สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 860 คนมาแล้ว
กู้จื่อเฟยอึ้งไปทั้งคน
เหมือนถูกฟ้าผ่า
เพราะฉะนั้น นี่มันอะไรกัน ความบ้าคลั่งเมื่อคืนทั้งคืนนั้นไม่ใช่ฝัน แต่เป็นความจริง?
เธอนอนกับเย้นโม่หลินแล้วจริงๆเหรอ?
นี่มันบ้าบอคอแตกยิ่งกว่าฝันอีกร้อยเท่าพันเท่า
กู้จื่อเฟยตกใจจนตั้งสติไม่ได้ ส่วนเย้นโม่หลินขนตากระตุกเล็กน้อย ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ดวงตาที่สวยงามนั้นค่อนข้างเบลอเล็กน้อย แต่เพียงแค่หนึ่งวินาที เมื่อเขามองชัดแล้วว่าคนที่ใกล้ชิดอยู่ตรงหน้าคือกู้จื่อเฟย ก็ตื่นทันที
ตาสองคู่สบตากัน มองเห็นตัวเองในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ และความอับอาย
“ปัง”
ทั้งสองคนเหมือนร่างกายสะท้อนกลับเอง รีบหันกลับไป หันหลังให้ฝ่ายตรงข้าม
เวลาเดียวกัน ยังรีบดึงผ้าห่มเข้าไปห่อตัวเอง
ปรากฏว่าผ้าห่มที่พวกเขาห่มเป็นผืนเดียวกัน ดึงไป ลากมา ตอนแรกที่แยกออกจากกันเล็กน้อยทั้งสองคน ก็ถูกดึงกลับมาเข้าใกล้กันอีก
หลังสัมผัสกัน เป็นผิวหนังอันนุ่มนวลอบอุ่นของฝ่ายตรงข้าม
ภาพที่ผัวพันกันเมื่อคืน เหมือนดั่งไฟที่เผาไหม้อยู่ในสมอง ทำให้สติของคนสั่นสะเทือนขึ้นมา
กู้จื่อเฟยตัวเกร็งอย่างรุนแรง
เย้นโม่หลินเหมือนโยนของร้อนในมือทิ้งปล่อยมือออก กลิ้งลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ใช้ความเร็วอย่างแทบมองไม่ชัดใส่เสื้อผ้ากางเกงให้ตัวเอง
ใส่อย่าง เร่งรีบวุ่นวาย แต่ก็สามารถปิดร่างกายไว้ได้
กู้จื่อเฟยพันผ้าห่มทั้งผืนไว้บนตัว ร่างกายเกร็งมาก ไม่กล้าหันไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเลย
แค่รู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอบ้าคลั่งได้แล้ว
บ้าไปแล้วจริงๆ
เมื่อคืนเกิดเรื่องบ้าบออะไร เธอนอนกับเย้นโม่หลินแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่กลับเกิดขึ้นแล้วจริง
เธอมึนไปหมดแล้ว อึ้งไปแล้ว ซื่อไปแล้ว
เย้นโม่หลินถึงแม้จะใส่เสื้อผ้าแล้ว แต่ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนเปลือยกาย แต่ก็ห่อหุ้มตัวเขาไว้แน่น
เมื่อคืน เขาไม่มีข้ออ้างให้แก้ตัวใดๆ เขานอนกับกู้จื่อเฟยเหมือนต้องมนต์
ในสถานการณ์ที่เธอไม่ได้สติ
ตอนนี้เธอมีสติแล้ว เรื่องนี้สำหรับเธอแล้ว เกรงว่าจะเหมือนดั่งฟ้าถล่ม รับไม่ได้
สายตาของเขาเคร่งขรึม ดูเหมือนลังเลอยู่นานมาก ถึงเปิดปากพูดด้วยเสียงต่ำ
“กู้จื่อเฟย เมื่อคืน……”
“อ้าก”
กู้จื่อเฟยเอามือปิดหูแล้วร้องเสียงดัง เสียงดังจนเหมือนหลังคาจะแตก
เธอไม่อยากฟัง
เมื่อคืนเธอยังพอมีความทรงจำอยู่บ้าง ในความทรงจำ ล้วนเป็นเรื่องบ้าบอและอับอาย คือพฤติกรรมที่เธอทำต่อเย้นโม่หลินต่างๆนานา
