สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 903 ฉันจะทุ่มสุดตัว
“เธอรับปากแม่ฉัน เตรียมตัวจะแต่งงานกับฉันแล้วใช่หรือเปล่า?”
เมื่อเห็นเย้นโม่หลินมีท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง เธอก็ต้องพยักหน้าเพื่อยืนยันซึ่งทำให้เธอหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ก็เป็นเสียอย่างนี้ ทุกอย่างเป็นตามกฎเกณฑ์ แม้แต่ความรู้สึกและการแต่งงานของเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น
ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งอยากจะแกล้งเขา
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินด้วยรอยยิ้มและพูดเบาๆ
“ตอนนี้พี่รู้จะต้องรักฉันดีๆ แล้วใช่ไหม?”
เย้นโม่หลินสำลัก “…”
ปัญหานี้เกินความควบคุม ตอนนี้เขายังไม่ค่อยจะเข้าใจจริงๆ
ดวงตาของกู้จื่อเฟยส่องประกายด้วยรอยยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก และเธอก็ก้าวไปข้างหน้าให้ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองใกล้มากขึ้น
เธอเงยหน้าจนปลายจมูกของเธอเกือบจะแตะกับของเย้นโม่หลิน
ร่างสูงของเย้นโม่หลินแข็งทื่อและโคนหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่สมัครใจ
เขาคิดจะก้าวถอยหลังอย่างไม่ทันรู้ตัว กู้จื่อเฟยกลับพูดขึ้นเบาๆ
“ฉันสอนพี่ได้นะ”
เย้นโม่หลินที่กำลังจะก้าวถอยหลังหยุดชะงักในทันที
คนที่เขาต้องการจะปราบคือกู้จื่อเฟย หากคำพูดของเธอมันเชื่อถือได้มากกว่าสิ่งที่เขามองหา และน่าเชื่อถือกว่าที่ป่ายฉีพูด…
เย้นโม่หลินเงียบลงครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงขรึม “ว่ามาสิ”
กู้จื่อเฟยมองดูปฏิกิริยาของเย้นโม่หลินในดวงตาของเขา ดวงตาที่กะพริบราวดวงดาวบนฟ้าและรอยยิ้มที่มุมปากของเขาที่อยู่สูงขึ้นเรื่อยๆ
พี่เย้นของเธอทำไมถึงได้ใสซื่อแบบนี้?
ด้วยอารมณ์ที่มีความสุขมากกู้จื่อเฟยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเปิดวิดีโอที่บันทึกไว้โดยพูดอย่างจริงใจ
“คุณลองทำแบบนี้ประจำ”
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงคลิกที่ปุ่มเล่น และภาพเคลื่อนไหวก็เล่นบนหน้าจอโทรศัพท์ทันที
ควบคู่ไปกับเสียงออดอ้อนของชายคนหนึ่ง
[ฉันอยากกอดเธอ กู้จื่อเฟย ให้ฉันกอดเธอ]
เย้นโม่หลินมองไปที่ “ตัวเอง” บนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ ได้ยินเสียงที่ไม่รู้จักอับอาย เขาก็มีท่าทางแย่ในทันที
ให้ตายสิ นี่เขาเหรอ? !
ผู้ชายที่ทำตัวติดกับกู้จื่อเฟยเหมือนคนไร้กระดูกคนนั้น อีกทั้งยังถูไปมาอย่างหน้าไม่อายและเอาแต่พูดจาพึมพำไม่รู้เรื่อง คือเขา?
เป็นเขาได้ยังไงกัน?
เย้นโม่หลินมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและหน้าแดง และเขาแทบรอไม่ไหวที่จะลากชายคนนั้นออกจากวิดีโอและบีบคอเขาให้ตาย จากนั้นก็ทำลายบันทึกวิดีโอและทั้งหมดนี่ไปเสีย
เขา “ทำ” อย่างนั้นในทันที ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ และคลิกอย่างรวดเร็วเพื่อลบวิดีโอ
กู้จื่อเฟยชอบวิดีโอนี้มาก ไหนเลยจะยอมให้มันถูกลบ และเธอก็รีบพูดว่า
“อย่าลบนะ”
เย้นโม่หลินที่กำลังจะคลิกเพื่อลบหยุดนิ่ง เขาขมวดคิ้ว ท่าทางของเขายุ่งเหยิงมาก
มองดูกู้จื่อเฟยที่ไม่สบายใจเป็นที่สุด
เขาเมาและดูเหมือนจะมีสติอยู่เพียงเล็กน้อย เขาอาจรู้ว่าตัวเขาดูเหมือนจะทำอะไรที่ดูไม่น่าเชื่อเวลาที่เขาเมา แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะดูต่อ
ทำไมถึงได้น่าอายแบบนี้นะ? !
กู้จื่อเฟยบอกให้เขาทำแบบนี้บ่อยๆ มันจะต้องเป็นถ้อยคำเสียดสีที่น่าอาย
เย้นโม่หลินน้ำเสียงเคร่งขรึมและพูดเสียงแข็ง
“ฉันทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้น อย่าเก็บไว้เลย ลบเถอะ”
หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็พูดอีกครั้งเหมือนคำสาบาน “ฉันรับรองว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำสองอีก…”
“อย่านะ!”
