สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 842 สัญญาที่หลอกลวงกันชัดๆ
ที่แท้ก็หิวนี่เอง
ตอนแรกเขากะจะแอบเดินกลับไป แต่พอเห็นบะหมี่ที่เธอต้ม ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองหิวขึ้นมาบ้างแล้ว
จึงเปิดปากพูดให้เธอช่วยต้มเพิ่มอีกถ้วย
ปกติแล้วเขาไม่ชอบกินมื้อดึก แต่ครั้งแรกที่กินก็รู้สึกว่า การกินมื้อดึกก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน
ราวกับ ช่วงเวลาดีงามและเงียบสงบ
เขาก็สังเกตได้ว่าเธอแอบมองเขาอยู่เป็นระยะๆ ความรู้สึกที่แอบดูเขาแบบนั้นมันมากเกินไป คนอื่นอาจจะรู้สึกว่าเขารังเกียจ ไม่สนใจ แต่ว่าเธอ……
เขาก็เลยลดความเร็วในการกินลงโดยสัญชาตญาณ กินช้าๆ ให้เธอได้แอบมอง
แต่เวลาผ่านไปนานแล้ว บะหมี่ก็เย็นชืดหมด กินแล้วรู้สึกไม่สบายท้อง
เขาก็เลยจากไปก่อน ให้เธอได้กินบะหมี่อย่างสงบ
จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าบันได เย้นโม่หลินก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนบ้าไปแล้ว ถึงได้ทำเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลกลางดึกกลางดื่นขนาดนี้ได้
เขาส่ายหัว เม้มริมฝีปากบางๆ ก้าวเท้าเดินขึ้นข้างบนไป
สองสามวันต่อมา พวกเย้นหว่านกับเย้นโม่หลินพักอาศัยอยู่ที่บ้านของกู้จื่อเฟย พวกเขาเข้ากันได้ดี อย่างน้อยก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
นอกจากป่ายฉีจะแทบจะเป็นบ้า รูสึกกดดันในทุกๆวันแล้ว คนอื่นๆก็สุขสบายดี
การโจมตีของฝู้เหวยข่ายมีมาเรื่อยๆไม่หยุดไม่หย่อน เหมืองหนานเปลี่ยนแปลงระบอบทั้งหมด โห้ถิงอยู่ในสภาวะที่กำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆนานา ทำให้ทุกคนในเมืองหนานต่างให้ความสนใจและรู้สึกตึงเครียด
พากันโทรมาหาโห้หลีเฉินสายแล้วสายเล่า
โห้หลีเฉินก็เริ่มยุ่งขึ้นมาแล้ว คอยจัดการควบคุมอยู่เบื้องหลัง จัดการการเงินให้อยู่ในระดับที่ดูเหมือนจะอันตรายแต่กลับทำให้โห้ถิงไม่ได้ล้มลงไปอย่างชาญฉลาด
พูดแล้วดูง่าย แต่พอทำแล้ว กลับเป็นงานที่หนักหน่วงพอสมควร
เย้นโม่หลินก็เตรียมห้องหนังสือไว้หนึ่งห้อง ไว้ช่วยโห้หลีเฉินจัดการและควบคุม
แล้วก็ขังป่ายฉีเอาไว้ในห้องหนังสือตลอดทั้งวันเช่นกัน ให้เขาช่วยทำงาน
ทำให้ เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันของทั้งสามคนล้วนแต่ยุ่งอยู่ในห้องหนังสือ เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยทั้งสองคน ใจสู้แต่พละกำลังมีไม่พอ ทำได้แค่ช่วยสนับสนุนให้กำลังอยู่ข้างหลัง
เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยชงกาแฟสามแก้ว แบ่งวางไว้สองถาด ถาดหนึ่งหนึ่งแก้ว ถาดหนึ่งสองแก้ว
เย้นหว่านยกถาดที่วางแก้วกาแฟหนึ่งแก้วขึ้นมา ก่อนจะพูดกับกู้จื่อเฟย
“ฉันไปส่งกาแฟให้โห้หลีเฉิน ส่วนคุณเอาไปให้พี่ชายของฉันกับป่ายฉี โอเคไหม?”
