สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 923 วางแผน
ป่ายฉีเนื้อตัวมีแต่เลือด ไม่รู้ว่าเป็นของตัวเขาเองหรือของใคร
เขาดูเย็นชามาก ราวกับยมบาลคืบคลานออกมาจากขุมนรก ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยไอโหดเหี้ยมน่าขนลุก
เวลานี้ เขากำลังปกป้องกู้จื่อเฟย พาเธอแหวกวงล้อมบอดี้การ์ด บุกเข้าไปหาเย้นโม่หลิน
เพิ่งเข้าใกล้เล็กน้อย กู้จื่อเฟยก็รีบออกจากการประคับประคองของป่ายฉีทันที กระโจนเข้าหาเย้นโม่หลิน
“พี่เย้น ฮึกฮือ”
เย้นโม่หลินอ้าแขนแทบจะอัตโนมัติ กอดกู้จื่อเฟยไว้ในอ้อมแขน
แขนของเขาแข็งแกร่ง พูดเสียงทรงพลังต่ำลึก
“เธอ เธอบาดเจ็บเหรอ”
เทียบกับก่อนหน้านี้ที่เขาถูกตามล่า และถูกล้อมไว้ แววตาของเย้นโม่หลินในตอนนี้น่ากลัวกว่ามาก
เขามองเลือดที่เต็มตัวกู้จื่อเฟย ความโกรธเดือดพล่านสุมอก ต้องการอย่างรุนแรงที่จะฆ่าทุกคนที่ทำร้ายเธอ
กู้จื่อเฟยกอดเย้นโม่หลินแน่น แขนสั่นเล็กน้อย เธอกลัวแทบตายจริงๆ
ตลอดทาง ทุกคนล้วนต้องการฆ่าเธอ ถ้าไม่ใช่ป่ายฉีคอยคุ้มกัน ตอนนี้เธอคงตายไปตั้งนานแล้ว
เธอวิ่งมาพร้อมกับเป็นห่วงสถานการณ์ของเย้นโม่หลิน
ระหว่างทางได้ยินป่ายฉีบอกว่า เป้าหมายหลักในการลอบโจมตีครั้งนี้คือเย้นโม่หลิน พวกเขาทุกคนล้วนถูกกันออกไปให้พ้นทาง
ดังนั้นป่ายฉีจึงสามารถจัดการและช่วยเธอออกมาได้
แต่เย้นโม่หลินเป็นคนที่ถูกมุ่มเป้าโจมตี กู้จื่อเฟยจึงเป็นห่วงแทบคลั่งตายมาตลอดทาง กลัวว่าเธอจะสายเกินไป เมื่อมาถึงเย้นโม่หลินจะเกิดเรื่องไปแล้ว
แต่โชคดี โชคดีที่เธอตามมาทัน
เย้นโม่หลินในตอนนี้เสื้อผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย บนตัวเขามีเลือดบางส่วน แต่สภาพยังโอเค
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินทั้งน้ำตา เสียงพูดหนักแน่นกว่าปกติ
“พี่เย้น ฉันกับป่ายฉีมาแล้ว พวกเราจะต่อสู้เคียงข้างคุณ!”
สีหน้าของเธอจริงจังมาก ใบหน้าเล็กแสดงออกถึงความกล้าหาญ
เย้นโม่หลินยิ่งขมวดคิ้วแน่น มองตรงไปที่กู้จื่อเฟย ถามเสียงหนักอีกครั้ง
“บาดเจ็บตรงไหน”
กู้จื่อเฟยอึ้งไปเล็กน้อย เขาถามคำถามนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
เธอเห็นความเป็นห่วงในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นหัวใจก็อบอุ่นและมีความสุข กู้จื่อเฟยเงยหน้าขึ้นจูบบนใบหน้าของเย้นโม่หลิน
“บาดแผลเล็กน้อย พวกนี้เป็นเลือดของคนอื่นทั้งนั้นค่ะ”
กู้จื่อเฟยยิ้มเหมือนจิ้งจอกน้อยที่ขโมยของสำเร็จ “พี่เย้น คุณเป็นห่วงฉันขนาดนี้ ทำให้ฉันรู้สึกถึงความรักของคุณเต็มเปี่ยมเลยนะคะ”
รัก?
