สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 924 เธอจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
“ต่ำช้า!”
กู้จื่อเฟยกัดฟันเปล่งถ้อยคำออกมาอย่างยากลำบาก
อาหารเมื่อเช้ามันไม่มีอะไรผิดแปลก เธอจึงไม่ได้รับมือกับกลอุบายนี้
ความเจ็บปวดในท้องที่ท่วมท้น แทบจะสูบพลังทั้งหมดของเธอ กู้จื่อเฟยรู้สึกไม่สบายจนอยากจะเป็นลมไปเดี๋ยวนี้
แต่เธอกัดฟันแน่น ไม่กล้าหลับตา
เธอกำแขนของเย้นโม่หลินแน่น ทั้งที่ยากลำบาก แต่กลับพูดอย่างหนักแน่นว่า
“ไม่ต้องห่วงฉันค่ะ ฉันไม่เป็นไร คุณกับป่ายฉีฝีมือเก่งกาจ รีบแหวกวงล้อมออกไปจากที่นี่เถอะ”
เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดอีกว่า “พี่เย้น ออกไปตามคน แล้วค่อยกลับมาช่วยฉัน”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วหนัก
ค่อยกลับมาช่วยเธองั้นเหรอ
ด้วยระดับความโหดร้ายทารุณในตอนนี้ของตระกูลหยู ตราบใดที่กู้จื่อเฟยตกอยู่ในมือของพวกเขาเพียงลำพัง ก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น
ที่กู้จื่อเฟยพูดอย่างนี้ ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาคลายใจแล้วหนีไปตามลำพัง
เย้นโม่หลินมองกู้จื่อเฟยด้วยแววตาลึกซึ้ง พูดอย่างจริงจังเป็นพิเศษทีละคำทีละประโยค
“ไม่ว่าเมื่อไร ที่ไหน ฉันจะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียว”
กู้จื่อเฟยนิ่งงัน มองเย้นโม่หลินอึ้งๆ
คำพูดนี้ ราวกับถ้อยคำรักหวานหู ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอต้องดีใจมากแน่นอน และล้อให้พี่เย้นบอกเธออีกเป็นร้อยๆ ครั้ง
แต่ตอนนี้ หัวใจมันกลับเต้นไปด้วยความกังวลไม่สบายใจ และการโทษตัวเองด้วย
เธอไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน เป็นตัวภาระ
เย้นโม่หลินเห็นกู้จื่อเฟยดวงตาแดงก่ำ เหมือนว่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ จึงถามอย่างตึงเครียดทันที
“เป็นยังไงบ้าง ปวดมากไหม”
เขาคิดว่าเธอทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว
กู้จื่อเฟยตาแดงทันที เห็นเย้นโม่หลินเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกรักสุดหัวใจ
และก็ยิ่งไม่อยากให้เขาติดร่างแหไปด้วย
เธอส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ค่ะ ไม่ได้ปวดมากอะไร พี่เย้น คุณไม่ต้องพาฉันไปด้วยดีไหม ต้องฝ่าวงล้อมออกไปก่อนถึงจะมีโอกาสรอดชีวิตได้”
“กู้จื่อเฟย ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดเรื่องแบบนี้อีก”
เย้นโม่หลินสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง น้ำเสียงใกล้เคียงกับการออกคำสั่งและการตักเตือน
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันกับฉัน”
การจากไปหรือทิ้งเธอไว้ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สีหน้าของเขามั่นคงไม่มีสั่นคลอน
