สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 878 ใต้ตาดำสองคู่
คนแบบเย้นโม่หลิน ไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่สนใจเรื่องทางโลกอะไรแบบนี้ กู้จื่อเฟยไม่สามารถเชื่อมโยงเขาเข้ากับซีรี่ส์เกาหลีได้
แต่เขา กลับมาเปิดซีรี่ส์เกาหลีดูที่นี่จริงๆ
เย้นโม่หลินลุกขึ้นมา หันมามองกู้จื่อเฟย ใบหน้าที่หล่อเหลา ท่าทางที่จริงจัง
เขาพูดอธิบายอย่างจริงจัง
“คุณบอกคุณชอบซีรี่ส์เกาหลี ผมก็เลยลองดู บางทีอาจจะทำให้เข้าใจคุณมากขึ้นก็ได้”
กู้จื่อเฟยถลึงสองตาโตด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
ว่าไงนะ?
เย้นโม่หลินดูซีรี่ส์เกาหลีกลางดึกกลางดื่นแบบนี้ ก็เพื่อเธอ?
แถมยังเพื่อจะได้เข้าใจเธอมากขึ้นอีก?
ให้ตายสิ หมอกควันและความไม่แน่นอนตลอดทั้งวัน กลายเป็นเป็นฟองสบู่ และแตกกระจายออกไปทันที
ความดีอกดีใจที่กู้จื่อเฟยไม่เคยมีมาก่อน ราวกับสวมปีกน้อยๆลอยบินขึ้นไป
ที่แท้ตอนบ่าย ที่เธอกับเย้นหว่านจงใจพูดถึงฉากดอกไม้ที่แสนโรแมนติกในซีรี่ส์เกาหลี เขาไม่ใช่ไม่สนใจไม่ใส่ใจ แต่กลับคิดไม่เหมือนกับพวกเธอนี่เอง
ที่เขาใส่ใจก็คือสิ่งที่เธอชอบ เธอชอบซีรี่ส์เกาหลี เขาก็เลยทำความเข้าใจกับซีรี่ส์เกาหลี
ถึงขนาดที่ในความคิดของผู้ชายซื่อๆแบบเย้นโม่หลิน อาจจะคิดไม่ถึงว่าพวกเธอกำลังแอบบอกใบ้ว่าให้เขาให้ดอกไม้ขอแต่งงาน แต่เขาจะต้องนึกถึงคำพูดที่กู้จื่อเฟยเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าต้องรักกันถึงจะแต่งงานกันได้ ดังนั้นต่อให้ให้ดอกไม้ ก็ไม่มีประโยชน์แน่ๆ
ตอนนี้เพิ่งจะรู้และเข้าใจถึงความคิดของเย้นโม่หลิน กู้จื่อเฟยไม่รู้ว่าจะร้องหรือยิ้มดี ดีใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ที่แท้ นี่ต่างหากล่ะที่เป็นวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมที่ทำให้เย้นโม่หลินรักและเอ็นดู
เย้นโม่หลินยืนหันข้างอยู่แบบนั้น แสงจากหน้าจอสาดส่องครึ่งหน้าของเขา ซีกหนึ่งสว่างซีกหนึ่งดำมืด แสดงถึงความน่าหลงใหลและลึกลับสุดๆ
กู้จื่อเฟยหรี่ตาลง
เย้นโม่หลินกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างนิ่งขรึม
“แต่ว่าหนังเรื่องนี้ ผมดูมาถึงตอนนี้ไม่เห็นจะได้อะไรเลย เรื่องที่ดูง่ายและชัดเจนขนาดนั้น ชายหญิงหนึ่งคู่กลับเดากันไปเดากันมาอย่างลังเล มันเสียเวลาสิ้นดี”
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่เข้าใจที่ปกปิดเอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณถึงชอบ ตอนนี้ยังไม่รู้ ผมขอดู สำรวจวิเคราะห์ต่อไปสักหน่อย……”
ท่าทางจริงจังนั้น ทำให้กู้จื่อเฟยใจละลายไปหมด
