สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 888 การลงมือของโห้หลีเฉิน
“จะเปิดประตู หรือจะให้เผาร่าง?”
เหล่าบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูตัวสั่นกลัวพร้อมกัน
เผชิญหน้ากับผู้ชายแบบนี้ เสมือนเผชิญหน้าอยู่กับเทพสังหาร ทำให้แม้แต่ความโกรธแค้นที่พวกเขาอยากช่วยคุณท่านรองแก้แค้นก็ไม่กล้าเอ่ยถึง
ก็สั่นกลัวแบบนี้อยู่พักหนึ่ง บอดี้การ์ดที่นำหน้าจึงตะโกนอย่างกล้าๆ ขึ้นมา
“จะปล่อยให้มันทำให้ท่านรองของเราอัปยศอดสูแบบนี้ไม่ได้ ลงมือ แย่งตัวท่านรองกลับมา”
“แย่งตัวท่านรองกลับมา!”
คำพูดนี้ เสมือนยาเสริมสร้างความแข็งแกร่งจิตใจ หรือก็คือคำสั่ง ทำให้เหล่าบอดี้การ์ดที่ตกตะลึงและหวาดกลัว ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
เนื่องจากพวกเขาต่างรู้ดี ถึงแม้ว่าจะกลัวผู้ชายข้างหน้ามากแค่ไหน พวกเขาต่างก็ไม่สามารถถอยกลับหลังได้ ปกป้องตระกูลฝู้ และรักษาศักดิ์ศรีของตระกูลฝู้เป็นหน้าที่ของพวกเขา
ครั้นแล้ว ภายใต้การนำของหัวหน้าบอดี้การ์ด คนกลุ่มหนึ่งจึงถือกระบอง มุ่งไปยังที่พวกโห้หลีเฉินอยู่กันแน่นขนัด
ตอนนี้ ข้างกายโห้หลีเฉินมีเพียงแค่เว่ยชี แล้วก็มีแค่บอดี้การ์ดไม่กี่คนเท่านั้น
เย้นหว่านนั่งอยู่ในรถ มองดูสถานการณ์ด้านนอกผ่านหน้าต่างรถ ถูนิ้วมือมาไปมาอย่างตึงเครียด
คนของโห้หลีเฉินน้อยขนาดนั้น ประจันหน้ากับบอดี้การ์ดที่เหี้ยมโหดพวกนั้น จะรับมือไหวหรือเปล่านะ?
คนเยอะแยะวุ่นวายไปหมด เขาจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่านะ?
นึกถึงวันนั้นเย้นโม่หลินชกต่อยไปหลายที ทักษะที่ปราดเปรียวและห้าวหาญนั่นย่อมสามารถบดทำลายบอดี้การ์ดพวกนี้ให้แตกละเอียดเป็นแน่ หากว่าเขาออกโรงก็วางใจได้หายหมดห่วง
แต่ว่า……
เย้นหว่านดูยังสุขสบายดีและพิงอยู่บนไหล่ของกู้จื่อเฟย เย้นโม่หลินที่ไม่มีท่าทีส่อให้เห็นว่าปลอดโปร่งแจ่มใส จู่ๆ ก็เหลือเพียงความผิดหวังในใจ
เย้นโม่หลินเมื่อคืนดื่มไปมากแค่ไหน เกรงว่ามากจนเมาหนักเป็นเวลาสามวันอย่างนั้น
“เสี่ยวหว่าน เธออย่ากังวลเลย โห้หลีเฉินของเธอน่ะ ไม่ใช่คนที่ถูกคนอื่นรังแกได้ง่ายๆ หรอกนะ”
ป่ายฉีอ่านความคิดของเย้นหว่านออก พลางหยอกล้อเธออย่างใคร่ครวญ
เย้นหว่านเป็นห่วงจนจิตใจว้าวุ่น
ส่วนเขากลับเป็นคนที่อยู่นอกสถานการณ์ มองดูอย่างทะลุปรุโปร่ง ทักษะของโห้หลีเฉิน คงไม่เพี้ยนไปกว่าเย้นโม่หลิน
คนพวกนั้นกล้าเข้าไป เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
แม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่ความต่างของจำนวนคน ทำให้จิตใจของเย้นหว่านอกสั่นขวัญแขวน คอยมองโห้หลีเฉินอย่างเป็นกังวล
กังวลว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บบ้างถูกชนบ้าง
จากนั้นเธอก็มองเห็น มุมปากของโห้หลีเฉินกระตุกยิ้มเย้ยหยัน นิ้วมือที่เห็นข้อต่อกระดูกชัดเจนกำลังเล่นไฟแช็กสีเงินอันหนึ่งอยู่ หมุนอยู่ในมือไปมา แสงไฟเดี๋ยวก็สว่างเดี๋ยวก็ดับ
