สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 847 ขัดขวาง
เธอไม่รู้ว่าเย้นโม่หลินคิดยังไงกันแน่ แต่กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าท่าทีของเขาที่มีต่อเธอมันไม่เหมือนกับคนอื่นๆ
อย่างน้อยคนที่เย็นชาขนาดนั้นแบบเขา ก็ไม่มีทางที่จะไปส่งบะหมี่ถึงประตูห้องให้กับผู้หญิงคนอื่นแน่นอน
แต่ว่าบางที อาจจะเป็นเพราะว่าเธอต้มบะหมี่ให้เขา เขาก็เลยตอบแทนเธอกลับคืนมาก็เท่านั้น
การคาดเดาทางอารมณ์มากมายที่วนเวียนไปมาอยู่ในใจ ทำให้กู้จื่อเฟยนอนพลิกไปมาบนเตียงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบและการยืนยันใดๆทั้งนั้น
แถมต่อให้เธอกับเย้นโม่หลินอยู่บ้านเดียวกัน แต่เขาก็ยุ่งอยู่แต่ในห้องหนังสือตลอดทั้งวัน นอกจากกินข้าวแล้ว พวกเขาก็ไม่มีเวลาได้เจอกันเลย
ตอนกินข้าว ก็เป็นโต๊ะใหญ่ที่นั่งกินกันหลายคนด้วย
ได้ปฏิสัมพันธ์กัน ก็เท่ากับไม่ได้ปฏิสัมพันธ์
กู้จื่อเฟยเอาแต่ใจลอยตลอดทั้งวัน
ราวกับว่ากำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ จิตใจไม่สงบ ไม่ได้ลงมาอยู่บนพื้น
แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี จะไปจัดการกับสถานะของตัวเองในตอนนี้ เธอก็หมดหนทาง
ตอนที่เย้นหว่านไม่ได้ไปที่ห้องทำงานของโห้หลีเฉิน เวลาส่วนใหญ่ก็จะอยู่แต่กับกู้จื่อเฟย
แล้วก็รู้สึกได้ว่าสติของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เย้นหว่านโบกมือตรงหน้าของกู้จื่อเฟย พร้อมกับพูดถามขึ้น
“ฮาโหล ดึงสติกลับมาได้แล้ว กำลังคิดอะไรอยู่?”
กู้จื่อเฟยแววตาสั่นไม่นิ่ง รีบส่ายหัวทันที“เปล่านี่ ไม่ได้คิดอะไร”
“ท่าทางคุณดูเหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจนะ ไม่เหมือนกับคนที่ไม่ได้คิดอะไรอยู่เลย”
เย้นหว่านดึงแขนของกู้จื่อเฟย มองเธอด้วยสายตาเปล่งประกาย“เมื่อคืนตอนที่กินมื้อดึกกับพี่ชายของฉัน เกิดเรื่องที่จะให้ใครรู้ใครเห็นไม่ได้ใช่ไหม?”
แก้มของกู้จื่อเฟยแดงขึ้นมาทันที เหมือนกับเอาตะปิ้งมาบังไว้แล้วถูกคนกระชากออกไปอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอรู้สึกทั้งตกใจทั้งวุ่นวายสับสน
เธอรีบพูดหักล้างไปด้วยความลนลาน“ที่ไหนกันล่ะ พวกเราไม่ได้กินด้วยกันสักหน่อย”
“เอ๋ พวกคุณนัดกันไปกินไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงไม่ได้ไปกินด้วยกันล่ะ?”