เย้นโม่หลินเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต จิตใจสั่นไหวประหลาดขึ้นมาฉับพลันอย่างที่ไม่เคยเป็น
เธอรู้สึกถึงความรักงั้นเหรอ
หรือว่าเขาจะตกหลุมรักกู้จื่อเฟยเสียแล้ว
“บัดซบ! พวกคุณนี่แม่งจริงๆ เลย ไม่ต้องเป็นห่วงกันมากนักหรอก คนที่บาดเจ็บจริงๆ น่ะคือผมไม่มีใครเป็นห่วงหน่อยเหรอ”
ป่ายฉีเดินกระเผลกเข้ามา ดึงขากางเกงตัวเองขึ้น บนน่องมีบาดแผลรุนแรงที่ได้รับมาระหว่างทาง
กู้จื่อเฟยเห็นแล้วสูดลมหายใจเย็นทันที
ระหว่างทางป่ายฉีปกป้องเธออย่างแข็งแกร่ง ฝีมือของเขานั้นดีเยี่ยม มีคนเข้ามาทีก็โจมตีกระเด็นไปที น้อยคนที่จะสามารถเข้าถึงตัวได้
เลือดบนตัวเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นของคนอื่น
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า บนขาของเขากลับมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าได้มาเมื่อไร
เธอไม่รู้เลย
“กลายเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวไปตั้งแต่เมื่อไร บาดเจ็บแค่นี้ก็งอแงแล้วเหรอ”
เย้นโม่หลินดุอย่างเย็นชา ระหว่างที่พูดก็โยนขวดใบหนึ่งให้ป่ายฉีด้วย
ป่ายฉียกมือรับ มันเป็นยาห้ามเลือดฉุกเฉิน
เขายิ้มอย่างพอใจ เย้นโม่หลินกับเขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี เพียงแวบเดียวก็มองออก เขารีบออกมา จึงไม่ได้เอายาติดตัวมาด้วย
ทันทีที่เขาบ่น เย้นโม่หลินก็โยนยาให้เขา
แต่นี่ไม่ใช่ปากร้ายใจดี เย้นโม่หลินแค่รังเกียจที่เขาทำตัวงอแงอารมณ์อ่อนไหวก็เท่านั้น
แต่ตัวป่ายฉีไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาแค่ตั้งใจจะรีบออกมาหาเย้นโม่หลินโดยเร็วเท่านั้น
“ไม่ต้องใช้ยาหรอก ใช้ไปยังไง เดี๋ยวก็มีแผลสดรอเปิดเพิ่มอีกอยู่ดี ไม่สู้ตายด้วยกันไปเลยดีกว่า”
กลุ่มบอดี้การ์ดกระจายแหวกทาง ท่านอาวุโสสี่กับท่านอาวุโสห้าเดินเข้ามา
พวกเขามองเย้นโม่หลินกับป่ายฉีอย่างเย็นชา สายตาเย็นชาราวกับมองคนใกล้ตาย
“ในเมื่อพวกคุณทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว ตอนแรกจะจัดการเป็นรายบุคคล ตอนนี้ก็ด้วยกันทีเดียวไปเลยแล้วกัน”
“หึ ก็แล้วแต่คุณ มาดูกันว่าใครจะจัดการใคร”
ป่ายฉีหัวเราะเย็นชา สายตามีแต่การดูถูก
เขาย่อตัวลงทันที แล้วเปิดขวดทายาน้ำบนแผลที่ขา
กล้ามเนื้อของร่างกายทั้งหมดยังตึง พร้อมฆ่าคนได้ตลอดเวลา
สงครามครั้งใหญ่ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ตราบใดที่เขายังอยู่กับเย้นโม่หลิน เคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ ไม่มีอะไรต้องกลัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมรู้ว่าพวกคุณจะเก่งกาจ คุณชายเย้นกับป่ายฉีฝีมือยอดเยี่ยม ฆ่าคนได้ในพริบตา”
ท่านอาวุโสสี่พูดด้วยรอยยิ้มเพียงผิวเผิน สายตาเยือกเย็นไปตกที่ตัวกู้จื่อเฟย
“ถึงแม้พวกคุณจะมีสองคนแล้วพวกเรามีกันเป็นกลุ่มใหญ่ ความจริงพวกเราก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะสามารถจัดการได้ แต่เรามีเธอ”
กู้จื่อเฟยเผชิญกับดวงตาท่านอาวุโสสี่ เหมือนถูกงูพิษจับจ้อง หนาวยะเยือกไปทั่วร่าง
เธออดกลั้นความหวาดกลัวที่พุ่งขึ้นในจิตใจ แล้วพูดเสียงดังว่า
“อย่าคิดว่าจะรังแกฉันได้ง่ายๆ นะ ฉันเรียนเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก ความสามารถในการป้องกันตัวเองยังคงมีอยู่! คิดจะให้ฉันเป็นตัวภาระของพี่เย้นเหรอ เพ้อเจ้อ!”
