สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 892 แข่งขันกันอย่างยุติธรรม?เหอะ
ไม่เกินสองวินาที เขาก็ถูกบอดี้การ์ดสูงใหญ่สองคนคุมตัวกดมาที่ตรงหน้าป่ายฉีอย่างไม่มีความสามารถในการต่อต้านเลยสักนิด
ฝู้เหวยข่ายทั้งกลัวและตกใจ เกร็งไปหมดทั้งตัวพร้อมพูดอย่างระวังตัว “แกจะทำอะไร?”
ป่ายฉีมองหน้าตาที่แข็งนอกอ่อนในของเขาอย่างขี้เล่น พร้อมพูดกวน “ฉันไม่สนใจนายหรอก คนที่จะจัดการนายคือเย้นโม่หลิน”
คนที่อยากสับฝู้เหวยข่ายให้เป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นมากที่สุด ก็มีแค่เย้นโม่หลินเท่านั้น
ทันใดนั้นร่างกายของฝู้เหวยข่ายยิ่งสั่นอย่างรุนแรง
ตอนแรก เขาเป็นศัตรูกับเย้นโม่หลินเพราะกู้จื่อเฟย สามารถบอกได้ว่าเป็นศัตรูหัวใจที่ตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้เขาเป็นเนื้อปลา เย้นโม่หลินเป็นมีดและเขียง เขาตายแน่ๆ
ฝู้เหวยข่ายลนลานจะแย่อยู่แล้ว กลอกตาไปมามั่วซั่ว จู่ๆนึกอะไรได้ ก็ได้เห่าหอนขึ้นมา
“เย้นโม่หลินมีปัญญาแค่นี้เหรอ?อาศัยพวกแกมาจับฉัน แล้วถึงมาจัดการฉันโดยที่ไม่ต้องลงแรง แต่ตัวเขาเป็นเต่าหัวหดที่คอยหลบอยู่ข้างหลังโห้หลีเฉินก็แล้วไป แม้แต่ตระกูลฝู้ก็ไม่กล้ามา พูดเคลียร์แล้วก็เป็นแค่ไอ้ขี้ขลาดตาขาวเฉยๆ !ตกอยู่ในมือของคนแบบนี้ ฉันไม่ยอมหรอก”
ป่ายฉีฟังแล้วได้ยักคิ้วอย่างกวนๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนอื่นว่าเย้นโม่หลินแบบนี้
ไอ้คนขี้ขลาดตาขาว?ไม่นึกเลยว่าคำแบบนี้ก็สามารถใช้กับเย้นโม่หลินด้วย
น่าสนุกจังเลย
ระหว่างที่คิด เขากำลังคิดว่าจะให้ฝู้เหวยข่ายด่าอีกรอบหรือเปล่า เดี๋ยวถ่ายไปให้เย้นโม่หลินดู ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นในเวลานี้พอดี
ตามด้วยขาเรียวยาวข้างหนึ่งก้าวลงมาจากรถ
คือเย้นโม่หลินพอดีเลย
สีหน้าเขาค่อนข้างซีดผิดปกติ ดูไม่ค่อยดีเลย แต่สายตากลับเฉียบคมเหมือนหนาม ทั้งเนื้อทั้งตัวมีความเหี้ยมโหดที่ทำให้คนสะพรึงกลัว
เขาเม้มริมฝีปากบางไว้ พร้อมเดินมาหาฝู้เหวยข่ายทีละก้าวๆ
ฝู้เหวยข่ายถึงตายก็คิดไม่ถึงว่าเย้นโม่หลินจะอยู่ในรถตลอด
ดันยังลงจากรถในขณะที่เขากำลังด่าเขาอยู่
เขาคงได้ยินที่เขาด่าหมดแล้วมั้ง?
ฝู้เหวยข่ายแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด เขาแค่อยากด่าเพื่อยุยงและหาเส้นทางรอดชีวิตให้ตัวเองเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะซวยขนาดนี้ ได้เจอกับของอันตรายเข้า
เดิมทีเย้นโม่หลินก็ไม่พอใจในตัวเขาอยู่แล้ว ตอนนี้มาเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอีก เกรงว่ายิ่งไม่มีทางปล่อยเขาไปแล้ว
“เย้น เย้นโม่หลิน นาย นายอยู่นี่ได้ยังไง?นายอย่าเข้ามานะ นายจะทำอะไร?”