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นไปอีก
พอคำถามนี้ถูกถาม ก็ทำให้ภาพในความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนของกู้จื่อเฟยถูกดึงออกมาด้วย
มันคลุมเครือ ทั้งเขินอาย แถมยังโกลาหลวุ่นวายอีก
กู้จื่อเฟยจูงเย้นหว่านเดินตรงไปข้างหน้าเร็วขึ้น“ฉันแทบจะหิวตายอยู่แล้ว พวกเรารีบไปกินอาหารเที่ยงกันเถอะ”
ตรงหน้าอีกไม่ไกล ก็เป็นห้องอาหารแล้ว
กู้หรงนั่งอยู่ตรงที่นั่งของคนที่มีอำนาจและอาวุโสที่สุดเรียบร้อยแล้ว ที่โต๊ะ ก็มีอาหารมากมายละลานตาวางอยู่เต็มโต๊ะแล้วด้วย
เย้นหว่านยังอยากจะถามอะไรด้วยความสงสัยอยู่ แต่ก็ไม่สะดวกแล้ว
เธอทำได้แค่เก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ กะที่จะกลับไปแล้วค่อยถาม
จากความเข้าใจของเธอที่มีต่อกู้จื่อเฟย เมื่อคืนจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอและเย้นโม่หลินแน่ๆ แถมเป็นเรื่องที่ไม่ปกติด้วย
แก้มที่แดงของเธอ มันปิดบังเอาไว้ไม่ได้
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของเย้นหว่านก็มีความคิดที่กล้าหาญขึ้นมา หรือว่า ถ่านไฟเก่าของกู้จื่อเฟยที่มีต่อเย้นโม่หลินจะร้อนขึ้นมาอีกครั้ง?
ถ้าอย่างนั้นพวกเขา จะมีความเป็นไปได้อยู่ใช่ไหม……
ไม่นาน พวกโห้หลีเฉินกับเย้นโม่หลินก็มาถึงที่ห้องอาหาร นั่งลงทานข้าว
กู้หรงเรียกให้ทุกคนทานข้าวอย่างกระตือรือร้นเหมือนอย่างเคย กินไปพลาง คีบอาหารให้กับกู้จื่อเฟยไปเรื่อยๆ
กู้จื่อเฟยมองอาหารที่พูนเต็มถ้วย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหดหู่
“พ่อ พอแล้ว ถ้ามากกว่านี้หนูจะกินไม่หมดแล้วนะ”
“กินมากๆหน่อยก็ดี”กู้หรงคีบเนื้อใส่ลงไปในถ้วยของกู้จื่อเฟยอีกหนึ่งชิ้น“กินให้อิ่ม กลางดึกกลางดื่นจะได้ไม่หิว”
คำพูดนี้ ทำให้อาหารที่กู้จื่อเฟยเพิ่งจะกินลงไป แทบจะติดอยู่ในคอ
ว่าแล้วทำไมพ่อของเธอถึงห่วงใยใส่ใจขนาดนี้ ที่แท้ก็คิดที่จะให้เธอกินให้อิ่มซะตั้งแต่ตอนนี้ จะได้หาเหตุผลในการกินมื้อดึกไม่ได้นั่นเอง
มันช่าง……
กีดกันเธอขนาดนี้เลยเหรอ? ทำซะเหมือนที่เธอไปกินมื้อดึกคือการแอบไปมีความสัมพันธ์ลับๆกับเย้นโม่หลินอย่างไรอย่างนั้น
พอคิดถึงตรงนี้ กู้จื่อเฟยก็มองเย้นโม่หลินด้วยสายตาสั่นไม่นิ่ง
ตอนแรกเผลอแอบมองโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่คิดว่าจะดันไปสบตาเข้ากับเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวซะอย่างนั้น
สายตาสบกัน ช่วงเวลานั้นราวกับว่ามีประกายไฟจุดขึ้นมาในอากาศ ช็อตเข้ามาที่หัวใจของเธอทำให้รู้สึกเสียวจี๊ด
“ถ้ากลางดึกลูกหิวจริงๆ พ่อก็เตรียมพ่อครัวช่วงกลางดึกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว คอยเฝ้าอยู่ในห้องครัวตลอดเวลา สามารถทำอาหารมื้อดึกได้ทุกเมื่อ แล้วก็ยังมาส่งถึงห้องให้ลูกได้ด้วย”
กู้หรงโค้งตัวไปข้างหน้า อาศัยตำแหน่งที่นั่ง จงใจเข้ามาขวางกั้นทัศนการมองเห็นระหว่างกู้จื่อกับเย้นโม่หลิน
พอเห็นใบหน้าแบบนั้นของพ่อตัวเองแล้ว กู้จื่อเฟยก็ดึงสติกลับมาทันที
หมดหนทาง
อับจนหนทางทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เขากีดกันอยู่แบบนี้ จริงจังไปก็กลุ้มใจเปล่าๆ