ลักษณะท่าทีใคร่ครวญและไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั่น กลับทำให้ผิวหนังทั่วทั้งร่างกายของเหล่าบอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามาตึงแน่น
หัวหน้าบอดี้การ์ดตะโกนดังขึ้นอย่างเคร่งเครียด “นายคิดจะทำอะไร?!หยุดนะ!ถ้าหากนายกล้าเผาท่านรองพวกเรา พวกนายก็อย่าได้คิดจะได้ออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิต”
รอยยิ้มที่มุมปากของโห้หลีเฉินก็ยิ่งเย็นชาและเย้ยหยัน
มองตรงไปที่จิตใจพวกบอดี้การ์ดที่ลุกลี้ลุกลน
หัวหน้าบอดี้การ์ดตระหนักได้ถึงภัยอันตรายรุนแรง จึงรีบโต้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แผดเสียงพูดขึ้นเสียงดัง
“เร็วเข้า แย่งชิงร่างของท่านรองกลับมาโดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น”
โห้หลีเฉินมองกลุ่มคนที่โถมตัวเข้ามาอย่างเย็นชา นิ้วมือที่หมุนไฟแช็กทันใดนั้นก็ปล่อยออก……
ไฟแช็กที่จุดเป็นแสงไฟนั่น ก็ตกลงบนร่างของคุณท่านรอง ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของทุกคน
ส่วนร่างของเขาที่เห็นได้ชัดว่าผ่านการราดน้ำมันมาแล้ว เมื่อโดนไฟ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นไหม้อย่างรุนแรง
ไฟลุกไหม้เผาร่างภายในชั่วพริบตา
ถึงขนาดที่บอดี้การ์ดที่พุ่งมาด้านหน้าถูกไฟลวกผิวหนังโดยไม่ทันตั้งตัว
พวกเขาถอยหลังอย่างรีบร้อน ส่วนคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมดต่างหยุดชะงัก จ้องมองร่างที่ถูกเพลิงไฟเผาไหม้ภายในพริบตาอย่างเลื่อนลอย ในใจมีแต่ความสิ้นหวังอยู่ทั่วไปหมด
โหดเหี้ยมเหลือเกิน
กล้าเผาร่างที่ประตูทางเข้าตระกูลฝู้พวกเขา
พวกเขาไม่เคยพบเจอคนที่บ้าระห่ำอวดดีเช่นนี้มาก่อน แต่ละคนต่างไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้กลับอย่างไรดี
“เกิดอะไรขึ้น?!”
คราวนี้ น้ำเสียงที่รีบร้อนและเด็ดขาดดังออกมาจากในสวน
ในรถชมวิวที่ขับมา เจ้าสามฝู้กระโดดลงมาจากรถอย่างร้อนใจ รีบร้อนวิ่งมา
เขามองที่กองไฟนั่นอย่างเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่ถูกเผาอยู่ในนั้นคืออะไร
“ท่านสาม”
เหล่าบอดี้การ์ดเห็นคนที่ควบคุมงานมา สติสัมปชัญญะก็กลับมา รายงานด้วยความเจ็บปวดเคียดแค้น
“เป็นคนคนนี้ เขาจุดไฟเผาร่างท่านรอง! เผาร่างต่อหน้าต่อตาทุกคน!”
พอเจ้าสามฝู้ได้ยิน ก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกในทันที มองไปยังกองไฟลุกโชนที่กำลังเผาไหม้อยู่ไม่ไกลอย่างแทบไม่เชื่อสายตา
ข้างใน เป็นร่างของพี่รองเขาอย่างนั้นเหรอ?
“สมควรตาย!ไอ้สารเลว!”
เจ้าสามฝู้สบถคำด่าด้วยความโมโหถึงขีดสุด
ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ก็ลงจากรถชมวิว ใบหน้าต่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จนไม่สามารถยับยั้งได้
พวกเขาชี้ไปที่จมูกของโห้หลีเฉินพลางร้องตะโกน “แกรนหาที่ตาย!”
“ทุกคน ล้อมรอบพวกมันไว้ให้หมด ฉันต้องการให้พวกมันทั้งหมดตาย!พวกมันจะต้องชดใช้ให้พี่รองด้วยชีวิต!”
“เตรียมไฟกับน้ำมัน พวกมันกล้าเผาพี่รองฉัน ฉันก็จะเผาพวกมันทั้งเป็นถึงจะแก้ความแค้นได้!”
