สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 853 คนในเมืองอย่างพวกคุณเล่นกันเก่งจริง
โห้หลีเฉินพูดอย่างไม่พอใจ “จะถ่ายก็ถ่ายผม อย่าถ่ายผู้ชายแบบนั้นทำไม”
เย้นหว่านมองหน้าโห้หลีเฉิน ด้วยความตะลึง
แต่ว่า ก็น่ารักดี
เย้นหว่านเปิดโหมดถ่ายภาพขึ้นอีก จากนั้นก็หันไปทางหน้าของโห้หลีเฉิน
พูดอย่างยิ้มแย้ม “มา คุณโห้มองกล้องหน่อย ให้ฉันถ่ายท่าทางขี้หึงของคุณหน่อย กลับไปแล้วล้างออกมาเพื่อความทรงจำหน่อย”
โห้หลีเฉินสีหน้าหวั่นไหวเล็กน้อย
จากนั้นก็ยื่นมือปรับเป็นกล้องหน้า แล้วดึงร่างของเย้นหว่านมายืนหน้าตัวเอง มองกล้องพร้อมกัน
พูดอย่างแผ่วเบา “ถ่ายเลย”
นี่เป็นภาพขี้หึง หรือว่าภาพคู่กันแน่?
เย้นหว่านมองดูผู้ชายอันหล่อเหลาในจอจนแทบจะลืมตาไม่ได้ ทนไม่ได้ที่จะกดปุ่มถ่ายภาพ
เวลาเดียวกัน โห้หลีเฉินก้มหน้าลงกะทันหัน ริมฝีปากบางก็ทับลงที่ปากของเย้นหว่าน
กล้องจับภาพได้บันทึกไว้พอดี
เย้นหว่านแก้มแดงขึ้นทันที ยืนอึ้งอยู่กับที่
เหมือนดั่งเวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น
เย้นโม่หลินและกู้จื่อเฟยที่ยืนอยู่ด้านข้าง “……”
เดินห่างออกไปพร้อมกันนิดหน่อยอย่างใจตรงกัน รักษาระยะห่างจากพวกเขา
เกินไปจริงๆ ตอนนี้กำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ อีกอย่างยังมีคนดูอยู่ ก็จูบกันแสดงความรักใคร่แบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเลยเหรอ?
รังเกียจ
ดูหมิ่น
เย้นโม่หลินสีหน้าไม่ดีเลย ขยับตัวออกห่างไปอีกนิด
ขยับครั้งนี้ กลับไปชนคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
กู้จื่อเฟยและเขาหันหน้าอย่างกะทันหัน ถึงปรากฏอย่างน่าตกใจ พวกเขาอยู่ดีๆก็เดินมาใกล้กันขนาดนี้ ไหล่ชนไหล่
กู้จื่อเฟยตกใจ รีบถอยหลังออกโดยสัญชาตญาณ “ขอโทษ ฉันไม่ได้…….”
“อย่าขยับ”
เย้นโม้หลินรีบไวจับตัวกู้จื่อเฟยไว้ ดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง และเอามือปิดปากของเธอไว้
ด้านหลังของเธอก็คือต้นไม้ หากถอยหลังไปก็จะทำให้ต้นไม่สั่นไหวได้ ทำให้คนข้างนอกเห็นพวกเขาได้
ตอนนี้พวกเขาจะเปิดเผยตัวไม่ได้
และแล้ว ปฏิกิริยาอันรีบร้อนนี้ กลับมีผลลัพธ์อันใหญ่หลวง
วินาทีนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน หญิงสาวอันอ่อนโยนในอ้อมกอดเขา และกลิ่นหอมอันน่าดมนั้น เหมือนดั่งแอลกอฮอล์ดีกรีสูง ซึมเข้าไปในทุกอนุร่างกายของเขา
ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวาย ใจเต้นเร็วอย่างควบคุมไม่ได้
กู้จื่อเฟยอึ้งไปทั้งร่าง เบิกตากว้าง ปากที่ถูกปิดไว้ออกเสียงอะไรไม่ได้เลย
และระหว่างความสัมผัสนั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้ชายคนนี้
เธอกลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ถึงแม้จะเป็นการปิดปากเธอไว้เพราะสถานการณ์รีบร้อน แต่ว่า ก็พอที่จะทำให้หัวใจคนเต้นอย่างรวดเร็วได้
ทั้งสองเหมือนตะลึงค้างอยู่กับที่ เหมือนดั่งภาพนิ่ง ไม่มีการตอบสนองอะไรอีกเลย
เย้นหว่านเก็บมือถือด้วยอาการหน้าแดง ก็เลยเห็นภาพนี้เข้าพอดี
ทันใดนั้นตาก็เบิกกว้าง
เธอดูไม่ผิดใช่ไหม พี่ชายของเธอกอดกู้จื่อเฟยอยู่
ตอนนี้ให้พูดอีกว่าเย้นโม่หลินไม่รู้สึกอะไรกับ เธอก็ไม่เชื่อแล้ว
ทั้งๆที่มีใจให้กันและกันชัดๆ ต้องคบกันตรงนี้เลย
ดังนั้น ไม่รอเธอคิดมากไปกว่านั้น กู้จื่อเฟยก็เหมือนว่าจะตอบสนองทัน ดึงมือของเย้นโม่หลินออกด้วยความรู้สึกอึดอัด
“คุณ……ปล่อย…….”
