่อีกครึ่งถ้วยที่ยังกินไม่หมด รีบวางตะเกียบลง พูดขึ้นด้วยความเกรงใจ
“น้ำใจของเจ้าบ้าน มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้วค่ะ”
เย้นโม่หลินมองบะหมี่ในถ้วยของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างทันที
“คุณค่อยๆกินล่ะ ผมขอตัวขึ้นไปก่อน”
พูดจบ เขาก็หันเดินออกไปข้างนอกอย่างคล่องแคล่วว่องไว
กู้จื่อเฟยมองเงาหลังของเขาอย่างเหม่อลอย ยิ่งเดินยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ในใจของเธอก็เผลอล่องลอยตามไปโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่ง มองไม่เห็นเงาของเขาแล้ว เธอจึงดึงสติกลับมา
รู้สึกหดหู่
แม้ว่าจะกินบะหมี่ช้าขนาดไหน ก็ยังกินหมดอยู่ดี ตอนที่จากไป
ในที่สุด ก็เหลือเธอเพียงแค่คนเดียว
ถอนหายใจออกมาหนึ่งที เธอกินเร็วขึ้นหลายเท่าตัว ไม่นาน บะหมี่ถ้วยนั้นก็หมดเกลี้ยง
อิ่มท้องแล้ว แต่ในใจ กลับยิ่งรู้สึกว่างเปล่า
เพราะว่าสิ่งดีงามที่เหมือนอยู่ในฝันเมื่อตะกี้ มันสวยงามมากจริงๆ ทำให้ใจที่ตายด้านของเธอเริ่มจะมีความคิดที่ไม่ควรจะมีเกิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุไร้ผลแล้ว
“แปะๆๆ”
กู้จื่อเฟยตบหน้าของตัวเอง ก่อนจะพูดพึมพำเบาๆ“กู้จื่อเฟย ตื่นได้แล้ว คนเขาแค่หิวเลยลงมากินบะหมี่เท่านั้น เธอคิดอะไรอยู่!เอาแต่คิดไปเองคนเดียว บทเรียนที่ผ่านมายังไม่เข็ดหลาบใช่ไหม?”
เธอพูดเตือนตัวเอง ราวกับต้องทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะระงับความกระสับกระส่ายในใจลงได้
เย้นโม่หลินเดินมาอยู่ตรงหน้าบันได หยุดลง หันมองกลับไปยังห้องอาหารด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
จริงๆแล้วเขาไม่ได้หิวเลย
แค่จิตที่กระวนกระวายอยู่ไม่สุขอย่างบอกไม่ถูกในช่วงหัวค่ำ จึงนอนไม่หลับ แล้วก็ได้ยินเสียงคนลงลิฟต์ไปข้างล่าง
เขาหูดีมาก แค่ได้ยินความถี่ของการเดิน ก็รู้ได้เลยว่าเป็นกู้จื่อเฟย
ช่วงกลางดึก เธอลงไปทำอะไรข้างล่างคนเดียว?
รู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก เขาก็เลยลงตามไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็เห็นเธอกำลังต้มบะหมี่อยู่ในห้องครัว