ครั้งแรกที่ได้ยินคนอื่นพูดแขวะซีรี่ส์เรื่องที่ตัวเองชอบ แต่กลับได้ฟังแล้วรู้สึกดีใจ มีความสุขราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
ความรู้สึกชอบในใจของเธอ มันยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
กู้จื่อเฟยวิ่งไปข้างหน้าทันที เขย่งเท้า จูบเข้าไปที่ริมฝีปากของเย้นโม่หลิน
เสียงของเย้นโม่หลินสิ้นสุดลง
เขาจ้องใบหน้าเล็กๆที่จู่ๆก็เข้ามาใกล้มากขึ้นตรงหน้านี้ด้วยความตกตะลึง รู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนตรงริมฝีปาก เขานิ่งชะงักไปราวกับถูกฟ้าผ่า
ในหัวว่างเปล่าไปหมด
ไม่คิดว่าเธอจะจูบเขา
แล้วความรู้สึกนี้ มันทำให้เขาไม่ได้รู้สึกขยะแขยงใดๆเลยด้วย ถึงขนาดที่แทบอยากจะจูบต่อไปให้ดูดดื่มมากขึ้นด้วยซ้ำ
เขาอยากจะทำแบบนี้โดยสัญชาตญาณของตัวเอง
แต่กู้จื่อเฟยจู่ๆกลับถอยไปข้างหลัง แสงที่สลัวๆ ใบหน้าที่แดง เต็มด้วยความเขินอายแล้วก็ได้รับชัยชนะราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
“ไม่ต้องดูแล้ว คุณอยากเข้าใจฉัน ก็มาถามฉันตรงๆเลยสิ รีบนอนได้แล้ว ฝันดี”
พูดจบ กู้จื่อเฟยก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
เธอทั้งอายทั้งตกตะลึง แต่กลับรู้สึกชอบดีใจอยู่เต็มอก
ร่างกายที่เล็กบางหายไปจากห้องภายในชั่วพริบตา
เย้นโม่หลินกลับจ้องมองทิศทางที่เธอวิ่งหนีไป ราวกับจิตวิญญาณล่องลอยไปแล้ว
เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ใจสั่น
ตื่นตระหนก
มีความสุข
ความรู้สึกทั้งหมดพุ่งเข้ามาในหัว ทำให้ในหัวของเขาว่างเปล่า ถึงขนาดที่สูญเสียสติปัญญาและการคิดไตร่ตรองไป เหมือนกับคนโง่
แต่เขาดันรู้สึกมีความสุขสุดๆ
“ที่แท้ผู้หญิงก็เหมือนกับดอกป๊อปปี้ แค่ได้แตะก็เสพติดแล้ว ประโยคนี้มันจริงมาก”
เย้นโม่หลินพูดพึมพำกับตัวอง
วันต่อมา เวลาอาหารเช้า
กู้หรงขมวดคิ้ว จ้องมองกู้จื่อเฟยตาไม่กะพริบ
พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม”ทำไมขอบตาลูกดำมากขนาดนี้!เมื่อคืนไม่หลับไม่นอน นอนดึกใช่ไหม?”
กู้จื่อเฟยถูกพูดจนขาดความมั่นใจ สายตาไม่กล้ามองกู้หรง
ขอบตาดำของเธอมั่นชัดขนาดนี้เลยเหรอ?
เมื่อคืนหลังจากที่แอบขโมยจูบไป เธอก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยความสุขอันแรงกล้า กระโดดขึ้นลงด้วยความชอบดีใจ นอนกอดหมอนกลิ้งไปมาบนเตียง ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
ก็เลยทำให้ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
จนถึงตอนนี้ ก็ยังอยู่ในสภาวะที่ตื่นเต้นอยู่
กู้หรงชำเลืองตามองดูก็รู้สึกไม่พอใจ พูดขึ้นอย่างเข้มงวด”กลางดึกกลางดื่นไม่ยอมนอน ตอนค่ำมีเรื่องที่ทำให้ลูกตื่นเต้นอย่างนั้นเหรอ? อายุยังน้อยแต่อยากจะทำให้สุขภาพร่างกายย่ำแย่แล้วหรือไง?”