ส่วนเธอกล้าทำแค่ไหน ตอนนี้เธอก็อยากตายมากเท่านั้น
เธอเป็นยิ่งกว่าสัตว์ดุร้าย กลับปล้ำเย้นโม่หลินแล้ว
เขาต้องคิดบัญชีกับเธอแน่นอน
แย่แล้วแย่แล้ว
กู้จื่อเฟยทั้งอับอายและหวาดกลัว ไม่กล้าอยู่ต่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว รีบดึงผ้าห่มตัวเองไว้ กระโดดลงจากเตียง
จากนั้น กอดผ้าห่มไว้วิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่หันกลับไปมองเลย
เย้นโม่หลินมองดูกู้จื่อเฟยที่วิ่งหนีอย่างกระวนกระวาย ขมับก็กระตุกอย่างรุนแรง
ผู้หญิงคนนี้ตื่นมาตอนเช้า สิ่งที่ตอบสนองอันดับแรกก็คือวิ่ง
มันช่าง……
“กู้จื่อเฟย คุณหยุดเดี๋ยวนี้”
เขาตะโกนอย่างอารมณ์เสีย
เรื่องเมื่อคืน เขาต้องพูดกับเธอให้ชัดเจน
กู้จื่อเฟยไม่ยอมฟังคำพูดของเขาเลย เปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งออกไป
ตอนนี้เธอแค่อยากหนียิ่งไกลยิ่งดี หนีไปจนสุดขอบฟ้าเลยก็ได้ จากนั้นก็ไม่ต้องเจอเย้นโม่หลินอีกเลยในชาตินี้
เธอไม่มีหน้าที่จะไปเจอเขาแล้ว
สถานการณ์แบบนี้ ให้ตายก็ไม่ต้องไปมาหาสู่กันอีก ชาตินี้ไม่ต้องเจอกันอีก
“จื่อเฟย”
เย้นหว่านออกมาจากห้อง ก็เห็นกู้จื่อเฟยที่ห่อผ้าห่มวิ่งหนีอย่างรีบร้อน
เธอไม่ได้ใส่รองเท้า ส่วนคอที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยรอยจูบ สภาพแบบนี้ ไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าถูกคนทำอะไรอย่างนั้นมาแล้ว
ใจของเย้นหว่านรู้สึกกังวลทันที เธอคิดว่าเมื่อคืนหลังจากถูกวางยา กู้จื่อเฟยก็เหมือนกับเธอ นอนพักฟื้นอยู่อีกห้องหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึง เธอออกมาจะได้เห็นกู้จื่อเฟยในสภาพนี้
“จื่อเฟย เธอเป็นอะไร? ใครรังแกเธอ?”
เย้นหวานวิ่งเข้าไปหาอย่างรีบร้อน ดึงตัวกู้จื่อเฟยไว้ เวลาเดียวกัน ก็รีบถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองลงมา ห่อไว้ที่ไหล่ของกู้จื่อเฟย
ปิดภาพอันเย้ายวนนั้น รีบคลุมไว้
โห้หลีเฉินยืนอยู่ข้างเย้นหว่าน มองดูแขนของเย้นหว่านที่โชว์อยู่ แววตาเข้มขึ้น
จากนั้น ก็ถอดเสื้อหนาวออก คลุมไว้บนตัวของเย้นหว่าน
ความสนใจของเย้นหว่านอยู่บนตัวของกู้จื่อเฟยทั้งหมด ไม่รู้ตัวเลยว่ามีเสื้อผ้าห่มอยู่บนตัวของเธอ มองดูกู้จื่อเฟยอย่างตื่นเต้น
“จื่อเฟย เธอรีบบอกฉัน ว่าใครกันที่รังแกเธอ? ฉันไปจัดการเขาให้ตายแน่”
กู้จื่อเฟยถึงได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง มองดูสีหน้าทั้งตื่นเต้นและโมโหของเย้นหว่าน ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
ใครรังแกเธอ?