กู้จื่อเฟยสงสัยอยู่นิดหน่อย ก่อนจะตอบรับไป
ที่นี่มีแค่พวกเธอสองคน เธอไม่มีทางไปส่งกาแฟที่ห้องหนังสือของโห้หลีเฉินแน่นอน ถ้าเย้นหว่านไม่ไปส่งสองรอบ เธอก็จะไปส่งอีกห้องเอง
แค่คิดถึงเย้นโม่หลินที่อยู่ในห้องหนังสือ กู้จื่อเฟยก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที
ในคืนนั้น หลังจากที่กินบะหมี่เสร็จแล้ว ทั้งหมดก็กลับเป็นปกติ สงบนิ่งเหมือนกับน้ำ ราวกับเรื่องเมื่อคืนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อน แต่เธอกลับนึกถึงภาพในคืนนั้นอยู่ตลอดเวลา ในใจเอาแต่สับสนวุ่นวายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
จึงคิดอยากจะหลบหน้าของเย้นโม่หลินโดยสัญชาตญาณ
กู้จื่อเฟยสูดหายใจเข้าลึกๆ ปลอบตัวเองก็แค่ไปส่งกาแฟเท่านั้น ไปส่งเสร็จแล้วก็ออกมา ไม่มีอะไรหรอก
เธอจะคิดเพ้อไปไกลไม่ได้
เย้นหว่านกับกู้จื่อเฟยต่างคนต่างยกถาดเสิร์ฟ ขึ้นไปบนห้องสมุดชั้นสองด้วยกัน
โห้หลีเฉินอยู่ตามลำพังคนเดียวในห้องหนึ่ง เย้นโม่หลินกับป่ายฉีอยู่กันอีกห้องหนึ่ง
ห้องสมุดของโห้หลีเฉินอยู่ทางขวา อยู่ข้างหน้า เย้นหว่านเคาะประตูช้าๆ เดินเข้าไปก่อน
พอเธอเข้าไป เสียงเคาะแป้นพิมพ์ในห้องก็หยุดลงทันที
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน มุมปากยิ้มโค้งอย่างรักเอ็นดู กวักมือให้กับเธอ
“มานี่สิ”
ท่าทีที่สนิทสนมนั้น ทำให้ใจของเย้นหว่านอ่อนระทวย
เธอยกถาดเดินเข้าไป วางกาแฟลงข้างๆคอมพิวเตอร์ของเขา ฝ่ามือใหญ่ของเขาดึงรั้งเธอเอาไว้ ทำให้ร่างกายของเธอล้มลงนั่งลงบนตักของเขา
กลิ่นหอมของผู้ชายลอยเข้ามาปะทะที่จมูก
เย้นหว่านแก้มแดง แกล้งงอน“คุณทำอะไร?”
เธอแค่มาส่งกาแฟให้ เขาก็มาโอบกอดเธอซะอย่างนั้น
แขนของโห้หลีเฉินโอบเอวของเย้นหว่านไว้ แก้มแนบที่คอของเธอ พูดกระซิบเสียงเบา
“เหนื่อยแล้ว อย่างดื่มสักหน่อย”
เสียงที่เหน็ดเหนื่อยนั้น ทำให้ใจของเย้นหว่านอ่อนระทวยในทันที
ต้องรีบจัดการกับฝู้เหวยข่ายให้เร็วที่สุด แถมต้องไม่ทำให้เขาสงสัยด้วย มันเป็นเรื่องที่ทำให้เหนื่อยใจเหนื่อยสมองพอสมควร
เย้นหว่านยกมือขึ้น กดๆนวดๆลงที่ขมับของเขาเบาๆ
“ดื่มกาแฟสักหน่อยสิ”
“ไม่”
โห้หลีเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ขณะที่พูดไอความร้อนพ่นออกมากระทบที่คอของเธอ
เย้นหว่านรู้สึกถึงความร้อนดุจเปลวไฟที่กำลังแผดเผาคอเธออยู่ ทำให้ผิวของเธอรู้สึกร้อนไปหมด แก้มก็แดงไปด้วยเช่นกัน
เธอยืดหลังตรงอย่างอึดอัด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ต้องพักผ่อนให้เพียงพอสิ คุณจะนอนสักหน่อยไหม?”