ฝู้เหวยข่ายตัวเกร็งไว้ อยากหลบไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ แต่บอดี้การ์ดที่ควบคุมตัวเขาไว้เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมให้โอกาสนี้กับเขา
เขามองเย้นโม่หลินที่ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้เขา
ความเหี้ยมโหดที่ทำให้คนสะพรึงกลัวนั้นยังปะปนด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ทำให้หนังศีรษะคนชาตามไปด้วย
“ไว้ชีวิตนายจนถึงตอนนี้ ก็เป็นความอดทนขีดสุดของฉันแล้ว”
แต่ละถ้อยคำของเย้นโม่หลิน เย็นชาสุดขีด
จู่ๆเขาก็ได้ถีบไปที่หัวเข่าของฝู้เหวยข่าย ทันใดนั้นมีเสียงกระดูกหักที่ชัดแจ๋วก้องมา
ทันใดนั้นฝู้เหวยข่ายได้ร้องโหยหวน และคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างควบคุมไม่ได้
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาได้ซีดเหมือนผีทันที หน้าผากมีเหงื่อไหลลงมาเป็นเม็ดใหญ่ๆ สีหน้าเจ็บจนแทบจะบิดเบี้ยว
“อ๊า!อ๊า!”
กระดูกหัวเข่าของเขาหักไปแล้ว
เย้นโม่หลินลงมือโหดเกิน ช่างโหดจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่แท้จริง ตกอยู่ในมือเย้นโม่หลิน อาจจะถูกเขาเล่นงานจนจบเห่ได้
ฝู้เหวยข่ายทนความเจ็บปวดไว้ พร้อมพูดอย่างลนลาน “เย้นโม่หลิน ใช่ ฉันได้ขัดใจนาย แย่งกู้จื่อเฟยกับนาย แต่นี่เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมระหว่างผู้ชาย นายแก้แค้นฉันแบบนี้ ไม่รู้สึกว่ามันไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเกินไปหน่อยเหรอ?”
เย้นโม่หลินมองผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตัวเองจากที่สูงลงที่ต่ำ แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“แข่งขันกันอย่างยุติธรรม?เหอะ”
เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “ในใจคิดจะโค่นล้มตระกูลโห้ แล้วค่อยโค่นล้มตระกูลกู้ และยึดครองกู้จื่อเฟย คนอย่างนายยังมีหน้ามาคุยเรื่องลูกผู้ชายกับฉัน?”
เย้นโม่หลินกระทืบไปที่บนตัวฝู้เหวยข่ายอย่างโหดทีหนึ่ง ทันใดนั้นร่างกายของฝู้เหวยข่ายได้ล้มไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้
พวกบอดี้การ์ดได้ปล่อยเขาทันที พริบตาเดียวเขาก็ได้ล้มลงบนพื้น ทรวงอกเจ็บสุดขีดเหมือนบุ๋มลงไปยังไงอย่างงั้น ริมฝีปากก็ได้กระอักเลือดออกมา
เขาเจ็บจนแทบจะขาดใจ รู้สึกว่าตัวเองแทบจะถูกเย้นโม่หลินกระทืบจนตายแล้ว
แต่แล้ว ยังไม่รอให้เขาได้บรรเทากลับมาจากความเจ็บปวด ก็ตกใจที่เห็นเย้นโม่หลินเดินมาอีก สีหน้าของเย้นโม่หลินเย็นชาจนเหมือนยมบาล
“อีกอย่าง ถ้าใครกล้าคิดล่วงเกินผู้หญิงของฉัน ล้วนต้องเจอจุดจบแบบนี้”
คำพูดที่หนาวเหน็บ ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะสามารถพูดได้
ตามด้วยเขาเหยียบลงไปอย่างแรงทีหนึ่ง
เหมือนได้ยินเสียงเต๊าะไข่แตกโดยไม่รู้ตัว
“อ๊า!!!”
ทันใดนั้นฝู้เหวยข่ายอ้าปาก เสียงร้องโหยหวนแทบจะร้องจนปากฉีกปากแห้ง
เขาเจ็บจนตาเหลือกโดยตรง กำลังอยู่ระหว่างเส้นแบ่งเขตความสะลึมสะลือกับความตื่นตัวและในความเจ็บปวด ในสมองที่ชักกระตุกก็ตระหนักได้ถึงเรื่องจริงที่ไม่อาจรับได้อย่างสิ้นหวัง
เขาถูกทำให้เป็นพิการไปแล้ว
ถูกเย้นโม่หลินทำลายสิทธิ์ของความเป็นผู้ชาย!
ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่าเขาจะถูกทำให้เป็นพิการไปแล้ว!
นี่สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว โหดร้ายยิ่งกว่าฆ่าเขาเสียอีก
“เย้นโม่หลิน กูจะฆ่ามึง อ๊า กูจะฆ่ามึง”
ฝู้เหวยข่ายคอยแหกปากร้องโหยหวน เจ็บถึงขีดสุด และคอยขัดขืนด้วยมือที่สั่นเทา พร้อมพยายามที่จะไปจับชายกางเกงของเย้นโม่หลินไว้
เย้นโม่หลินจ้องมองเขาอย่างเย็นชา รองเท้าหนังเงาวับได้หมุนตามเข็มนาฬิกา
“อ๊า!”
ฝู้เหวยข่ายเจ็บจนชักกระตุกอีกครั้ง
มองดูฝู้เหวยข่ายที่ได้สูญเสียไปครึ่งชีวิตแล้ว ความโกรธของเย้นโม่หลินถึงได้จางหายไปบ้าง เขาดึงขากลับพร้อมทั้งสั่งการอย่างเย็นชา “โยนมันไปยังเขตภูเขาที่ยากจนที่สุด ทั้งชีวิตนี้ก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
ป่ายฉีพยักหน้าอย่างกวนๆ ทีนี้ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่แล้ว พร้อมทั้งถามด้วยรอยยิ้ม “ลูกพี่ จะให้สวัสดิการคนในท้องถิ่นหน่อยมั้ย ให้พวกเขาดูแลบั้นปลายชีวิตของฝู้เหวยข่ายดีๆ?”
แววตาของเย้นโม่หลินเย็นชา “นายว่าล่ะ?”
นี่คือเรื่องพื้นฐานที่สุด
ทันใดนั้นป่ายฉีได้มองฝู้เหวยข่ายด้วยความเห็นใจ ใจช่างกล้าจริงๆ กล้าเป็นศัตรูหัวใจกับเย้นโม่หลิน ทีนี้ก็เจอภัยพิบัติแล้ว
กลายเป็นคนพิการไม่พอ บั้นปลายชีวิตสามารถบอกได้ว่าย่ำแย่สุดๆ ตายไปดีกว่ามีชีวิตอยู่ต่อเสียอีก
นี่เจ็บปวดยิ่งกว่าฆ่าเขาเป็นร้อยเท่า
“รีบเอามันไปเร็ว ให้มันได้เพลิดเพลินกับอนาคตที่สวยงามของเขตภูเขาหน่อย”
ป่ายฉีเรียกคนอย่างมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น
แม้ฝู้เหวยข่ายจะเจ็บ แต่ก็ได้ยินคำพูดของพวกเขาหมด ตรงหน้ามืดลงมาทันที เหนือศีรษะมีก้อนเมฆดำที่น่ากลัวที่ไม่กระจายออก
เขาไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำว่าต่อไปตัวเองจะมีชีวิตยังไง มีอนาคตยังไง
เขาถูกบอดี้การ์ดลากขึ้นมา ทันใดนั้นได้ขัดขืนด้วยความตื่นเต้นทันที พร้อมตะโกนเสียงดัง “ปล่อยกู กูไม่ไป กูไม่ไป!เย้นโม่หลิน กูจะฆ่ามึง ขอแค่กูยังมีชีวิตอยู่ กูก็จะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อฆ่ามึง ฆ่ามึง!”
ฝู้เหวยข่ายตะโกนจนแทบจะขาดใจ คับแค้นใจ แต่ไม่กระทบกับการที่เขาถูกลากไปอย่างกับหมาตายเลยสักนิด
เสียงด่าทอของเขาก็ยิ่งอยู่ยิ่งไกล
เนื่องจากเย้นโม่หลินลงจากรถแล้วไม่ได้ปิดประตูรถ เย้นหว่านนั่งอยู่ในรถ ไม่เพียงเห็นสถานการณ์ของข้างล่าง ยังได้ยินคำพูดของพวกเขาด้วย
เห็นฝู้เหวยข่ายถูกลากตัวไป เธอถึงเปิดประตูลงจากรถ