เสียงของเธอเบามาก ตั้งใจกดเสียงเบาลง จนฟังไม่ค่อยชัด
แต่ก็พอที่จะเรียกสติของใครบางคนกลับมา
เย้นโม่หลินรีบปล่อยมือออก และรีบผลักกู้จื่อเฟยออก ถอยหลังออกไปสองก้าว รักษาระยะห่างที่พอดี
บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เต็มไปด้วยความทำตัวไม่ถูก
พูดอย่างแข็งกะด้าน “เมื่อครู่สถานการณ์เร่งรีบ ขออภัย”
กู้จื่อเฟยแววตาประกาย แก้มแดงเล็กน้อย “ฉันไม่ควรพูดเสียงดังเอง”
ทั้งสองพูดอธิบายแบบนี้ และก็เงียบไป
เย้นหว่านมุมปากกระตุก รู้สึกเอือมระอา
สถานการณ์พลิกผันแบบนี้ พี่ชายของเธอกลับไม่รู้จักใช้โอกาส กำหนดความสัมพันธ์ได้ทุกนาที แต่กลับเหมือนเด็กเรียนเน่าเหม็น ยังอธิบายสถานการณ์เร่งรีบอีก
เธอจับหน้าผากไว้ พี่ชายเอ้ย แบบนี้จะไปมีแฟนได้ยังไง
เสียงเบรกรถดังขึ้นบนถนนข้างนอก รถหรูคันหนึ่งมาจอดเทียบข้างรถของรถที่ยางระเบิด
คนขับรถก็รีบลงมาจากรถทันที เปิดประตูรถอย่างเคารพ
พ่อบ้านก็เดินไปข้างหน้าสองก้าว เดินไปข้างรถที่ยางระเบิด เปิดประตูรถด้านนี้อย่างเคารพ
“ท่านรอง เชิญ”
ตามจากที่พูดจบแล้ว รองเท้าหนังขัดเงาคู่หนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถ
จากนั้น ชายวัยกลางคนสีหน้าเคร่งขรึมเดินลงมา ใส่แว่นกันแดดสีดำ แปร่งประกายราศีแข็งแกร่ง เป็นคนที่ออกคำสั่งมานานปี
เขาตามองตรง ไม่มองไปทางอื่นเลย เดินตรงเข้าไปในรถหรูอีกคัน
จากนั้นประตูรถถูกปิด ร่างก็หายไปอีกครั้ง
เวลาที่เขาเผยโฉมหน้า สั้นจนไม่ถึงนาที
แต่เย้นหว่านจำหน้าของคนคนนี้ได้ เขาไม่เพียงแค่มีบุคลิกที่มีอำนาจแข็งแกร่ง ใบหน้า ยิ่งมีความคล้ายคลึงกับฝู้เหวยข่ายบ้าง
ดูแล้วน่าจะเป็นญาติกัน
เย้นหว่านหันหน้าไปมองโห้หลีเฉิน ถามว่า “คนนี้คุณรู้จักไหม?”
ดูจากบุคลิกรูปลักษณ์ภายนอก น่าจะเป็นคนใหญ่โตในสังคมไฮโซ
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองหนาน แต่ในเมืองอื่นอาจจะเคยเห็นหรือพอมีความสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย
หรืออาจจะ เคยเห็นในข่าวอะไรสักอย่างก็ได้
แต่โห้หลีเฉินกลับส่ายหน้า เม้มปากพูด “ต้องสืบ”
พูดไป เขาก็จูงมือของเย้นหว่าน เดินออกไปข้างนอก
เย้นหว่านมองเขาอย่างแปลกใจ ตอนนี้ไม่ต้องหลบแล้วเหรอ?
ถึงแม้ว่ารถของท่านรองขับออกไปแล้ว แต่ว่าคนขับรถยางระเบิดยังอยู่ตรงนั้น
ปรากฏว่า พอคนขับรถมองเห็นพวกเขา ก็ระวังขึ้นมาทันที
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจเขาเลย จูงมือเย้นหว่านเดินไปทางที่จอดรถของพวกเขา
ตอนที่ใกล้เดินถึงแล้ว เขาพูดกับเย้นหว่านคำหนึ่ง
“ครั้งหน้าเปลี่ยนสถานที่ ที่นี่คนเยอะเกินไป”
“หา?”
เย้นหว่านอึ้งไปสามวินาที ถึงตอบสนองทัน ทันใดนั้นก็สีหน้าแดงก่ำไปถึงหู
คำพูดของโห้หลีเฉินความหมายคลุมเครือเกินไปแล้ว
ปรากฏว่า แววตาอันระวังของคนขับรถคนนั้น ก็เปลี่ยนเป็นมึนงงทันที
จากนั้นเย้นโม่หลินและกู้จื่อเฟยก็เดินออกมา “…….”
คนขับรถสีหน้าตกใจดูข้างหลังยังมีอีกคู่ สีหน้าก็แดงไปทันที
พูดพร้อมส่ายหน้าอย่างทนไม่ได้ “เด็กสมัยนี้ เล่นกันเก่งจริงๆ หาความตื่นเต้นยังมากันสองคู่สองคู่แบบนี้”
เย้นโม่หลิน “……”
กู้จื่อเฟย “…….”
พวกเขายังหันไปมองฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ได้ตั้งตัว ทันใดนั้นเหมือนถูกไฟช็อตแล้วหลบตาทันที อึดอัดและวุ่นวายใจ
ทำไมต้องพูดจาคลุมเครือขนาดนี้
ผู้ชายป่าเถื่อนที่ความคิดสกปรก
เย้นหว่านสักวันต้องถูกเขาสอนไปทางไม่ดีแน่ สงสารน้องสาวที่น่ารักไร้เดียงสาเหมือนกระต่ายน้อยของเขา
เว่ยชีเป็นคนขับรถ รออยู่บนรถตลอด
พวกเขาขึ้นรถ เขาก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ขับตามรถของท่านรองไป
ส่วนในรถ บรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างแปลก
ดูเหมือนบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด และมีกลิ่นอายความคลุมเครือ…