“มันไม่ได้หนักขนาดนั้นนะคะ หนูก็แค่ไม่ได้นอนคืนเดียวเท่านั้นเอง”กู้จื่อเฟยพูดเถียง
กู้หรงพูดขึ้นด้วยความโมโห”ไม่นอนคืนเดียวมันสมเหตุสมผลเหรอ? ลูกดูสิว่ามีใครที่ไม่ได้นอนแล้วขอบตาดำดูไม่ได้แบบลูก……”
กู้หรงยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆเสียงก็เงียบไป
เห็นเย้นโม่หลินที่เพิ่งจะเดินเข้ามายืนอยู่ตรงกันข้ามกับเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ในตอนนี้มีรอยขอบตาดำเหมือนกับของกู้จื่อเฟย
กู้หรงมุมปากกระตุกอย่างแรง เหมือนถูกตบหน้าอย่างเร็วเกินไปจนตอบสนองกลับมาไม่ทัน
“อุ๊บ”
กู้จื่อเฟยมือปิดปาก ขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ในแววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มดีใจ
เย้นโม่หลินมองเธอ คิดถึงจูบที่บางเบาจูบนั้นเมื่อคืนอย่างช่วยไม่ได้ จิตใจที่กว่าจะสงบนิ่งลง ก็เต้นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาจิตใจว้าวุ่น เม้มริมฝีปากบางๆ เดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร
นั่งลงที่ที่นั่งประจำที่เขานั่งอยู่ทุกวัน ตรงข้ามกับกู้จื่อเฟย
กู้หรงมองขอบตาดำทั้งซ้ายและขวา รู้สึกอึดอัดแล้วก็พูดไม่ออก หัวเราะเหอะๆพูดกับเย้นโม่หลิน
“คุณชายเย้นงานยุ่งมากเลยสินะ ลำบากจริงๆ กินเยอะๆหน่อยนะ”
เย้นโม่หลินพยักหน้าอย่างมีมารยาท น้ำเสียงไม่ต่ำไม่ช้า สง่างามสุดๆ”งานไม่ยุ่งหรอกครับ เรื่องส่วนตัวน่ะ”
คำพูดที่กระชับง่ายๆ แต่กลับทำให้กู้จื่อเฟยตกใจจนทำตะเกียบในมือตกลงบนโต๊ะ
ไม่มีใครรู้เรื่องส่วนนี้ดีไปกว่าเธอ
พอคิดถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แก้มของเธอก็แดงขึ้นมาทันที
กู้หรงมองปฏิกิริยาตอบสนอง การแสดงออกของกู้จื่อเฟยอย่างชัดเจน
ขอบตาดำที่เหมือนกันของทั้งสองคนนี้ ไหนจะเรื่องส่วนตัวอีก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็คลุมเครือไม่ชัดเจนอยู่แล้ว ทำให้กู้หรงคิดถึงอะไรขึ้นมา
เมื่อคืนพวกเขาคงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกใช่ไหม……
กู้หรงไม่อยากจะคิดต่อจริงๆ ในเวลานี้ ก็เห็นป่ายฉีที่เดินมาอย่างช้าๆ ใบหน้ายิ้มแย้ม สดชื่นร่าเริง
ท่าทางแบบนั้น มันดีมากๆ
เขาพูดยิ้มๆ”พวกคุณมากันหมดแล้วเหรอ? ผมนอนขี้เกียจอยู่เลย นอนสบายมากจริงๆ ขอโทษด้วยครับ ไม่ต้องรอผม เริ่มกินกันเลย”
กู้หรงพอเห็นว่าป่ายฉีนอนอย่างสบายจิตสบายใจราวกับสายลมในช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ก็รู้สึกปวดใจ
เขานี่ประมาทเกินไปแล้ว แฟนจะถูกแย่งไปแล้วแท้ๆ เมื่อคืนไม่รู้ว่าแฟนไปทำอะไรกับผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า แต่เขากลับยังนอนหลับลงได้อีก
กู้หรงรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ พูดกับป่ายฉีด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น
“ป่ายฉี นายหลับสนิทก็จริง แต่นายรู้ไหมว่าจื่อเฟยไม่ได้นอนทั้งคืน ที่หน้าขอบตายังดำอยู่เลย?”