“อื้อ”
โห้หลีเฉินตอบรับกลับมาเบาๆ พูดขึ้นต่อ“คุณนอนเป็นเพื่อนผมสิ”
เย้นหว่านหุบยิ้มลง โห้หลีเฉินยังเป็นเด็กอยู่หรือไง ถึงติดเธอขนาดนี้ แค่นอนกลางวันก็ต้องให้นอนเป็นเพื่อนด้วย
แต่ก็รู้สึกปฏิเสธเขาไม่ลงเลยแม้แต่น้อย เย้นหว่านพยักหน้าตอบรับ
“ได้ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ คุณหลับตามสบายเลย……”สักพัก……
ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของเย้นหว่านก็หยุดชะงักลง
เธอถลึงตาโตด้วยความประหลาดใจ รีบคว้ามือใหญ่ที่กำลังถลำลึกอยู่ที่ช่วงเอวของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“คุณทำอะไร?”
“นอนไง”
โห้หลีเฉินพูดอย่างจริงจัง ท่าทางการกระทำไม่คลุมเครือเลยสักนิด ปลดกระดุมเสื้อของเย้นหว่านออกทีละเม็ด
เย้นหว่านขมับเต้นอย่างแรง ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจความคิดชั่วร้ายของโห้หลีเฉิน
เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะนอนกลางวัน
นอนในที่นี้ของเขาก็คือนอนอย่างว่า นอนแบบที่พูดอธิบายออกมาตรงๆไม่ได้นั่นเอง
เย้นหว่านทั้งอายทั้งโกรธ รีบกดมือใหญ่ที่กำลังซุกซนปฏิบัตินอกลู่นอกทางอยู่เอาไว้อีกครั้งอย่างลุกลี้ลุกลน
“ไม่ได้ ที่นี่เป็นห้องสมุดนะ”
แถม กลางวันแสกๆ มันน่าอัปยศอดสูมากด้วย
โห้หลีเฉินเงยหน้าขึ้นมา มองเย้นหว่านด้วยสายตานิ่งลึก น้ำเสียงทุ้มต่ำนิ่งลึกมีมนต์เสน่ห์
“แล้วให้ทำที่ไหน? กลับห้อง? หือ?”
พูดพลาง เขาก็ทำท่าเหมือนจะอุ้มเย้นหว่านขึ้นมา
เย้นหว่านรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา เธอหมายความว่าแบบนี้หรือไง? ตอนที่ผู้ชายคนนี้มีอารมณ์ช่างไร้เหตุไร้ผลสิ้นดี
เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็ว จะพูดเหตุผลให้เขาฟัง ว่าตอนนี้ไม่เหมาะสม แต่เธอเพิ่งจะเปิดปาก ริมฝีปากก็ถูกเขากัดเอาไว้
เสียงที่คลุมเครือของผู้ชายล้นทะลักออกมาจากริมฝีปากและฟัน
“คุณเพิ่งจะรับปากไปเองว่าจะนอนเป็นเพื่อนผม จะมากลับใจไม่ได้”
“อู้……!”
เธอไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นจริงๆ
เย้นหว่านคิดที่จะขัดขืน แต่จะไปสู้แรงของโห้หลีเฉินได้ยังไง จูบอันแรงกล้าเข้ามาปกคลุมไปทั่ว ทำให้เสียงของเธอกลืนหายลงไปจนหมดเกลี้ยง
ร่างกายของเธอราวกับฝังแนบลงไปในอ้อมกอดของเขา
ฝังลึกลงไปจนถอนออกมาไม่ได้
ในขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่ง
หลังจากที่มองเย้นหว่านเข้าไปในห้องแล้ว ตรงทางเดิน ก็เหลือเพียงแค่กู้จื่อเฟยที่กำลังยกถาดเสิร์ฟอยู่
เธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องหนังสือของเย้นโม่หลิน สีหน้าตึงเครียด ไม่ได้ยื่นมือออกไปเคาะประตูอยู่นานสองนาน
มันบอกไม่ถูก การที่มาส่งกาแฟให้กับเขาเป็นพิเศษแบบนี้ มันรู้สึกว่ามีตรงไหนแปลกๆก็ไม่รู้
ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
แต่ ถ้าจะเสียเวลาต่อไปอีกล่ะก็ อีกเดี๋ยวเย้นหว่านก็จะออกมาจากห้องของโห้หลีเฉินแล้ว พอเห็นเธอยังอืดอาดยืดยาดอยู่ที่ประตูแบบนี้ จะต้องถามว่าทำไมแน่นอน
แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบอธิบายกลับไปยังไงดี
จะเสียเวลาไม่ได้แล้ว รีบเข้าไปส่งให้แล้วกัน
กู้จื่อเฟยสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งเฮือก รวบรวมความกล้า ยื่นมือออกไปเคาะประตู