กู้จื่อเฟยมองเขาด้วยความประหลาดใจ อ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออกสักคำ
ท่านอาวุโสสี่กับท่านอาวุโสห้าอยู่ห่างไปไม่ไกล จึงได้ยินการสนทนาโต้ตอบของพวกเขาทั้งหมด
ยิ่งเห็นความแน่วแน่ของเย้นโม่หลิน รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขายิ่งกว้างขึ้น
การรอบโจมตี พวกเขาเตรียมไว้อย่างดีตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
เย้นโม่หลินกับป่ายฉีระแวดระวังตัวสูง หากเบาะแสแสดงออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนหน้า อาจถูกพวกเขาพบเข้า การวางยาให้พวกเขายิ่งจะเป็นการเปิดโปงการกระทำได้ทุกนาที
ดังนั้นพวกเขาจึงวางยาใส่กู้จื่อเฟย
คุณหนูทองพันชั่งคนนี้ ไหนเลยจะสามารถมองออกได้ว่าในอาหารมีปัญหาอะไร กินแล้วก็แล้วกัน
และตราบใดที่เย้นโม่หลินดูแลกู้จื่อเฟยมากพอจะยินดีพาเธอที่ครึ่งเป็นครึ่งตายไปด้วย พวกเขามั่นใจว่าต้องฆ่าเย้นโม่หลินให้ตายอยู่ที่นี่ได้แน่
“ในเมื่อพวกคุณรักกันมากจนอยากจะลงไปเป็นนกเป็ดน้ำล่องลอยเคียงคู่กันในน้ำพุเหลืองที่ยมโลก ผมก็จะใจดีช่วยพวกคุณเอง”
ท่านอาวุโสห้ายิ้มอย่างเย็นชา ยกแขนขึ้นสูงแล้วตบกระชากลง
“ฆ่า!”
“อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
เมื่อได้รับคำสั่ง เหล่าบอดี้การ์ดก็ล้อมไว้ทุกทิศทาง เอากระบองไฟฟ้าและมีดสั้นพุ่งเข้าใส่พวกเขา
บอดี้การ์ดของตระกูลหยูได้รับการคัดเลือกมาจากหลายพันคน แต่ละคนมีฝีมือที่แข็งแกร่ง ทันทีที่กลุ่มคนพวกนี้พุ่งเข้ามา ลำพังกำลังก็น่ากลัวมากแล้ว ถ้ามาเป็นกองพัน ต้องบดพวกเขาจมโคลนแน่
พลังแห่งการคุกคามพาให้คนหวาดผวา
กู้จื่นเฟยปวดท้องจนฝืนยืนไม่อยู่ ทำได้แค่พิงเย้นโม่หลินพยายามไม่ให้ล้มลง
เธอเห็นพวกบอดี้การ์ดพุ่งเข้ามาด้วยไอแห่งการฆ่ามากล้น ร่างกายก็พลันแข็งเป็นหิน เย็นเฉียบตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงหนังศีรษะ
ความหวาดผวาและเกรงกลัวเข้าโจมตีท่วมท้น
เธอไม่อยากตาย
และยิ่งไม่อยากเห็นเย้นโม่หลินเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
แต่คนพวกนี้ เธอมองออกได้ว่าไม่ใช่ระดับเดียวกับลูกน้องที่ฝู้เหวยข่ายพามาในตอนแรก และจำนวนคนก็เยอะมากกว่าด้วย
เกรงว่าเย้นโม่หลินจะไม่สามารถจัดการได้ แถมยังต้องพาเธอไปด้วย
“อย่ากังวล ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ให้ได้”
เย้นโม่หลินใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดกู้จื่อเฟย กักเธอไว้ในอ้อมแขนตัวเองอย่างแน่นหนา
อีกมือที่ว่างกำเป็นหมัดพุ่งออกมาอย่างหนักหน่วง
ปล่อยพลังในกายทั้งหมดออกไป
พวกบอดี้การ์ดที่วิ่งเข้ามารู้สึกหนาวสั่นในจิตใจ สัญชาตญาณบอกให้ถอย แต่มันก็เป็นความคิดเพียงชั่วขณะเท่านั้น
พวกเขาสามารถเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลหยูที่ถูกคัดเลือกมาจากคนนับพันได้ ทั้งสติปัญญาและความสามารถ ล้วนเป็นหนึ่งในล้าน
พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก ถึงแม้ภารกิจตรงหน้าจะเป็นหรือตาย พวกเขาก็จะไม่มีวันถอย
ฆ่าพวกเย้นโม่หลินทั้งหมด ตอนนี้เวลานี้ คือสิ่งที่พวกเขาต้องบรรลุเป้าหมาย
พวกบอดี้การ์ดเหมือนหมาป่าดุร้ายพุ่งเข้าหาพวกเย้นโม่หลิน
ทะเลกลุ่มคนเกือบท่วมพวกเย้นโม่หลินจนจม
วินาทีถัดมา พลันเกิดเสียงดัง “ตุ้บ” บอดี้การ์ดหลายคนที่อยู่หน้าสุด ลอยไปกระแทกบอดี้การ์ดด้านหลัง
ราบเป็นหน้ากลองทันที
ป่ายฉีกับเย้นโม่หลินต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ออร่าของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ดวงตาคมเฉียบ ราวปีศาจออกมาจากนรก
ป่ายฉีดวงตาแดงก่ำ ปลายลิ้นเลียริมฝีปาก เต็มไปด้วยความกระหายเลือด
“นานมากแล้วที่ไม่ได้ขยับแข้งขยับขาให้สะใจแบบนี้ พี่ใหญ่ ให้โอกาสผมเป็นเจ้าสนามแสดงฝีมือเองเถอะ
ผมเปิดทางให้ คุณพากู้จื่อเฟยไป”
เมื่อได้ยินดังนั้นกู้จื่อเฟยก็สีหน้าเปลี่ยนไปมากทันที
นี่คือแผนให้ป่ายฉีระวังหลัง ให้เย้นโม่หลินพาเธอหนีไปก่อนงั้นเหรอ
เช่นนั้นแล้วความปลอดภัยของป่ายฉีล่ะจะทำยังไง
ขณะที่กู้จื่อเฟยกำลังกังวล ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่เหนือหัว “อืม”
คำเดียวสั้นๆ เป็นการยอมรับข้อเสนอของป่ายฉี
เย้นโม่หลินไม่ใช่คนที่จะทิ้งพี่น้องแล้วหนีไปคนเดียว ตอนนี้กลับตกลงแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเธอแน่
กู้จื่อเฟยดวงตาแดงก่ำรุนแรง กัดฟันพูดว่า
“จะไปก็ต้องไปด้วยกัน ฉันจะไม่เป็นภาระให้พวกคุณ!”
เธอพยายามสู้อดทนกับอาการปวดเกร็งในท้อง สองมือกำแน่น ใช้พลังทั้งหมดในกาย ยันตัวออกมาจากอ้อมแขนของเย้นโม่หลิน
เธอพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันสามารถเดินเองได้ค่ะ พวกคุณแค่จัดการเปิดทางก็พอ”
เย้นโม่หลินไม่ต้องใช้มือข้างหนึ่งกอดประคองเธอ ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเธอ ก็จะไม่ลำบากมากนักจนไปกระทบกับการแสดงฝีมือ
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วเล็กน้อย เอื้อมมือไปดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนตัวเองใหม่
เขาดุว่า “อย่าอวดดี”
เมื่อเข้าสู่อ้อมแขนของเย้นโม่หลิน พลังที่กู้จื่อเฟยดึงออกมาอย่างยากลำบาก ก็สูญสลายหายวับไปในทันที
เธอเจ็บปวดจนร่างกายอ่อนแรง
เธอตาแดง “ฉันไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน…”
ไม่ว่าจะเป็นเย้นโม่หลิน หรือป่ายฉี
ถ้าเป็นเพราะช่วยเธอ จนใครเกิดเรื่อง เธอจะไม่มีวันให้อภัยการไร้ความสามารถของตัวเองไปตลอดชีวิต
“เธอจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
เย้นโม่หลินมองตรงไปยังกู้จื่อเฟย อธิบายให้เธอฟังอย่างอดทน