พูดอย่างนั้นแล้วกู้จื่อเฟยก็ดึงมีดสั้นในตัวออกมา แล้วทำท่าว่าจะโจมตีอย่างโหดเหี้ยม
เธอจะไม่เป็นภาระของเย้นโม่หลิน และจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเย้นโม่หลิน
เย้นโม่หลินมองร่างที่เล็กบอบบางของกู้จื่อเฟย แต่กลับหลังตรงยืนหยัด ก็รู้สึกชื่นชมเธอขึ้นมาอีกหลายส่วน
เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างสูงใหญ่ไปยืนอยู่ข้างหน้าเธอเล็กน้อย เป็นการแสดงออกว่าปกป้องเธอ
เขาพูดเสียงเบา “มีฉันอยู่ เธอจะไม่เป็นอะไร”
เขาจะปกป้องเธอเอง
แม้จะมีกองกำลังเป็นหมื่นพัน ก็จะไม่ทำให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บ
เมื่อท่านอาวุโสห้าเห็นสิ่งนี้ ก็หัวเราะเยาะดังลั่นขึ้นมา
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกคุณยังกล้าหาญอย่างนี้ ผมชื่นชมจริงๆ แต่กู้จื่อเฟยน่ะเกรงว่าจะไม่มีทางได้ป้องกันตัวเอง และคุณก็ปกป้องเธอไม่ได้ด้วย”
ท่านอาวุโสห้าพูดอย่างนั้นแล้วยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา “อืม เวลาใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว”
เวลาอะไร
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วทันที
กู้จื่อเฟยนึกสงสัยในใจ ยังไม่ทันได้คิดให้เข้าใจ ทันใดนั้นที่ท้องก็บังเกิดคลื่นแห่งความเจ็บปวดถาโถม เธอหน้าซีดฉับพลัน หน้าผากชื้นเหงื่อ
กู้จื่อเฟยกุมท้อง “ปวด…”
เย้นโม่หลินรีบประคองเธอ “เป็นอะไรไป”
เขาพูดกับป่ายฉีในพริบตา “ป่ายฉี รีบมาดูกู้จื่อเฟยให้หน่อยเร็ว”
“ไม่ต้องดูหรอก เมื่อเช้าใส่สารลงในอาหารให้เธอไป ไม่ถึงตาย แต่ก็ไม่ได้สบาย”
ท่านอาวุโสห้าหัวเราะอย่างมีชัย ดวงตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ถ้ากู่จื่อเฟยปกติ ก็สามารถวิ่งตามไปได้ อย่างน้อยก็สามารถลดภาระการปกป้องของพวกเย้นโม่หลินให้เบาลง
ถ้าเย้นโม่หลินต้องปกป้องเธอ ก็ยิ่งต้องแบกรับภาระนี้
ในสถานการณ์แบบนี้ การพยายามจะหนีจากวงล้อม มันกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้