นั่นมันไม่ใช่ เธอปล้ำเย้นโม่หลินต่างหาก
คิดถึงเรื่องบ้าคลั่งที่ตัวเองทำ กู้จื่อเฟยอยากหาอะไรมาชนตาย ขุดหลุมฝังตัวเองลงไป
เธอรีบดึงเสื้อกันหนาวมาห่อตัวให้มิดชิด พยายามปิดบังร่องรอยอันน่าอับอายให้มิดชิด
พูดด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไม่มีใครรังแกฉัน ฉันแค่ เมื่อคืนยุงเยอะเกินไป เพราะฉะนั้น ก็เลยเป็นแบบนี้”
กู้จื่อเฟยพูดโกหกอย่างอ้ำๆอึ่งๆที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เชื่อ
แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเพื่อนรัก แต่ว่าให้ยอมรับต่อหน้าเย้นหว่านว่าเธอปล้ำพี่ชายเธอ เธอไม่กล้าจริงๆ
น่าอับอายจริงๆ
รับไม่ได้จริงๆ
มองดูสภาพของกู้จื่อฟยแล้ว เย้นหว่านยิ่งรู้สึกสงสาร
เมื่อคืนหลังจากถูกวางยา เธอก็สลบไปทั้งคืนเพิ่งตื่น ไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเลย กู้จื่อเฟยก็ต้องอยู่ในสภาพอ่อนเพลียเช่นกัน เพราะฉะนั้นถึงถูกรังแก
ยิ่งคิด เย้นหว่านยิ่งรู้สึกทรมาน
ตาของเธอแดงหมดแล้ว จับตัวกู้จื่อเฟยไว้แน่น แล้วกัดฟันพูดว่า
“จื่อเฟย เธอไม่ต้องกลัว ใครเป็นคนรังแกเธอ เธอบอกฉันมา ไม่ว่าเขาเป็นใคร มีอำนาจมากแค่ไหน ฉันต้องให้เขาชดใช้ด้วยเลือดแน่”
เย้นหว่านพูดอย่างจริงจังมาก หนักแน่นมาก
คำพูดนี้ ก็เข้าหูของเย้นโม่หลินที่วิ่งตามมาพอดี
เท้าของเขาก็หยุดชะงักทันที มองน้องสาวของตัวเองอย่างตะลึง สีหน้าไม่ค่อยธรรมชาติ
เขาจะบอกเธอ คนที่เธอกัดฟันอยากจะจัดการคนนั้น ก็คือเขาไหม?
เย้นโม้หลินรู้สึกว่าขมับกระตุกอย่างรุนแรง ไม่เคยรู้สึกถึงความอับอายและความกดดันมหาศาลแบบนี้มาก่อน
กู้จื่อเฟยยืนหันหลังอยู่ ยังมองไม่เห็นเย้นโม่หลิน
เธอกัดริมฝีปากอย่างตื่นเต้น ในใจเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่รู้ว่าควรเปิดปากพูดยังไง
แต่ว่าไม่พูด เย้นหว่านก็จะกังวลคิดฟุ้งซ่าน
เวลาแบบนี้ ห่วงซ้ายพะวงขวา
โห้หลีเฉินมองดูดวงตาอันแดงก่ำของเย้นหว่าน แววตาก็หม่นหมองลงทันที ไม่ว่าเพราะสาเหตุอะไร เขาก็ไม่อยากเห็นเธอเสียใจร้องไห้
เขาหันไปมองเย้นโม่หลิน พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
“เย้นหว่าน คนที่คุณกำลังถามมาแล้ว”
มาแล้ว?
อยู่ไหน?
เย้นหว่านตะลึง มองไปตามสายตาของโห้หลีเฉิน……