กู้จื่อเฟยก็ขี้เกียจที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้วเหมือนกัน จึงพยักหน้าพูดขึ้น“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”
หมดหนทาง ก้มหน้าทานข้าว
แต่อาหารรสเลิศที่พ่อครัวทำออกมา พอใส่เข้าไปในปากแล้ว กลับรู้สึกว่ามันไร้รสชาติจืดชืดสิ้นดี
ตอนนี้กู้หรงก็ยิ้มๆด้วยความพออกพอใจ หันหน้ามองไปยังเย้นโม่หลิน
หัวเราะเหอะๆพร้อมกับพูดขึ้น“คุณชายเย้น ตอนค่ำถ้าเกิดหิวขึ้นมา ก็สั่งให้พ่อครัวทำอะไรให้กินได้นะ คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
เย้นโม่หลินสายตาดำมืด ตอบ“อื้อ”กลับไปด้วยน้ำเสียงต่ำ
แน่นอนว่าเขารู้เจตนาของกู้หรงดี ว่าไม่อยากให้กู้จื่อเฟยมาต้มบะหมี่ให้เขากลางดึกกลางดื่น
อาจจะเพราะหลีกเลี่ยงความสงสัย หรืออาจจะเพราะเหตุผลอื่น เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น
แต่ไม่ได้กินบะหมี่ที่กู้จื่อเฟยต้มให้ มันทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ไม่น้อย
เหมือนเขาเริ่มรู้สึกว่าบะหมี่มันรสชาติอร่อย
มองบรรยากาศที่อึดอัดอย่างบอกไม่ถูกรอบๆโต๊ะอาหาร ป่ายฉีก็ขมวดคิ้วด้วยความทุกข์ใจ รู้สึกกังวลเล็กน้อย
คนที่กระตือรือร้นแบบเขา เมื่อคืนถูกโจมตีจากการแสดงความรักที่ทำร้ายคนโสดขนาดนั้นเข้าไป ก็ต้องรู้ดีว่าเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยจะต้องไปกินมื้อดึกด้วยกันตามลำพังสองคนแน่ๆ
กลางดึกเงียบสงัด เป็นช่วงเวลาที่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้มากที่สุด ไอพวกความรู้สึกอย่างว่าที่เข้าใจยากแบบนั้น ก็อาจจะปะทุพุ่งพรวดออกมาก็ได้
เดิมทีมันก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นสัญญาณที่ดี
แต่กลับไม่คิดว่า กู้หรงจะจัดเตรียมพ่อครัวมาคอยทำอาหารมื้อดึกให้ แถมยังไปส่งถึงห้องแบบนี้อีก
ความรู้สึกนั้นยังไม่ทันได้อบอุ่น คงจะเย็นชืดลงเสียก่อนแล้ว
“เห้อ”ป่ายฉีถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเพิ่มความอบอุ่นต่อไปยังไงดีอยู่นั้น ก็ถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องจนทำให้รู้สึกขนลุกขนชัน
เป็นอย่างที่คิดไว้ เขาหันหน้าไป ก็เห็นกู้หรง
ป่ายฉีชักมุมปาก เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
กู้หรงมองเขาด้วยความเมตตา พูดยิ้มๆ
“ป่ายฉี นายก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดมาทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อยมากแล้วสินะ? อุดอู้มากเกินไปไม่ได้นะ มันจะไม่ดีต่อสุขภาพ นายเป็นหมอ ก็ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองสิ ถึงยังไงนายก็เป็นแค่หมอ ไม่ได้คุ้นชินกับเรื่องธุรกิจมากนัก ถึงช่วยไปก็ช่วยได้แค่นิดเดียวเท่านั้น เอางี้สิวันนี้ตอนบ่ายไม่ต้องไปช่วยแล้ว ทำตัวให้ว่าง ไปเดินเล่นซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนจื่อเฟยดีกว่า นายเป็นคนตาดี ช่วยเธอหาเลือกซื้อเสื้อผ้าสวยๆดีๆกลับมาซะสิ”
กู้หรงเพิ่งจะพูดจบ ช้อนในมือของเย้นโม่หลินก็ถูกกดบี้จนโค้งเป็นมุมเก้าสิบองศา
อุณหภูมิรอบๆตัวเขาต่ำลงจนติดลบ หนาวเย็นยะเยือกสุดๆ
ป่ายฉีนิ่งชะงัก หนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่อันตรายสุดๆ
ตรงหน้าผากเหงื่อไหลตกลงมา
นี่มัน จะฆ่ากันชัดๆเลยนี่นา!