พี่ชายน้องชายทั้งสี่คนโกรธเป็นอย่างมาก ต่างตะโกนและออกคำสั่งด้วยความโกรธแค้น
พอบอดี้การ์ดที่ตามในสวนออกมาได้รับคำสั่ง ก็ฝ่าออกไปจากทั่วทุกสารทิศในทันที ในมือถืออาวุธไว้ รุมล้อมพวกโห้หลีเฉินเอาไว้
การต่อสู้ศึกนั้น มีจำนวนหลายร้อยคน ยืนอยู่ด้วยกันจนสามารถทำได้เป็นหลายแนวกำแพง
เย้นหว่านมองดูสถานการณ์นี้อยู่ในรถ จิตใจที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ก็ตึงออกเป็นเส้นในทันที
คนที่ตระกูลฝู้ก็ออกมากันหมด และยังมีบอดี้การ์ดมาอีกหลายคน!
มากกว่าวันนั้นที่ฝู้เหวยข่ายพามาเรื่องที่โรงแรมตั้งหลายเท่า
ส่วนคนที่โห้หลีเฉินพามานั้นน้อยกว่าอีก แม้ว่าทักษะเขาจะเก่งกาจ ก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะถอยออกมาโดยรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้
ใบหน้าเย้นหว่านเริ่มซีดเผือด รีบหันไปจับป่ายฉีโดยเร็ว พูดอย่างรีบร้อน
“ตรงที่นายแถวนี้มีคนอยู่ไหม?ระดมกำลังมาช่วยทันทีเลยจะได้ไหม?”
ป่ายฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางสถานการณ์ตอนนี้ อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขานิดหน่อย
ดูท่าท่านฝู้รองจะเป็นคนสำคัญมาก ชนะใจคน ถึงขนาดทำให้ตระกูลฝู้เต็มใจระดมกำลังบอดี้การ์ดทั้งหมดออกมาได้
จำนวนหลายร้อยคน ต้องรับมือขึ้นมาจริงๆ คงจะวุ่นวายนิดหน่อย
เขาใคร่ครวญเล็กน้อย แล้วพูด “ฉันขอดูหน่อย”
ป่ายฉีหยิบแท็บเล็ตที่ติดตัวออกมา เริ่มปฏิบัติการที่เย้นหว่านดูไม่รู้เรื่อง
แต่ว่าน่าจะกำลังระดมกำลังพล
เย้นหว่านมองไปยังโห้หลีเฉินอย่างตึงเครียดอีกครั้งหนึ่ง
ทว่าประจันหน้าคนมากมาย สีหน้าโห้หลีเฉินยังคงนิ่งเรียบ เพลิงไฟที่เผาลุกโชนอยู่ไม่ไกล ขับใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้ดูเปล่งประกายยิ่งขึ้น ดูอันตรายและเย็นชาเข้าไปอีก
เขากำลังมองดูคนพวกนี้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน มุมปากกระตุกรอยยิ้มด้วยความเหยียดหยาม
“ในเมื่อมาออกมากันแล้ว จะได้ลดความยุ่งยากให้ฉันเข้าไป”
ระหว่างที่พูด เขาหยิบกระบองอันหนึ่งออกมาจากที่ตัว ทั้งหมดเป็นสีดำ เหมือนกำลังเรืองแสงเย็น
ส่วนบรรยากาศรอบตัวเขา เย็นลงในชั่วพริบตา
อากาศหนาวเย็นจนทำให้คนหนาวสั่นและรู้สึกหวาดหวั่นตามจิตใต้สำนึก เสมือนได้เห็นชูร่าในสภาพความเป็นจริง
เว่ยชีสังเกตการเคลื่อนไหวของโห้หลีเฉิน อดไม่ได้ที่จะเกร็งร่างกาย หายใจหนักอึ้ง
คุณชายถึงกับจะลงมือด้วยตัวเอง
นี่คิดจะกำจัดตระกูลฝู้ให้สูญสิ้นเลยสินะ!
เขากังวลเล็กน้อยที่จะได้เห็นฉากนองเลือด และตื่นเต้นหื่นกระหายเลือดนิดหน่อย
ติดตามข้างกายคุณชายมาหลายปี จำนวนครั้งที่เขาลงมือน้อยจนนับนิ้วได้หมด แต่ทว่าในทุกครั้ง ไม่เคยพ่ายแพ้คู่ต่อสู้
อีกอย่าง อีกฝ่ายจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่น่าเวทนาอย่างแน่นอน
ตระกูลฝู้มีหลายร้อยคน ก็คงจะมีเพียงจุดจบเดียวเหมือนกัน……