กู้จื่อเฟยกลัวว่าเขาจะลบมันจริงๆ จึงรีบกุมมือเขาแล้วพูดด้วยความจริงๆ
“ไม่น่าเกลียด ฉันชอบให้พี่ทำแบบนี้มากเลย”
เย้นโม่หลินอึ้งไป
กู้จื่อเฟยพูดต่อ “จริงๆ นะพี่เย้น ถ้าพี่ทำแบบนี้บ่อยๆ พวกเราจะต้องรักกันอย่างรวดเร็วแน่ๆ”
เย้นโม่หลิน “…”
ทำแบบนี้? เขามองไปที่ภาพที่หยุดชั่วคราวบนหน้าจอโทรศัพท์ และหัวของเขาพิงไหล่ของกู้จื่อเฟยอยู่
เห็นชัดๆ ว่าเขาเป็นชายร่างสูง แต่เขาทำตัวเหมือนนก และเขาทนดูมันตรงๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ กู้จื่อเฟยเกิดบอกว่าชอบ?
เขามองเธออย่างว่างเปล่า และในดวงตาที่ส่องแสงระยิบระยับของดวงดาวนั้น สิ่งที่เขาเห็นล้วนเต็มไปด้วยความคาดหวังและความจริงใจ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะชอบมันจริงๆ…แบบนี้?
งั้นเขา…จะต้องทำยังไง?
ลำพังแค่คิด เย้นโม่หลินก็ขนลุก มันน่ารำคาญเกินไป
เขากระแทกโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในมือของกู้จื่อเฟยและทำท่าเหมือนกับกำลังยุ่งมากและหนีออกไป
กู้จื่อเฟยยืนอยู่ตรงนั้น มองตามทางที่เย้นโม่หลินหนีออกไปและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
น่ารักมาก
พี่เย้นของเธอทั้งน่ารักทั้งน่าแกล้ง เธอรักเขาจนจะบ้าอยู่แล้ว
โต๊ะพักผ่อนตระกูลหยู
ป่ายฉีอยู่บ้านตระกูลหยูก็ไม่มีอะไรทำ จึงคิดจะไปหาเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ที่บาร์ เมื่อเขาเดินไปถึงกลับพบว่ามีคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ในนั้นอย่างไม่คาดคิด
ถ้าไม่ใช่พี่ใหญ่ของบ้านแล้วจะเป็นใคร?
ป่ายฉีสงสัยว่า ณ จุดนี้เย้นโม่หลินไม่ได้อยู่กับกู้จื่อเฟยหรอกเหรอ แล้วเขาจะทำอะไรที่นี่?
เขาเดินเข้าไปด้วยความสงสัยก็เหมือนเย้นโม่หลินถือแก้วไวน์แดงอยู่ในมือ มองมันด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและซับซ้อน และเขย่าแก้วไปมา
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยซึ่งเป็นสภาวะปกติของเมื่อพบเจอกับเรื่องยากลำบาก
ป่ายฉีตื่นเต้นขึ้นทันใดและการหายใจของเขาก็ช้าลงเล็กน้อย
ติดตามเย้นโม่หลินมายี่สิบกว่าปี เขาเป็นคนที่เข้าใจเย้นโม่หลินที่สุด บนโลกนี้มีเรื่องเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำให้เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดได้แบบนี้
และทุกเรื่องก็เป็นเรื่องใหญ่ แถมยังเป็นเรื่องยุ่งยากที่ทำให้คนอยากตายอีกด้วย
หรือว่าตอนนี้จะมีเรื่องใหญ่อะไรอีก?
ป่ายฉีเดินไปข้างเย้นโม่หลินอย่างว่องไวเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ ลดเสียงลงแล้วถาม
“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
เย้นโม่หลินหันไปมองป่ายฉีและหันกลับไปจ้องมองแก้วไวน์
รัศมีที่ตึงเครียดปกคลุมไปทั่วร่างกาย
ในใจของป่ายฉียิ่งกระวนกระวาย สถานการณ์แบบนี้ ดูแล้วเหมือนจะคับขันมากกว่าปกติ เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกันแน่นะ?
“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ? หลายปีมานี้เราพี่น้องต่างก็ผ่านเรื่องต่างๆ เป็นตายมาด้วยกันมากมายนับไม่ถ้วน พี่บอกผมเถอะ ผมจะอยู่เคียงข้างพี่”
เย้นโม่หลินหยุดเขย่าแก้วไวน์ แล้วหันไปมองป่ายฉี
เขาหันไปมองป่ายฉีอย่างพินิจพิเคราะห์
ของมองดูป่ายฉีที่กล้าหาญแล้วจึงเปิดปากพูดช้าๆ
“นายทำได้เหรอ?”
ป่ายฉีเริ่มไม่พอใจทันที ตบหน้าอกเพื่อให้แน่ใจ
“พี่ยังไม่มั่นใจในความสามารถของผมอีกเหรอ?มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้าง?”
ความรู้ช่วยรักษาคน พละกำลังสามารถฆ่าคนได้
หลังจากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับเย้นโม่หลินมาเป็นเวลาหลายปี ความสามารถของเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างยาวนานในระดับสูงสุดของโลก แม้แต่ทหารรับจ้างบ้าดีเดือดก็ไม่อาจจะเอาชนะเขาได้
แต่เมื่อเห็นเย้นโม่หลินสงสัยในความสามารถของเขาแล้ว ป่ายฉีก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย
เรื่องครั้งนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก
ถึงขนาดแม้แต่ฝีมืออย่างเขาก็ยังอาจจะเอาไม่อยู่
“พี่ใหญ่ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหน ผมก็จะอยู่เคียงข้างพี่และช่วยพี่ถึงที่สุด พี่บอกผมเถอะ ผมจะพยายามสุดความสามารถ”